เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องกันนะ

1830 Words
ลิฟต์ปิดลงพร้อมเสียงเงียบที่หนักอึ้ง อคินจับข้อมือนาราไว้แน่นจนเธอแทบขยับไม่ได้ ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ดวงตาคมกริบไม่เผยอารมณ์ใดๆ แต่มันเต็มไปด้วยแรงกดดันที่ทำให้นารารู้สึกเหมือนกำลังถูกบีบอยู่ในกรงขัง “คุณอคิน! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” นาราโวยวาย น้ำเสียงของเธอสะท้อนความโกรธและความตื่นตระหนก แต่เขาไม่พูดอะไร ไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอ ข้อมือของเธอถูกเขาจับไว้แน่นจนเธอพยายามสะบัดออกแต่ไร้ผล “นี่มันอะไรกัน?! คุณทำบ้าอะไร! ฉันไม่ใช่เลขาของคุณแล้วนะ!” เธอตะโกน แต่เขายังคงนิ่ง เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก อคินลากเธอออกมาโดยไม่พูดอะไรทั้งสิ้น ความสูงของเขาและแรงดึงที่แน่วแน่ทำให้นาราต้องเดินตามไปอย่างไม่เต็มใจ เขาพาเธอมุ่งตรงไปยังรถสปอร์ตสีดำหรูที่จอดอยู่หน้าโรงแรมโดยไม่สนใจสายตาของใครที่มองตาม นาราพยายามดิ้นสุดแรงเมื่อเขาเปิดประตูรถ “ฉันจะไม่ไปกับคุณ! คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้!” เธอพยายามถอยหลัง แต่แรงของเขามากเกินกว่าที่เธอจะต้านไหว เขาเพียงผลักเธอเบาๆ เข้าไปในรถ ก่อนจะปิดประตูอย่างแน่นหนา และเดินอ้อมไปขึ้นฝั่งคนขับโดยไม่พูดคำใด ดวงตาเย็นชาของเขาไม่เผยอารมณ์ แต่แรงกดดันรอบตัวเขาทำให้นารารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังในพื้นที่เล็กๆ เมื่อเครื่องยนต์เริ่มทำงาน เสียงคำรามของมันดังก้องไปทั่ว นาราโวยวายอีกครั้ง “คุณจะพาฉันไปไหน! หยุดรถเดี๋ยวนี้!” เขาไม่ตอบ แต่เหยียบคันเร่ง รถพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่ทำให้เธอต้องจับที่นั่งแน่น “คุณบ้าไปแล้วเหรอ! นี่มันผิดกฎหมาย!” เธอตะโกนพร้อมกับพยายามหันไปเปิดประตู แต่ระบบล็อกของรถทำให้เธอทำอะไรไม่ได้ “นั่งเงียบๆ” เขาพูดในที่สุด น้ำเสียงของเขาเย็นจนเธอรู้สึกเหมือนถูกตัดพ้อในทันที นาราจ้องเขาด้วยความโกรธและตกใจ “คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตฉัน! คุณไม่ใช่เจ้านายของฉันอีกแล้ว!” เขาไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะหันมามองเธอ ดวงตาของเขาจับจ้องถนนข้างหน้า แต่ความเงียบของเขายิ่งทำให้นารารู้สึกถูกกดดันมากขึ้น ไม่นานนัก รถหยุดลงหน้าตึกสูงระฟ้า อคินเปิดประตูและดึงเธอออกจากรถทันที นาราพยายามดิ้นสุดแรง “ปล่อยฉัน! คุณจะทำอะไร!” เธอโวยวาย แต่เขายังลากเธอต่อไป เมื่อถึงลิฟต์ เขากดชั้นบนสุด และในระหว่างที่ลิฟต์เคลื่อนตัวขึ้น ความเงียบระหว่างทั้งสองเต็มไปด้วยความตึงเครียด นาราพยายามดิ้นอีกครั้ง แต่แรงบีบข้อมือของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีทางชนะ “คุณอคิน! ฉันถามว่าเรากำลังจะไปไหน!” เธอโวยวายอีกครั้ง แต่เขายังคงเงียบ เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก เขาลากเธอเข้าไปในเพนต์เฮาส์หรูหราที่เต็มไปด้วยกระจกบานใหญ่ที่มองเห็นวิวทั้งเมือง นาราดิ้นรนพยายามสะบัดมือเขาอีกครั้ง “คุณกำลังทำอะไร! นี่มันบ้าไปแล้ว!” เธอร้องเสียงดัง เขาหันมามองเธอในที่สุด ดวงตาคมกริบของเขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ “ฉันทำในสิ่งที่ควรทำ... หยุดเธอจากการทำอะไรโง่ๆ ที่เธอจะเสียใจ” “อะไรคือสิ่งที่คุณเรียกว่าฉันโง่! ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว!” เธอพูดเสียงสั่น น้ำตาคลอด้วยความโกรธ เขาก้าวเข้ามาใกล้ในระยะที่ทำให้เธอต้องถอยหลังจนชนกำแพง “เธออาจไม่ต้องการฉัน... แต่ฉันบอกไว้ตรงนี้เลย นารา เธอไม่มีสิทธิ์ไปเป็นของใครหน้าไหนทั้งนั้น” คำพูดของเขาทำให้เธอตัวสั่น ทั้งจากความโกรธและความหวาดกลัว ดวงตาของเขาเย็นเยียบแต่เต็มไปด้วยแรงครอบงำที่ทำให้เธอรู้ว่าเขาไม่เคยคิดจะปล่อยเธอไปเลย... ไม่แม้แต่ครั้งเดียว นาราถูกดึงเข้าไปในห้องกว้างของเพนต์เฮาส์ ร่างของเธอยังคงติดอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรงของอคิน เธอดิ้นสุดแรง แต่แรงของเขามากเกินกว่าที่เธอจะหลุดพ้นได้ “ปล่อยฉันนะ! คุณอคิน!” เธอร้องเสียงดัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโกรธและสับสน เขาไม่พูดอะไร แต่แรงที่เขารั้งเธอไว้แน่นแสดงถึงความแน่วแน่ เขากดล็อกประตูด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะเดินลากเธอเข้าไปลึกขึ้นในห้องหรู ที่ล้อมรอบด้วยกระจกสูงจากพื้นจรดเพดาน เผยให้เห็นวิวเมืองที่พร่างพราวด้วยแสงไฟยามค่ำคืน “นี่มันบ้าไปแล้ว! คุณจะทำอะไร!” เธอถามเสียงสั่นพยายามดิ้น แต่เขายังคงนิ่ง เมื่อถึงกลางห้อง เขาปล่อยมือจากเธออย่างกะทันหัน นาราเซถอยหลังเล็กน้อย เธอหันมามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและคำถาม “คุณทำแบบนี้ทำไม! เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะ! แค่เลขากับเจ้านายเท่านั้น!” คำพูดของเธอเหมือนกระแทกเข้าที่หัวใจของเขา ใบหน้าของอคินที่เยือกเย็นขยับเล็กน้อย ดวงตาคมกริบที่จ้องเธอสะท้อนความรู้สึกบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก “เลขากับเจ้านาย?” เขาพูดช้าๆ น้ำเสียงนิ่งแต่แฝงด้วยความกดดัน “เธอคิดว่าฉันดูแลเธอมาเพราะแค่นั้นเหรอ?” นาราก้าวถอยหลังอีกครั้ง “ใช่สิ! ฉันทำงานให้คุณสิบปี เพราะมันเป็นหน้าที่ของฉัน! แต่นี่มันเกินไปแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของฉัน!” เขาเดินเข้ามาใกล้ช้าๆ ราวกับเสือที่กำลังล่าเหยื่อ ใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง แต่แรงกดดันในห้องทำให้นารารู้สึกเหมือนอากาศหายไป “เธอไม่มีสิทธิ์พูดแบบนี้” เขากระซิบเสียงเย็นชา “สิบปีที่ผ่านมา เธออยู่ในชีวิตฉันมากกว่าที่ใครเคยเป็น เธอคิดว่าฉันจะปล่อยให้เธอไปยิ้มให้คนอื่นง่ายๆ เหรอ?” “นี่มันบ้าไปแล้ว!” นาราแผดเสียง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรต่อ เขาก็คว้าข้อมือเธอไว้แน่นอีกครั้ง “จำไว้ นารา...” เขาก้มลงมามองเธอในระยะประชิด ใบหน้าของเขาเยือกเย็นแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความดุดัน “เธออาจจะคิดว่าเราเป็นแค่เลขากับเจ้านาย แต่สำหรับฉัน... มันไม่เคยเป็นแบบนั้น” เธอตัวสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าด้วยความโกรธหรือความกลัว แต่สิ่งหนึ่งที่เธอรู้คือ เขาไม่มีวันปล่อยเธอไปง่ายๆ... และเธออาจไม่มีทางหลุดพ้นจากพันธนาการของเขาได้เลย นาราเบิกตากว้างเมื่อรู้สึกถึงแรงดึงที่แนบแน่นจากอ้อมแขนแข็งแรงของอคิน ร่างของเธอถูกตรึงไว้แน่นจนไม่สามารถขยับหนีได้ ความโกรธและความสับสนที่สะสมมาตลอดกลายเป็นเสียงโวยวายที่หลุดจากปาก “คุณอคิน! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” เธอพยายามดิ้นรน ใช้มือดันหน้าอกของเขาออกไป แต่แรงของเธอเทียบไม่ได้กับชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาไม่พูดอะไร ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ สายตาที่ทั้งเย็นชาและร้อนแรงในเวลาเดียวกันทำให้เธอเหมือนถูกสะกด ร่างกายของเธอหยุดนิ่งไปชั่วขณะ “เงียบซะ นารา” เสียงของเขาต่ำลึกและหนักแน่น ก่อนที่เธอจะทันพูดอะไรต่อ เขาก้มลงมาประทับริมฝีปากกับเธออย่างรุนแรงและเร่าร้อน ดวงตาของเธอเบิกกว้างอีกครั้ง ขณะที่สัมผัสอุ่นๆ จากจูบแรกที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัวเข้ามาแทนที่ความโกรธ ริมฝีปากของเขาร้อนแรงและเอาแต่ใจ ราวกับต้องการตอกย้ำว่าตัวเธอเป็นของเขาและไม่มีสิทธิ์หนีไปไหน “อื้อ!” เธอพยายามดิ้นสุดแรง ขยับศีรษะเพื่อหลีกเลี่ยงสัมผัสที่รุนแรง แต่แขนของเขายังคงโอบเธอไว้แน่นจนเธอไม่สามารถหนีไปได้ แรงดึงดูดจากอ้อมแขนของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นบางสิ่งที่เธอไม่อาจต้านทานได้ ร่างกายที่ดิ้นรนของเธอเริ่มอ่อนแรงลงทีละน้อย ลมหายใจที่ติดขัดของเธอเริ่มผ่อนคลาย ร่างเล็กในอ้อมแขนแข็งแรงเริ่มอ่อนระทวยราวกับถูกสลายด้วยสัมผัสของเขา เขาผละจูบออกชั่วขณะ มองดูเธอที่ยืนหอบหายใจอยู่ในอ้อมแขน ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาที่เคยโกรธเกรี้ยวกลับดูสับสนและสั่นไหว “นี่...” เธอพยายามพูดแต่เสียงกลับขาดหายไป นารายังคงหอบหายใจ ใบหน้าของเธอแดงก่ำจากจูบแรกที่รุนแรงจนเธอแทบตั้งตัวไม่ทัน เธอยังคงจ้องอคินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและโกรธ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาก็เอื้อมมือมาประคองใบหน้าเธอไว้ ปลายนิ้วแตะอยู่ที่คางเรียวของเธออย่างนุ่มนวล แต่มั่นคง “เธอไม่มีทางหนีฉันได้ นารา ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม” เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มนุ่ม แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจและครอบงำ ก่อนที่เธอจะตอบโต้ เสียงของเธอกลับถูกกลืนหายไปอีกครั้งเมื่อเขาก้มลงจูบเธออย่างเร่าร้อน คราวนี้จูบนั้นยาวนานและดึงดูดจนเธอไม่อาจต่อต้าน ริมฝีปากของเขากดแนบกับเธอในจังหวะที่แน่วแน่ แต่กลับแฝงไปด้วยความหวานล้ำที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนตกลงไปในห้วงแห่งแรงดึงดูดที่ไม่มีที่สิ้นสุด เธอดิ้นรนในตอนแรก ใช้มือทั้งสองข้างพยายามผลักเขาออก แต่แรงของเขาที่ตรึงเธอไว้แน่นในอ้อมแขน ทำให้ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวยอีกครั้ง ความร้อนจากริมฝีปากของเขาแผ่ซ่านไปทั่วร่างเธอ เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงจนเธอแทบได้ยินมันก้องในหู จูบของเขาไม่ได้รุนแรงเหมือนครั้งแรก แต่กลับลึกซึ้งและอ่อนหวานจนเธอแทบลืมหายใจ ความรู้สึกที่วิ่งผ่านร่างกายเธอคือความสับสนระหว่างความโกรธและแรงดึงดูดที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ทุกสัมผัสของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกกลืนกินอย่างช้าๆ แต่ไม่มีแรงจะต่อต้าน เมื่อเขาผละออกช้าๆ นาราหอบหายใจอีกครั้ง ริมฝีปากของเธอแดงก่ำและเปียกชื้นจากจูบที่ยาวนานจนเธอแทบขาดใจ ดวงตาของเธอพร่ามัวด้วยความรู้สึกที่ตีกันยุ่งเหยิง เธออยากพูด อยากโวยวาย แต่ทุกคำกลับติดอยู่ในลำคอ อคินมองดูเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความพอใจและแรงปรารถนา เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่เด็ดขาด “ฉันเตือนเธอแล้ว นารา เธอจะไม่มีวันหลุดจากฉันได้… เพราะฉันไม่ยอม”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD