Chapter 10 พี่สาวจอมบงการ

1362 Words
ชายหนุ่มยกผ้าห่มคลุมโปงอีกครั้ง “ผมเจ็ทแล็ค ขอนอนพักอีกหน่อยนะครับ” “ไม่ต้องมาหาข้ออ้าง ฉันรู้ดีว่าแกเดินทางบ่อยแค่ไหน เรื่องแบบนี้ไม่เกิดขึ้นกับแกแน่ เพราะเมื่อคืนก็ได้ยินข่าวว่าไปดื่มจนเมามายกลับมา ทั้งที่พี่บอกแกแล้วว่าให้ไปเจอที่ร้าน และบอกว่าจะแนะนำเชฟคนใหม่ของที่ร้านให้แกรู้จัก แกยังคิดว่าคำพูดฉันมีความหมายอีกไหม” “โถ่… พี่สาวคนสวย อย่าโมโหนะ เดี๋ยวหลานผมเครียด หน้าย่นตีนกาขึ้นตั้งแต่อยู่ในท้อง” คนเป็นน้องเสียงอ่อยลง ทันทีที่นึกได้ แต่การแสดงของน้องชายก็ไม่อาจตบตาคุณนายคอร์แนลได้ “แกไม่ต้องมาเล่นลิ้นกับฉัน ไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันจะพาแกไปแนะนำที่ร้าน แล้วต่อไปแกจะบริหารหรือจัดการอย่างไรก็แล้วแต่แก ขออย่างเดียว อย่าทำให้ร้านฉันเจ้งก็พอ ก่อนที่ฉันจะบินตามคุณมาคัสไปประชุมที่ดูไบวันจันทร์” ชายหนุ่มทะลึ่งพรวด สร่างเมาเป็นปลิดทิ้งถึงแม้จะได้นอนไม่กี่ชั่วโมง “หา! พี่จะทิ้งกันง่ายดายอย่างนี้เลยหรือ ไม่ให้เวลาผมเตรียมตัวเตรียมใจบ้างเลย ทำร้านอาหารนะ… ไม่ใช่สร้างเครื่องบิน จะได้ทำกันง่ายๆ ” ชายหนุ่มโอดกับพี่สาวที่โยนงานมาให้อย่างไม่ตั้งตัว ตอนแรกเขากะว่าจะยื้อเวลาออกไปได้อีกหน่อย “ฉันรู้! ว่าแกแค่ต้องการยื้อเวลา และก็รู้ดีที่สุดว่าคนอย่างแกถ้าตั้งใจจะทำแล้ว ทุกอย่างจะออกมาได้ดีเสมอ เพราะฉันรู้ดีและเชื่อใจแก ฉันถึงเรียกตัวแกกลับมาไง” “เล่นวางแผนดักทุกทางอย่างนี้เลยหรือ” “แกคงลืมไป… ว่าฉันเป็นพี่แก และเลี้ยงแกมาตั้งแต่พ่อแม่เสีย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าความคิดหรือแม้แต่สันดานดิบของแก ฉันก็รู้จนทะลุปรุโปร่ง ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันจะไปรอข้างล่าง” คล้อยหลังพี่สาวจอมบงการ ฉายานี้รับรู้กันเพียงสองคนกับมาคัสพี่เขยเท่านั้น ชายหนุ่มจำต้องลุกจากที่นอน ไม่ลืมแวะหยิบผ้าขนหนูติดมือเดินเข้าห้องน้ำไป เพลินวานปรือตาอันหนักอึ้งรับแสงของวันใหม่ เธอรู้สึกวูบวาบไปทั่วตัวเธอรู้สึกปวดร้าวและยังอาการคั่นเนื้อคั่นตัวเหมือนจับไข้ นึกย้อนถึงเรื่องราวเมื่อคืน เธอไม่น่าดื่มเลย อีกทั้งไม่สามารถจดจำเรื่องราวได้ ดื่มจนเมามายเพราะแรงยุของเพื่อน หญิงสาวสลัดความปวดร้าวบนศีรษะที่หนักอึ้งออกไป แต่ทว่ามันกลับเกาะกุมฝังแน่นไม่อาจสลัดหลุดได้ง่ายๆ เธอลุกขึ้นยืดตัวบิดกายเบาๆ ก่อนที่จะเดินฮัมเพลงเข้าห้องน้ำไป ความเย็นของน้ำที่ชำระร่างกายทำให้ความสดชื่นตื่นตัวกลับมาบ้าง แต่อาการหนักอึ้งที่ศีรษะยังคงรั้งตำแหน่งความปวดตุบๆ ไว้ได้ดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพลินวานเดินลงมาข้างล่างทันทีหลังจากที่อาบน้ำเสร็จ สายมากแล้ว แต่ก็ไม่มีใครขึ้นไปปลุกเธอเลยสักคน และไม่บ่อยนักที่เธอจะตื่นสายแบบวันนี้ เธอคงจะเหนื่อยกับเดินทาง แล้วยิ่งไปเจอฤทธิ์น้ำเมาด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ มารตีเห็นเพลินวานเดินลงบันไดมาก็ทักขึ้นมาก่อน “ตื่นแล้วหรือเพลิน น้าเห็นว่าหนูเดินทางมาเหนื่อย ก็เลยไม่ให้เด็กขึ้นไปปลุก อยากให้ผักผ่อนเต็มที่ มาทานข้าวกันก่อนมา น้าทำข้าวต้มหมูสับของโปรดเอาไว้ให้” เพลินวานเดินตรงมาที่โต๊ะอาหารหลังจากสิ้นเสียงของมารตี หญิงสาวหย่อนกายลงนั่งข้างๆ ปลัดหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตากินข้าวอยู่ก่อนหน้า “เมื่อวานเป็นอย่างไรบ้างละลูก เห็นไปกับเพื่อน ตาเพลิงหิ้วปีกกลับมาบ้านแทบไม่มีสติ” คนเป็นแม่ที่นั่งฝั่งตรงข้ามถามขึ้นมาบ้าง นางอดตำหนิลูกสาวไม่ได้ แม้ว่าจะไม่เต็มเสียงนักก็ตาม เพราะนางก็ไม่เห็นว่าลูกสาวจะทำตัวเหลวไหลมากมาย แต่ด้วยความเป็นแม่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ “ขอโทษค่ะแม่ เมื่อวานเพื่อนให้ดื่มหนักไปหน่อย เดี๋ยวคนโน้นชนที คนนี้ชนที เห็นเพลิงไปด้วยก็เลยกล้าดื่ม แล้วเพลินไม่ค่อยได้ดื่มก็เลยเมาเร็ว” เพลินวานตอบมารดาเสียงอ่อนหลบสายตา ยกมืออีกข้างกดขมับบ่นออกมาเบาๆ “เพลินปวดหัวจังค่ะ” “เป็นอย่างนี้สิน่า คงจะเป็นเมาค้างนั้นแหละ ถ้าอย่างนั้นต้องดื่มกาแฟดำไปจะได้หาย เดี๋ยวแม่ไปเอามาให้” ถึงแม้จะตำหนิลูกสาว แต่ด้วยความเป็นแม่ก็อดเป็นห่วงใส่ใจลูกสาวตามความเคยชินไม่ได้ นางขยับลุกเดินเขาไปในครัวทันทีที่พูดจบ เพียงไม่นานก็ถือถ้วยกาแฟแก้วโตมาให้ลูกสาว ที่ตอนนี้จะเรียกว่ากำลังทานข้าวต้มคงจะไม่ได้ เพราะหญิงสาวค่อยเล็มที่ปลายช้อนทีละนิด “ทานดีๆ สิเพลิน เอานี่กาแฟดำ ดื่มให้หมด” นางเพลินไหมไม่วายดุลูกสาวอีกครั้ง วางแก้วกาแฟให้ลูกสาวข้างชามข้าวต้ม “ขอบคุณค่ะแม่” เพลินวานกล่าวขอบคุณมารดา ก่อนที่จะยกแก้วกาแฟตรงหน้าขึ้นดื่ม เพราะอยากจะปัดเป่าความหนักอึ้งที่เกาะกุมนี้ออกเสียที แต่พอยกขึ้นดื่มเธอก็แทบวางแก้วลงที่เดิมแทบไม่ทัน อาการกล้ำกลืนเหมือนอยากคายน้ำดำๆ ออกจากปากเต็มที แต่สายตาดุที่มารดามองมาที่เธอ ทำให้หญิงสาวจำต้องรีบกลืนมันลงคอไป อย่างน้อยมันก็ไม่ค้างที่โพรงปากและลิ้นที่ยังเป็นอวัยวะที่ทำงานได้ดีเยี่ยม ที่เป็นต่อมรับรสที่ดีเลิศของเธอไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งที่วันนี้มันน่าจะหยุดทำหน้าที่สักวัน เธอเพิ่งรู้ซึ้งคำสุภาษิตไทยที่ว่าหวานอมขมกลืนก็วันนี้แหละ “บื้อ! ขมมาก!” หลังจากกลืนน้ำสีนิลที่เรียกว่ากาแฟลงคอไป เพลินวานก็หยิบน้ำดื่มตามไปทันที มารตียิ้มขำให้กับลูกสาวเพื่อนรักที่เป็นเหมือนลูกของเธอมากกว่า บอกเพลินวานอย่างเอ็นดู “เมาค้าง ต้องดื่มเข้มๆ แบบนี้แหละเพลิน แล้วหนูต้องดื่มให้หมดนะ” เพลินวานตาโตมองน้ำสีนิลที่ค้างอยู่ในแก้วกว่าครึ่ง กลืนน้ำลายฝืดเหนียวลงคอ “ไม่หมดไม่ได้หรือคะ ขมจะตายไป ถ้าเมาค้างแล้วต้องทรมานอย่างนี้ เห็นทีเพลินจะเข็ดจนขยาดเหล้าไปเลย ว่าแต่น้ารตีไม่ไปที่ร้านหรือคะ” หลายปีที่อยู่กับมารตีเพลินวานก็เห็นนางออกไปตรวจบัญชีและสั่งของเข้าร้านแล้ว ช่วงบ่ายค่อยกลับมาพักและออกไปอีกทีพร้อมกับเธอตอนเย็น ที่ผ่านมา… มารตียอมลำบากในการทำงานเพื่อเธอจนชิน ตอนเธอเรียนก็จะออกจากบ้านพร้อมกับเธอและไปส่งเธอที่มหาวิทยาลัยก่อนแล้วก็ไปที่ร้าน เสร็จงานช่วงเช้าก็กลับมาบ้าน หลังจากนั้นก็รอเธอเลิกเรียน ไปรับเธอและไปทำงานด้วยกัน มันเป็นอย่างนี้มาตลอดจนกระทั่งเธอเรียนจบ ทั้งที่จริงก็สามารถตรวจและทำบัญชีตอนเย็นได้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยตื่นเช้า แต่ด้วยความเป็นห่วงเธอกลัวว่าจะกลับดึกได้พักผ่อนน้อย เพราะต้องเรียนด้วย มารตีก็เลือกที่จะลำบากเสียเอง “น้าให้คนอื่นมาบริหารแทนแล้วจ้ะ ตอนนี้ก็เก็บแค่หุ้นไว้นิดหน่อย… เอาไว้ให้เพลินเป็นของขวัญตอนกลับมา พักหลังน้าไม่ค่อยสบาย ดูแลร้านคนเดียวไม่ไหว” เพลินวานอ้าปากเหวอกับข่าวใหม่ที่เธอเพิ่งจะได้รับรู้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD