Chapter 9 ผู้จัดการจำเป็น

1469 Words
เพลินวานเริ่มพร่ำ เมื่อหวนคิดถึงสายตาคู่นั้นของเชฟอิริค ชายหนุ่มที่เธอต้องหอบแผลใจบินข้ามน้ำข้ามทะเลกลับมารักษาเยียวยา น้ำอุ่นใสไหลออกมาทางหางตาพร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากใจอันรวดร้าวอย่างที่เพื่อนไม่ต้องถามต่อ “ฉันอาย ความกล้าที่ฉันเคยมีมันหมดลงตั้งแต่ฉันเดินไปบอกรักเขา” เพลินวานปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย จนเพื่อนสองคนมองหน้ากัน ทั้งคู่ยกมือขึ้นบีบไหล่ของเพลินวานคนละข้างอย่างปลอบโยน “เล่ามาเถอะ พวกฉันพร้อมจะรับฟัง” เพลินวานไม่สามารถกักความรู้สึกหน่วงในหัวใจเอาไว้เพียงลำพังอีกต่อไป เธอระบายความอัดอั้นทั้งหมดออกมา ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ในเลือด “เขาเป็นเชฟระดับมิชลินสตาร์สามดาว เขาโด่งดังไปทั่วฝรั่งเศส ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์หรือแม้กระทั่งทีวี มีข่าวของเขานำเสนอทุกวัน และเขาก็มีสาวข้างกายที่ให้เห็นแทบไม่ซ้ำ แต่ฉันก็รู้ตัวว่ารักเขามากขึ้นทุกวันและรู้สึกหวงแหนเขามากขึ้นทุกนาที” หญิงสาวเว้นระยะสะอื้นฮึกฮัก “ฉันคิดบ้าๆ รวบรวมความกล้าไปสารภาพรักเพราะคิดว่าเขาสนใจตัวเอง การที่ฉันสารภาพจะทำให้เราเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน แต่นั่น… มันทำให้ฉันอยากหยุดหายใจ กัดลิ้นตัวเองเพราะความอายให้ตายอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาที่เคยมองฉันมันเปลี่ยนไป เขามองฉันอย่างสมเพช คงจะคิดว่านังเด็กคนนี้ช่างไม่เจียมตัวเอาเสียเลย” “แกคิดมากไปเองหรือเปล่า” เพลินวานส่ายหน้า “ทุกอย่างมันชัดเจนขึ้นหลังจากวันนั้น เขามองฉันอย่างหมางเมิน ทำราวกับว่าฉันไม่มีตัวตนในสถานที่แห่งนั้น คนในครัวเริ่มมองฉันแปลกๆ ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นตัวประหลาดจนไม่กล้าสบตาใคร พวกเธอคิดว่าฉันจะกล้าอยู่สู้หน้าใครได้อีก” แววตาคนเมาทอดหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด เล่าเรื่องราวที่คั่งค้างในใจให้เพื่อนฟัง ช่อแก้วกับป่านฝันกลืนนำลายฝืดลงคอหันมาสบตากัน ตอนแรกพวกเธอแค่นึกสนุกอยากเค้นความจริงจากปากของเพื่อนที่เป็นคนเก็บความลับเก่ง ไม่เคยแสดงออกทั้งคำพูดและหน้าตา แต่พอมาเจอบทเศร้าอย่างนี้พวกเธอก็อดสงสารเพื่อนสาวไม่ได้ แต่ก็ยังอยากรู้เรื่องอยู่ “แล้วไงต่อละ...” ช่อแก้วที่โดนป่านฝันผลักหัวไหล่ให้เป็นคนถามต่อ “ฉันก็เลยลาออก กลับมาเมืองไทยอย่างที่เห็นนี่แหละ เป็นไงละ… ความรักครั้งแรกของฉัน” “แล้วแกไปรักเขาได้ยังไง” “ฉันเจอเขาโดยบังเอิญ เป็นความอบอุ่นที่เขามอบให้คนไกลบ้านอย่างฉัน หลังจากนั้นฉันก็รู้ว่าเขาเป็นอาจารย์สอนที่โรงเรียน เขาไม่ได้มีท่าทีรังเกียจฉันแม้แต่น้อย ความรู้สึกดีๆ ก่อตัวในใจจนกลายเป็นความรักอย่างไม่รู้ตัว จนวันที่ฉันได้เริ่มงานก็ยิ่งตอกย้ำให้ฉันเข้าใจว่าทุกอย่างเหมือนสวรรค์สร้างให้เรามาเจอกัน รู้ไหมว่าฉันดีใจแค่ไหนที่ได้รู้ว่าเขาเป็นเชฟบริหารในร้านที่ฉันทำงานครั้งแรก ทุกอย่างมันเลยเถิดจนคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาก็รู้สึกดีกับฉัน จนเกิดเป็นความกล้าบ้าบิ่นเดินไปสารภาพรักเขา” เพลินวานบอกแววตาหม่นเอ่อนอง น้ำใสๆ ที่ไหลรินออกมาไม่ขาดสาย เธอไม่ได้ตั้งใจให้มันไหลออกมาเลยสักนิด กับคำพูดที่พรั่งพรูออกมาจากปากบางได้รูปสวยเป็นกระจับ “ไหง! มันมาลงบทดราม่าแบบนี้ได้วะ! กำลังสนุกอยู่เลย นานทีปีหนยัยเพลินจะเปิดปาก ลงทุนมอมเหล้ามันขนาดนี้แล้ว น่าจะได้ข้อมูลมากกว่านี้หน่อย” ช่อแก้วบ่นอุบไม่จริงจังนัก มองหน้าเพื่อนอีกคน ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็ลดมือถือที่กำลังอัดวีดีโอตามคำสั่งสามสาวลง หันไปมองร่างบางของพี่สาวอย่างสงสาร “ผมว่าพอเถอะครับ ผมสงสารพี่เพลิน เธอแบกรับอะไรมามากมาย อีกอย่างผมเป็นห่วงพวกพี่ด้วย กลับดึกมากเป็นอันตราย” ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย เพลินวานฝ่าฟันคนเดียวมาโดยตลอด เธอเข้มแข็งมากไม่เคยปริปากบอกที่บ้านให้ไม่สบายใจไปด้วย ไม่ว่าวันนั้นเธอจะเหนื่อย จะท้อ เธอยังเป็นพี่ที่ยิ้มให้ทุกคนก่อนเสมอ แต่ทุกครั้งที่เธอพยายามยิ้มและทำตัวให้รื่นเริง แววตาเศร้ากลับซ่อนความรู้สึกไว้ไม่มิดสักครั้ง ทั้งเรื่องพ่อที่เธอแบกรับความรู้สึกผิดมานานนับสิบปี แม้กระทั่งเรื่องที่ทุกคนเพิ่งจะรับรู้มาเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ ถึงตอนนี้ชายหนุ่มอดทึ่งเพื่อนพี่สาวสองแสบไม่ได้ แม้เพียงเจอกันไม่กี่ชั่วโมง พวกเธอก็รู้ว่ามีอะไรบางอย่างที่พี่สาวเขาปิดบังพวกเธออยู่ และบังคับให้เขาช่วยจนต้องตกกระไดพลอยโจนมาถึงตอนนี้ “ฉันก็ว่าเหมือนอย่างเพลิง… เราพอกันแค่นี้ดีกว่า สงสารมันเหมือนกัน” ป่านฝันบอกเพื่อน “เธอที่พูดจาเป็นการเป็นงานสมกับที่เป็นปลัดจริงๆ นะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันเถอะ พรุ่งนี้วันหยุด… เจอกันที่ร้านพี่เหมือนเดิมตอนสี่โมงเย็นนะ ฝากเพลิงบอกเพลินด้วย” ช่อแก้วบอกกับเพื่อน แต่เธอก็ไม่ลืมหันไปฝากน้องชายเพื่อนสนิท ที่ตอนนี้เขากำลังประคองคนเมาแทบยืนไม่อยู่ เวลาต่อมาทั้งหมดก็เดินออกมาจากร้าน ทั้งที่นักท่องราตรียังคงความหนาแน่นเหมือนเดิม แสงสีแสดเข้มยามสายของวัน ส่องประกายรอดผ่านช่องหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีอีกคนตั้งใจเปิดมันอ้ากว้างออก ไอความร้อนตกกระทบเปลือกตาหนักอึ้งของคนที่นอนเหยียดยาวบนเตียงนุ่ม ชายหนุ่มพยายามดึงผ้าห่มสีสะอาดตาปิดเอาไว้ แต่ก็ยังมีอีกแรงกระชากออก “ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยนะพ่อตัวดี” ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจอย่างมากที่แสงมาพร้อมกับเสียง… ผิดจากที่เขาเรียนมานัก ว่าแสงจะเดินทางเร็วกว่าเสียงเสมอ ทุกองค์ประกอบบนเตียงขนาดคิงไซส์ ล้วนเป็นสีขาวสะอาดตาทั้งสิ้น มีเพียงร่างหนาของชายหนุ่มที่โดดเด่น แขนสองข้างเต็มไปด้วยมัดกล้ามอันแข็งแกร่งอย่างคนออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่เพียงแค่แสงกับเสียงเท่านั้นที่เขารับรู้ แต่มันยังมาพร้อมกับแรงบีบอัดเต็มอัตราเร่งที่เกิดขึ้นกับตัวเขา และมันไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้งจนเขาเผลอร้องออกมา “โอ๊ย! เป็นอะไรวะเนี่ย เจ็บไปหมดเลย” ภูริชร้องเสียงหลงและเปิดผ้าห่มออกมาหาสาเหตุแห่งความเจ็บปวดนั่น แล้วก็เจอจริงๆ อย่างที่คาด “นางยักษ์” ชายหนุ่มอุทานออกมาเต็มเสียง มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาให้นิยามสิ่งที่เห็นตรงหน้าในขณะนี้ หรือไม่อีกอย่างก็คงจะเป็นภาพหลอนแน่ๆ ชายหนุ่มกระเด้งตัวขึ้นทันที หลังมือขยี้ตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงและเงาเลือนรางที่ยืนอยู่ปลายเตียง “คุณนายคอร์แนลตามมาหลอกหลอนถึงฝรั่งเศสเลยหรือ ขนาดมาเที่ยวยังจะตามมาอีกนะ” ทั้งที่ปากยังพูดแต่ตาก็ปิดลงเหมือนเดิมและล้มตัวลงไปบนเตียงเหมือนละเมอ “ตาภู! ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!” คำสั่งมาเสียงชัดเจนย้ำอีกครั้งพร้อมกับแรงกระชากผ้าห่ม เห็นทีว่ามันคงจะไม่ได้ฝันอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว ตัวจริง เสียงจริง คุณนายคอร์แนลชัวร์ เขาลุกขึ้นนั่งอีกทีก่อนที่จะถามพี่สาวไปเป็นชุด “พี่พิณมาได้อย่างไร พี่มาคัสมาด้วยหรือเปล่ามาเที่ยวหรือว่ามาทำงานครับเนี่ย” ชายหนุ่มยิ้มระรื่น เงยหน้าถามพี่สาวเสียงนุ่ม พอเห็นใบหน้าของพี่สาวชัดเจน เขาก็ปรับน้ำเสียงให้อ่อนลงได้เพียงไม่ข้ามเสี้ยวนาที “ที่นี่เมืองไทย โปรดเบิกตาดูให้ดี ตื่นไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันมีเรื่องที่จะสะสางกับแก” คนเป็นพี่ออกคำสั่งเสียงเข้ม เขาก็เพิ่งนึกได้ว่าอยู่ที่ไหน แล้วพี่สาวโกรธเรื่องอะไร
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD