Chapter 11 ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่

1375 Words
“แล้วทำไมที่ผ่านมาไม่เห็นน้ารตีบอกหรือเล่าให้ฟังเพลินเลย น้าให้เพลินกลับมาช่วยได้ แล้วเรื่องการป่วยอีกละ น้ารตีเป็นอะไรคะ” “น้าเป็นมะเร็ง แต่น้าไม่ได้เป็นหนักมากหรอก มันยังอยู่ในระยะแรกที่เรารักษาได้ น้าไม่อยากให้เพลินต้องคิดมาก ไม่อยากทำลายความฝันของเพลิน เพราะถ้าน้าบอก… เพลินก็ไม่ยอมไปเรียน ไม่ยอมทำงานหาประสบการณ์ และต้องรีบกลับมาเพราะเป็นห่วงร้าน ห่วงน้า” มารตีเว้นระยะเลื่อนมือไปโอบบ่าเพลินวาน “เรื่องร้าน… ถ้าเพลินอยากเปิดร้านใหม่น้าก็พร้อมขายหุ้นแล้วมาทำร้านใหม่กัน เพราะหุ้นที่เหลือทั้งหมดน้าจะยกให้เพลิน แต่น้าขอให้เพลินจัดการเรื่องที่รับปากกับน้าให้เสร็จเสียก่อน” เพลินวานมองหน้าแม่กับมารตีสลับกัน “เรื่องที่เพลินรับปากแล้ว เพลินก็จะทำให้เสร็จค่ะ แต่เพลินยังแปลกใจว่า… ไม่เห็นน้ารตีจะต้องคิดมากเรื่องนั้นเลย ร้านก็ไม่ใช่ร้านของเราอีกต่อไปแล้ว” “คนเดียวที่จะช่วยได้ก็มีแค่เพลิน ช่วยเขาหน่อยนะ น้าไม่แน่ใจว่าเขาจัดเมนูอาหารได้สมดุลหรือเปล่า หรือติดขัดที่ตรงไหน น้าเองก็ไม่ได้รู้เรื่องงานครัวมากเท่าเพลิน และน้าไม่อยากเข้าไปยุ่งมากนัก หลังจากจบงานนี้… เพลินจะทำอะไร หรือจะเปิดร้านใหม่ น้าทำให้เพลินได้ทุกอย่าง” “เพลินคงรับสิ่งนี้ไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไป รวมทั้งเรื่องหุ้นของร้านด้วย เท่าที่น้ารตีทำให้เพลินมาทั้งหมด มันก็มากมายเกินพอแล้ว” “เงินที่น้าขายร้าน มันก็มากมายจนผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างน้าจะใช้ไม่หมด เชื่อน้าเถอะ… น้าอยากให้เพลินช่วยรับมันไว้” “ขอบคุณที่รักและเอ็นดูเพลินมาตลอดค่ะน้ารตี เพลินจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ให้สมกับความรักและความไว้วางใจที่น้ารตีมีให้เพลินตลอดมา” “เจ้าของร้านคนใหม่ที่เขาเข้ามาบริหารร้านต่อจากน้า เธอเป็นเพื่อนรุ่นน้องของน้าเอง ในสัญญาก่อนตอนขายร้านระบุว่า… เพลินยังสามารถทำอะไรได้ทุกอย่างเหมือนเดิม พร้อมตำแหน่งเชฟ และสามารถพัฒนาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างรวมทั้งเมนูอาหารได้อย่างที่เพลินตั้งใจเหมือนเจ้าของร้านคนหนึ่ง แต่ตอนนี้เพลินคงมีหน้าที่ที่ต้องเหนื่อยเพิ่ม” “เหนื่อย แต่ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ที่ว่าเหมือนเดิม… มันคงไม่เหมือนเดิมหรอกค่ะน้ารตี เพราะอย่างไร… ร้านสกายมูนก็ไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว แต่น้ารตีก็ไม่ต้องห่วงเพลินนะคะ เพลินมีแพลนงานของเพลินเอาไว้แล้ว” “แต่เพลินสัญญากับน้าไว้แล้วนะ ว่าไปเรียนกลับมาเพลินจะทำให้ร้านของเราเป็นร้านมิชลินสตาร์ให้ได้” มารตีทวงคำสัญญา “ค่ะ… เพลินไม่เคยลืมสักครั้ง เพลินจะไปทำงานที่ร้านเพื่อเก็บเงิน และสักวันเพลินจะเดินออกไปทำโรงเรียนสอนทำอาหารด้วยตัวของเพลินเอง” เพลินวานบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาเปล่งประกายมุ่งมั่นเต็มเปี่ยม มารตียกแขนโอบไหล่เพลินวานให้กำลังใจ “น้าตามใจเพลินทุกอย่าง เพราะทุกอย่างที่น้ามี น้าก็จะยกให้เพลินทั้งหมด ถึงแม้ว่าเพลินจะปฏิเสธยังไง ถึงวันนั้น… เพลินก็ต้องรับมันไว้อยู่ดี วันนี้น้านัดกับคุณพิณเอาไว้ น้าต้องรีบไปก่อนนะ สายมากแล้ว พรุ่งนี้น้าจะขึ้นแม่ฮ่องสอนกับเราด้วย” “ค่ะ” หญิงสาวรับคำ สาวใหญ่ถือกระเป๋าเดินออกไป เมื่อเพลินวานละสายตาจากมารตี หันกลับมาที่โต๊ะอาหารอีกรอบ เธอก็เจอน้องชายนั่งยิ้มแป้นแร้นรออยู่ “มองอะไร” หญิงสาวเลิกคิ้วถามน้องชายเสียงห้วน ทั้งแปลกใจระคนไป “ลืมบอก… เพื่อนพี่นัดเจอกันที่ร้านพี่ช่อสี่โมงเย็น” “อือ… ขอบใจ ว่าแต่นายจะกลับวันไหน ได้ข่าวว่าเป็นปลัดหนุ่มไฟแรง พ่อคงดีใจที่เห็นนายเดินตามรอยของพ่อ” “กลับวันนี้แหละ พรุ่งนี้ต้องทำงานแต่เช้า ว่างเมื่อไรก็แวะไปเยี่ยมนะ จะพาไปชอปปิ้งต่างประเทศ” “เหอะ! ประเทศลาวล่ะสิแก” “หรือพี่จะเถียงว่าไม่ใช่ต่างประเทศ บ้านนอก ชนบท น่าอยู่ออกนะ ไปแล้วพี่จะติดใจ” “เออ! ถ้าว่างแล้วจะไป แต่ต้องหลังจากที่ไปเจอพ่อแล้วนั่นแหละ แล้วค่อยกลับมาลุยงานต่อ” เพลินวานบอกน้องชายหันหน้ากลับมาคุยกับมารดาต่อ “แม่คะ เพลินอยากไปซื้อของให้พ่อ แม่ช่วยไปเป็นเพื่อนหน่อยได้หรือเปล่า ของที่ซื้อมาจากฝรั่งเศส เพลินกลัวว่าพ่อจะไม่ชอบ” “ได้สิ… ว่าแต่เราไม่ปวดศีรษะแล้วหรือไง” “เดี๋ยวเพลินไปทานยา สักพักคงหาย แม่รอเพลินแป๊บนึงนะคะ เพลินขอตัวไปหยิบกระเป๋าก่อนและจะไปหยิบของฝากมาให้คุณปลัดเขาด้วย ดูสิมองตาเป็นหมาเหงาเลย” เพลินวานแหย่น้อง “ผมก็นึกว่าพี่ลืมคนหล่ออย่างผมนี่นา ขอบคุณคร้าบ...” “เสียงแจ๋วขึ้นมาเชียวนะ” คนเป็นแม่เหน็บขึ้นมาบ้าง “มันเป็นเรื่องธรรมดาที่สุดครับแม่ อุตส่าห์ขับรถมาถึงนี่” เพลินวานเดินกลับมายีศีรษะของน้องชายอย่างหมั่นไส้ แกล้งทำหน้าตึงไม่พอใจ “อ๋อ! นี่นายอย่าบอกนะว่าที่ลงทุนขับรถมาถึงกรุงเทพฯ เพราะห่วงของฝาก ไอ้เราก็นึกว่าคิดถึง...” ปลัดเพลิงโอดเสียงอ่อนทำหน้าอ้อน กะพริบตาปริบๆ ทำเอาคนเป็นพี่สาวแทบหลุดขำกับท่าทางขัดบุคลิกของน้องชายยิ้มออกมาได้ ถึงแม้ว่าเมื่อครู่เธอจะแกล้งก็เถอะ “โถ… ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย ของฝากมันก็เป็นแค่ของแถมเท่านั้นแหละครับ ใครจะไม่คิดถึงพี่สาวสุดที่รัก… ที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปีได้ละครับ” ร้านอาหารสุดหรูบนตึกระฟ้ากลางกรุงในย่านธุรกิจ ภูริชญาลากน้องชายให้เดินตามอย่างหงุดหงิด เพราะเลยเวลานัดหมายกับอดีตเจ้าของร้านที่พ่วงตำแหน่งเพื่อนรุ่นพี่มานานพอสมควร “แกเดินให้มันเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม เลยเวลานัดมานานมากแล้ว เป็นเพราะแกคนเดียวเชียว” “ผมขอโทษเป็นรอบที่สามสิบหกแล้วนะครับ แต่พี่นัดใครหรือจะลากผมไปไหนด้วยโดยไม่บอกผมก่อนเองนี่ ผมจะไปรู้ทุกเรื่องในใจพี่ได้อย่างไรกันล่ะ” ภูริชบ่นอุบมาตลอดทางแต่ขาก็ยังก้าวตามแรงฉุดของพี่สาว “หยุดเลย!” ภูริชญาหันกลับมามองหน้าน้องชายตาเขียว ชี้หน้าคาดโทษ คิดถึงเรื่องที่เขาเบี้ยวนัดเมื่อวานก็ต้องรีบแกล้งพาลโมโหขึ้นมาอีก แต่เพราะคนที่เธอต้องการให้เขาไปเจอก็ติดธุระเช่นกันจึงทำให้ความโกรธของเมื่อวานเลยลดลง แต่เธอจำเป็นต้องแกล้งโกรธต่อให้น้องชายได้รู้สึกผิด “วันก่อนที่ฉันนัดแก แกมาตามนัดหรือเปล่า ถ้าแกไม่เบี้ยวเมื่อวาน วันนี้พี่ก็ได้ไปเดินชอปปิ้ง เตรียมตัวไปดูไบแล้ว ยังมีหน้ามาบ่นอีก” “คร้าบ...” คนเป็นน้องชายรับเสียงอ่อนอย่างจำยอม ไม่อย่างนั้นนางคงไม่จบ เพราะที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยชนะคุณนายคอร์แนลคนนี้เลยสักครั้ง ไม่ใช่เฉพาะเขาคนเดียวที่เป็นแบบนี้ มาคัสพี่เขยของเขาที่เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงของโรงแรมดัง และเขายังเป็นเจ้าของตึกแห่งนี้ เขาก็ยังไม่กล้าขัดใจกับคุณนายคอร์แนลคนนี้เหมือนกัน ยังดีที่เดินมาถึงที่นัดหมายก่อน ไม่อย่างนั้นชายหนุ่มคงได้ยินพี่สาวบ่นอีกนาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD