ถึงแม้จะรับคำและเต็มใจช่วย แต่พิชาก็อดเป็นห่วงเชฟสาวไม่ได้ งานหน้าเตาย่างเป็นงานที่ยากที่สุดสำหรับผู้หญิง แล้วยิ่งต้องรับภาระหน้าโต๊ะเชฟก็ยิ่งหนักขึ้นเป็นสองเท่า ในวันที่พนักงานขาดอย่างนี้ มันก็ยิ่งดูยากขึ้นไปอีกสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ
“ใช่ครับ เชฟจะไหวหรือ” มาตินเสริมคำพูดของพิชา ตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นนักศึกษาเขาก็เห็นเคยความมุ่งมั่นในตัวของเพลินวาน แต่ก็อดห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี
เพลินวานยิ้มรับในความห่วงใยของคนในครัว อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้รู้สึกเดียวดายมากนักที่เธอกลับมาอยู่ที่นี่
“ฉันไหวค่ะ! ฉันผ่านงานหนักอย่างนั้นมาบ่อยๆ ไม่ต้องห่วงค่ะ ต้องขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่น และวางใจฉัน แยกย้ายกันไปเตรียมครัวสำหรับคืนนี้เถอะ”
ภูริชได้รับรายงานสงครามในห้องครัวจากผู้จัดการทันทีที่พนักงานเดินออกจากครัว ภูริชญาไม่ได้บอกรายละเอียดกับเขาก่อนตั้งแต่ตอนแรก แต่ตัวเขาเองก็มีส่วนผิด เพราะความที่ไม่เคยอยู่ในแวดวงนี้ เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า… ศักดิ์ศรีของความเป็นเชฟมันจะยิ่งใหญ่ขนาดยอมเสี่ยงตกงานได้
อีกหนึ่งความรู้ใหม่สำหรับเขา… ร้านอาหารทุกร้านจะมีเชฟบริหารได้เพียงคนเดียว ความไม่รู้ทำให้เกิดศึกสองสายเลือดในครัว แต่ทว่าเขาก็ปล่อยให้คนเก่งของพี่สาวแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเอง อยากรู้ว่าจะเก่งสมคำกล่าวอ้างหรือเปล่า
คนที่ต้องรับบทหนักกลับไม่ปริปากบอกหรือรายงาน แต่กลับเป็นเชฟคีตะโทรมาต่อว่าภูริช… ถึงแม้เขาไม่ชอบวิธีการแบบนี้ของเชฟคีตะ มันเหมือนคนไร้ความรับผิดชอบ แต่ก็ปฏิเสธความรับผิดชอบของตัวเองไม่ได้เหมือนกัน
“คุณทำอย่างนี้ได้อย่างไรกัน มันเป็นการหักหน้าผมชัดๆ ไม่เคยมีที่ไหนที่จะมีเชฟบริหารสองคน แล้วยิ่งเป็นผู้หญิงด้วยแล้วอย่างนี้ มันเป็นการหักหน้าผมอย่างแรง ถ้าคุณจัดการปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้ ผมกับกุ๊กในทีมเมนไลน์จะไม่เข้าไปทำงานที่ร้านอีก”
เชฟคีตะยื่นคำขาด ผู้บริหารป้ายแดงถึงกับคิดไม่ตก หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ลง ถ้าเรื่องถึงหูภูริชญาว่าเขาประกาศคำสั่งทับซ้อนกับเธอ จอมบงการคงไม่ให้จบเรื่องง่ายๆ ถ้าวันนั้นเขามาเจอและได้คุยกับเชฟเพลินวานก่อน เรื่องราวคงไม่เป็นอย่างนี้
เมื่อประกาศไปแล้วเขาคงไม่ยอมเสียหน้า ในความโกลาหลของร้าน… ชายหนุ่มกลับนึกสนุกอยากเอาชนะความหยิ่งทะนงของเชฟสาว เห็นทีว่าเขาต้องแวะเข้าไปดูศึกสองสายเลือดบ้างแล้ว
สิ่งที่ภูริชคิดไว้ไม่พลาดสักครั้ง… คุณนายคอร์แนลรู้เรื่องศึกสายเลือดจนครัวเกือบล่มก่อนเขาเสียอีก เมื่อภูริชกลับมาถึงบ้านก็เจอคำถามแรกจากปากพี่สาวทันที
“ได้ข่าวว่าไปสร้างศึกให้ในครัวหรือ” น้ำเสียงเรียบแบบนี้… คืออาการก่อนมีคลื่นลมแรงในอารมณ์ของคุณนาย ในตอนนี้เขาแค่ไม่รู้ว่าจะดีเปรสชั่นหรือเฮอร์ริเคนก็เท่านั้น แต่ชายหนุ่มก็ทำใจดีสู้เสือ ทำเสียงหงุดหงิดกลบเกลื่อน
“เรื่องอะไรอีกละ ผมเหนื่อยนะ ทำงานสองที่กลับมาบ้านแทนที่จะได้พักผ่อน ไม่ว่างมากพอที่จะมานั่งเล่นเกมยี่สิบคำถามกับพี่นะ”
“ฉันเคยสั่งให้แกทำสองที่ไหม แค่ขอเวลาปีเดียวมันจะหนักหนาสักแค่ไหนเชียว” คนเป็นพี่เริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด
พอชายหนุ่มเห็นหน้าพี่สาวยังเรียบตึงน้ำเสียงเปลี่ยนไป เขาก็เปลี่ยนโหมดเป็นแหย่ขำๆ เบี่ยงประเด็นไป
“สามีพี่ไปไหนละ ไปเล่นซ่อนหากันสามคนพ่อแม่ลูกไป!”
พี่สาวหันกลับมาจ้องหน้าน้องชาย ใบหน้าเรียบตึง “ไม่ตลก!”
“ถ้าไม่ตลก ก็เล่าเรื่องซีเรียสของพี่มา ผมจะได้ไปพักผ่อนเสียที พรุ่งนี้มีสอนแต่เช้า”
“แกก็รู้ว่าฉันประกาศให้เพลินวานเป็นเชฟ แกยังหักหน้าฉันนะ ประกาศนั่นมันอยู่ในสัญญาตั้งแต่ตอนซื้อขายร้ายแล้ว ถ้าแกจะอ่านมันสักนิดก่อนที่จะทำอะไรลงไปคงไม่เกิดเรื่อง เชฟเพลินเค้าเก่งมาก ต้องมาช่วยพี่หลายอย่าง พี่ถึงให้เขารีบกลับมาช่วย”
ชายหนุ่มพ่นลมออกจากปาก สูดหายใจเข้าปอด หันกลับไปเผชิญหน้ากับพี่สาวอย่างใจเย็น พยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
“อะไรก็เชฟเพลินวาน… จะให้ผมไล่เชฟอีกคนออกไปเลยไหม แล้วพี่ก็เป็นคนให้ผมไปบริหารที่ร้านเองไม่ใช่หรือ ก็บอกแล้วว่าผมไม่ถนัด ถ้าคุณเชฟของพี่เก่งมาก… ทำไมไม่ให้เขาบริหารร้านไปเลยละ เรียกผมกลับมาทำไม… พี่สัญญาว่าจะไม่ยุ่งวิธีการบริหารของผม ถ้าพี่ยังก้าวก่าย… ผมจะบินกลับอเมริกาทันที ส่วนปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมจะจัดการเอง… เข้าใจนะ!”
ภูริชยื่นคำขาดแล้วเดินลิ่วๆ ขึ้นบ้านไปทันที ในเมื่อให้เขาเป็นคนบริหารร้านแทน และคนตัดสินใจไปแล้วก็ควรให้หาวิธีแก้ปัญหาของเขาเอง เพราะเขามีพี่สาวเป็นแบบนี้อย่างไรล่ะ เขาถึงได้เบื่อหน่ายผู้หญิงนักหนา
ก้าวแรกของวันทำงานวันที่สอง เพลินวานต้องชะงักอ้าปากค้างอีกครั้ง ห้องครัวที่เธอรักยังคงสภาพเหมือนวันวานไม่ผิดเพี้ยน เหมือนเรื่องราวในครัวเพิ่งเกิดขึ้น เธอเชื่อว่าผู้บริหารร้านคงจะได้รับรู้เรื่องราวและควรจะรับผิดชอบคำสั่ง แต่มันยังคงเป็นเหมือนเดิม ผู้บริหารที่นี่ไม่คิดจะมาจัดการเรื่องราวที่ก่อไว้เลยหรือยังไงนะ
“ทุกคนคะ”
“ค่ะ/ครับเชฟ” พนักงานในครัวขานรับพร้อมกัน หันหน้ามาหาเธอ
“ก่อนอื่น… ฉันต้องขอบคุณสำหรับเมื่อวาน ที่เรายอมเหนื่อยเพิ่มขึ้น ช่วยกันจนงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และขอโทษอีกครั้ง… สำหรับคืนนี้ที่จะต้องให้ทุกคนเหนื่อยอีกหนึ่งวัน ขอให้วันนี้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่นเหมือนวันวาน ตอนนี้ทุกคนอาจจะไม่เชื่อมั่น ลังเล ว่าฉันจะมีความสามารถและเป็นผู้นำที่ดีได้ เพราะแค่เพียงสองวัน แต่ในครัวก็มีปัญหามากมาย แต่ฉันขอให้ทุกคนเชื่อในแนวทางผู้บริหารของที่นี่ เพราะทุกอย่างล้วนต้องเกิดมาจากเหตุและผลทั้งสิ้น วันต่อไปฉันสัญญากับทุกคนว่า… จะไม่มีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีกค่ะ”
“ค่ะ/ครับเชฟ” พนักงานในครัวขานรับพร้อมกันอีกครั้ง
“ขอบคุณอีกครั้งที่ต้องเหนื่อยอีกวัน และเชื่อใจฉัน วันนี้ขอให้ทุกคนทำงานในหน้าที่เหมือนเมื่อวาน ส่วนความวุ่นวายของเมื่อวานที่เรารับออเดอร์ไม่ทัน ฉันจะให้พนักงานหน้าร้านมาช่วยอีกแรง”
“ค่ะ/ครับเชฟ” พนักงานในครัวขานรับพร้อมกันอีกครั้ง
เพลินวานแจ้งพนักงานอย่างขอบคุณ ยังไม่ทันที่เธอจะออกไปขอความช่วยเหลืออย่างที่บอก ผู้จัดการก็เดินเข้ามาพอดี พร้อมกับพนักงานหนึ่งคนมาช่วยอ่านรายการอาหารแทนเธอ
“สวัสดีค่ะผู้จัดการ เพลินกำลังจะออกไปพบอยู่พอดี”
“ครับ ผมเห็นว่าในครัวยังขาดคน วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แขกเยอะกว่าเมื่อวานแน่นอน ก็เลยให้พนักงานมาช่วยอ่านรายการอาหาร อย่างน้อยก็จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระการดูรายการอาหารของเชฟไปได้บ้าง”
“ขอบคุณมากเลยค่ะ เพลินว่าจะไปปรึกษาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน”