Chapter 24 รับน้อง

1413 Words
“พวกคุณยังไม่ได้รู้จัก และยังไม่เห็นความสามารถของฉันนะคะ” เพลินวานค้านเสียงเรียบ ไม่ง่ายเหมือนกันที่ทุกคนจะยอมรับเธอ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็น่าจะเปิดโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ตัวเองก่อน ไม่ใช่มาตัดสินเธอตั้งแต่วันแรกที่เริ่มงานอย่างนี้ “ถ้าอย่างนั้นคุณก็พิสูจน์วันนี้เลยก็แล้วกัน ว่าคุณจะนำพาร้านไปได้ไหม ถ้าไม่มีเรา” กวีถอดผ้ากันเปื้อนวางไว้ในครัว แล้วเดินออกไปทันที พัตรตามไปด้วยอีกคน “ผมก็เหมือนกัน เพิ่งนึกได้ว่าวันนี้ผมมีธุระ ขอลางานหนึ่งวันก็แล้วกันนะเชฟบริหารคนใหม่ คุณจะได้พิสูจน์ความสามารถของคุณได้เต็มที่ ไม่ต้องห่วงนะ… ว่าเราจะขัด ขอให้คุณโชคดี เชฟเพลินวาน” คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลก… ถ้านับจากอายุและหน้าตาของเธอที่ยังคงอ่อนวัย บวกกับที่เธอเป็นผู้หญิงมารับตำแหน่งนี้ ตำแหน่งที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน เป็นการยากที่ผู้ชายยอมรับเชฟผู้หญิงอย่างเธอ เพราะความที่เป็นผู้หญิงเธอจึงต้องพยายามทำทุกอย่าง เพื่อพิสูจน์ตัวเองให้มากขึ้นหลายเท่า เชฟคีตะพ่นลมหายใจออกจากปลายจมูกหันมาพูดกับเพลินวานเสียงเรียบ “ผมขอคุยเป็นการส่วนตัวกับคุณสักครู่” ชายหนุ่มเดินนำออกไปจากห้องครัว เพียงเวลาไม่นานทั้งสองคนก็มายืนอยู่ริมกระจกบานใสหลังห้องครัว หญิงสาวมองออกไปนอกหน้าต่างกระจก “คุณอย่าคิดว่า… ไอ้การที่คุณเป็นหุ้นส่วนของร้าน เรียนจบจากฝรั่งเศส คุณจะทำให้ทุกคนยอมรับได้ง่ายๆ คุณเองก็น่าจะรู้ดีว่า งานในสายงานนี้… หินไม่ใช่น้อย คุณต้องพิสูจน์ตัวเอง ไม่ใช่สิ่งแวดล้อมรอบข้าง และตำแหน่งที่คุณยืนอยู่แบบได้มามือเปล่า จะทำให้คุณเป็นที่ยอมรับจากทุกคนได้” “ค่ะ… ฉันรู้ว่ามันไม่ง่าย ขอบคุณที่คุณคิดและพูดออกมาตรงๆ ตลอดเวลาฉันต้องแข่งกับตัวเอง มันคงจะดีและท้าทายไม่น้อย ถ้าฉันจะได้พิสูจน์ความสามารถด้วยตัวของฉันเอง ไม่ใช่การยอมรับอย่างจำยอม… เพราะตำแหน่งและจุดที่ฉันยืนอยู่ สิ่งที่ได้มามากกว่าก่อนคนอื่นหนึ่งก้าว” เพลินวานเว้นระยะ หันกลับมาประจันหน้ากับเชฟคีตะ “แต่คุณ! ก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของผู้บริหาร เพราะตำแหน่งนั้น… ฉันก็ได้มันมาแล้ว อย่างเป็นทางการและเป็นลายลักษณ์อักษร นั่นแหละ… ประเด็น” เชฟสาวทิ้งคำพูดเสียงหนักแน่น แววตามุ่งมั่นเป็นประกายเด็ดเดี่ยว เชฟคีตะจ้องกลับไม่ละสายตา ตอบกลับเสียงกร้าว “แต่มันก็ไม่แฟร์สำหรับคนที่อยู่มาก่อนอย่างผม” เพลินวานเลิกคิ้วถามกลับอย่างไม่ยี่หระ เธอไม่ได้ต้องการมาหาเรื่องใคร แต่ตอนนี้ไม่ใช่กำลังเล่นขายของ งานก็คืองาน “แล้วยังไงคะ! เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกับฉันเลยสักนิด คุณน่าจะไปเรียกร้องกับผู้บริหาร ดีกว่ามาโวยวายกับฉันไม่ใช่หรือคะ ฉันขอตัวนะคะ… มีงานอื่นที่ต้องจัดการอีกมาก” พูดจบหญิงสาวก็หันหน้าเดินเข้าห้องครัวไปทันที “แล้วเราจะได้เห็นดีกัน เพลินวาน!” เชฟคีตะมองตามอย่างไม่พอใจ เพลินวานกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง พร้อมกับหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งติดมือไปด้วย เพื่อประกาศให้ทุกคนในร้านทราบ รวมทั้งเชฟคีตะที่ก้าวตามหลังเข้ามาติดๆ “ขอความกรุณาทุกคนฟังทางนี้สักครู่ค่ะ… ตามประกาศของทางร้านแผ่นนี้” หญิงสาวยกกระดาษแผ่นที่ถือมาให้ทุกคนดู “ดิฉันมีสิทธิ์ในการบริหารจัดการทุกอย่างในครัวนี้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ปกติของตัวเอง เชฟคีตะจะกลายเป็นเชฟผู้ช่วยของดิฉันตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปค่ะ ถ้าใครอยากดูให้แน่ใจก็เดินมาดูได้เลยค่ะ มีใครสงสัยหรือคัดค้านอะไรไหม” หลังจากเพลินวานประกาศออกไป ยังมีอีกหลายคนแสดงอาการไม่พอใจ แต่ก็ไม่มีใครคัดค้าน ขืนพูดออกไปตอนนี้ก็เสี่ยงกับการตกงาน งานร้านอาหารสุดหรูเงินเดือนแพงกว่าที่อื่นและยังสวัสดิการดีแบบนี้คงหาได้ยาก เมื่อเห็นทุกคนยังนิ่งเงียบ แม้เธอจะรู้ว่าทุกสายตาจะมองเธออย่างไม่ยอมรับ แต่เธอก็รับหน้าที่นี้มาแล้ว เธอก็ต้องทำมันออกมาให้ดีที่สุด “ถ้าไม่มีใครคัดค้านอะไร ก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองตามปกติได้” หญิงสาวบอกอีกครั้ง หลายคนจะหันกลับไปทำงานอย่างที่หญิงสาวบอก ทว่าเชฟคีตะกลับโยนผ้ากันเปื้อนกับหมวกเชฟลงบนโต๊ะแล้วเดินออกไปจากครัว ตามด้วยผู้ช่วยเมนไลน์ทั้งไลน์ รวมไปถึงกวีและพัตรที่เดินออกไปก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน นั่นเป็นบททดสอบแรกของเชฟผู้หญิงอย่างเธอ “นี่พวกคุณกำลังจะทำอะไร” เชฟเพลินวานตะโกนถามไล่หลัง “ถ้าคุณเก่งมาก… คุณก็ช่วยจัดการรอบดินเนอร์ของคืนนี้ด้วยก็แล้วกัน ส่วนพวกเรา… ถ้าไม่ได้ความกระจ่างจากผู้บริหารของร้าน เราจะไม่กลับเข้ามาในครัวอีก” เชฟคีตะหันมาตอบคำถามเพลินวาน และเดินออกจากห้องครัวไป เขาก็อยากรู้ความคิดผู้บริหารเหมือนกัน ทั้งที่มอบหน้าที่ให้เขาเป็นคนดูแล แต่ก็มีคำสั่งแต่งตั้งเชฟเพลินวานมาอีกคน เป็นอย่างนี้แล้ว พวกเขาจะจัดการอย่างไร สายตาคู่สวยของเชฟสาวหม่นลง เมื่อเห็นว่าไม่สามารถคัดค้านหรือฉุดรั้งพวกเขาไว้ได้ แต่เพียงเสี้ยวนาทีมันกลับมีประกายของความมุ่งมั่นฉายแววแทรกขึ้นมา ตอนนี้เธอต้องจัดการปัญหาเฉพาะหน้าให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปให้ได้ก่อน เรื่องอย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดระบายความประหม่าตื่นกลัวในใจ รั้งคอเชิดตั้งสง่า “เอาล่ะค่ะทุกคน ฉันรู้ว่ามันเป็นการยากที่ทุกคนจะยอมรับฉันได้ภายในวันเดียว หลายคนที่รู้จักฉันมาก่อนก็จะรู้ดี และอยากบอกทุกคนว่า ฉันมีความมุ่งมั่นเต็มเปี่ยมที่จะจัดการ ดูแล และพัฒนาครัวของที่นี่ให้ดีขึ้น ฉันทราบดีว่าในหนึ่งครัวจะมีเชฟบริหารถึงสองคนไม่ได้ แต่นั่นมันเป็นอำนาจตัดสินใจของผู้บริหาร ฉันคิดว่าทุกคนต้องมีเหตุผลของการกระทำของตัวเองเสมอ ส่วนพนักงานอย่างเรา… มีหน้าที่ต้องทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างดีที่สุดเท่านั้น” “ค่ะ/ครับเชฟ” “ขอบคุณทุกคนที่ยังให้ความไว้วางใจ ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทำให้ทุกคนยอมรับในความสามารถของฉันจริงๆ ไม่ใช่แค่ตำแหน่งหัวโขน… ที่หลายคนคิดว่าได้มาลอยๆ ” เพลินวานกล่าวขอบคุณพนักงานที่เหลือ เธอรู้สึกขอบคุณพวกเขาเป็นอย่างมากที่ไม่เดินออกไปพร้อมกับพวกนั้น ไม่อย่างนั้นวันนี้เธอได้ทำครัวล่มสมใจเชฟคีตะแน่ “ค่ะ/ครับเชฟ” “ในเมื่อวันนี้มีพนักงานเมนไลน์เดินออกไปจากครัว สิ่งเดียวในตอนนี้ที่เราต้องนึกถึง คือ… ดินเนอร์คืนนี้ เราต้องจัดการทุกอย่างให้ได้ และเพื่อให้งานของคืนนี้ผ่านพ้นไปได้อย่างเรียบร้อย คุณนพช่วยมายืนหน้าเตาเมนไลน์กับฉัน วันนี้ฉันจะยืนหน้าเตาเอง ฉันเชื่อว่าคุณมาตินจะดูแลไลน์พาสต้าได้ เราคงต้องขอความร่วมมือกับผู้ช่วยในครัวทุกคนด้วยนะคะ คืนนี้อาจจะขลุกขลัก เราทุกคนอาจจะเหนื่อยมากกว่าเดิมสักหน่อย ขอให้อดทนสักนิด แล้วทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ฉันเชื่อในความสามารถของทุกคน” เพลินวานแบ่งหน้าที่ของทุกคน เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าของเธอได้อย่างดี “ค่ะ/ครับเชฟ” “จะไหวหรือคะ เมนไลน์จะยุ่งมาก ทำสองคนไม่ไหวหรอก”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD