บทที่ 2 ชีวิตของหลิวอ้ายเหริน

1162 Words
บทที่ 2 ชีวิตของหลิวอ้ายเหริน ปี 1970-1980.. หลิวอ้ายเหริน หญิงสาวรูปร่างระหง ผมยาวถูกจัดทรงมัดรวบไว้ท้ายทอย ซึ่งเธออยู่ในชุดเดรสกี่เพ้าคอจีนสีแดงเพลิง เธอเดินลงบันไดมาจากชั้นบนของบ้านด้วยท่าทางนางพญา หลิวป๋อจีน ประมุขของบ้านหลิวขมวดคิ้วเข้าหากัน จ้องมองลูกสาว ที่แต่งตัวดูสวยผิดหูผิดตาเป็นพิเศษ เพราะปกติแล้ว อ้ายเหริน ลูกสาว คนกลางของเขาไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้เลย “อ้ายเหริน นั่นลูกจะไปไหน” เมื่อทนความสงสัยไม่ได้ พ่อหลิวก็เอ่ยปากถามลูกสาว ด้านอ้ายเหรินเดินเข้าไปในห้องอาหาร เธอนั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเธอ แล้วพูดเสียงเรียบนิ่งเหมือนหน้าสวยๆ ของเธอว่า “ฉันจะไปค่ายทหารค่ะ” ด้านแม่บ้านที่ยืนรอรับใช้อยู่ก่อนแล้ว ก็รีบออกไปเตรียมอาหารเช้าเอามาให้คุณหนูรองของบ้าน โดยไม่ต้องรอให้เจ้านายสั่ง “นี่จะไปหาฉางเฉินหลงอีกแล้วเหรอ?” ด้านหลิวจี้หยวน พี่ชายใหญ่ของบ้านก็ถามน้องสาวคนกลางด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งที่รู้อยู่ว่าไปก็ไม่มีประโยชน์ ฉางเฉินหลง คือคุณชายแห่งตระกูลฉาง ผู้สืบทอดและผู้นำตระกูลคนต่อไปของตระกูลฉาง แถมยังเป็นสหายรักของหลิวจี้หยวนอีกด้วย ฉางเฉินหลงมีตำแหน่งเป็นถึงร้อยเอกในกองทัพ ซึ่งเป็นหน้าเป็นตาให้แก่ตระกูลฉางเป็นอย่างมาก อีกไม่นานเขาก็คงได้เลื่อนขั้นและมีอนาคตไกล อ้ายเหรินนั้นผูกใจรักฉางเฉินหลงตั้งแต่ยังเด็ก เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ได้ชื่นชอบหรือรักใคร่หญิงสาวเอาเสียเลย หนำซ้ำยังชอบดูถูกหญิงสาว ว่าไม่เอาไหน งานการไม่ทำ ชอบเที่ยวเตร่ และหายใจเล่นไปวันๆ “ใช่ พี่ใหญ่จะทำไม” อ้ายเหรินพยักหน้าขอบใจแม่บ้าน แล้วปรายตามองพี่ชายอย่างเอือมระอา ที่เขาดูจะชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของเธอมาก การกระทำของอ้ายเหรินที่เย็นชาต่อครอบครัวนั้นเป็นเรื่องปกติอย่างมาก เพราะอ้ายเหรินไม่ใช่คนเก่งแบบพี่ชายและน้องสาว เธอจึงอิจฉาและชอบทำตัวร้ายๆ และนิสัยแย่ใส่ทุกคนในบ้านเสมอ และยังทำตัวให้เด่นกว่าทุกคนเวลาออกสังคมชั้นสูง บ้านหลิวเป็นครอบครัวที่จัดได้ว่าร่ำรวย มีบ้านหลังใหญ่และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่นรถยนต์สองคัน และมีเครื่องปั่นไฟฟ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอ่ยมานี่ ใช่ว่าจะหาซื้อกันได้ง่ายๆ สำหรับบ้านไหนถ้าไม่ร่ำรวยจริง จะไม่มีโอกาสได้ใช้เลย ครอบครัวหลิวมีสมาชิกทั้งหมดห้าคน หลิวป๋อจีน บิดาอายุหกสิบห้า มีกิจการเป็นเจ้าของโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองปักกิ่ง หลิวจินจิน มารดาอายุห้าสิบปี ที่อยู่บ้านเป็นแม่บ้าน ไม่ได้ออกไปทำงานตามสามี บุตรชายคนโต หลิวจี้หยวน อายุยี่สิบห้าปี ทำงานที่กองทัพทหาร เป็นทหารติดยศร้อยเอก มีความสามารถและอนาคตไกลเช่นกัน คนกลาง หลิวอ้ายเหริน อายุยี่สิบปี เรียนจบชั้นมัธยมปลาย และไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนอกจากอยู่บ้าน และออกไปเที่ยวกับสหาย และคอยตามติดฉางเฉินหลง ส่วนคนเล็ก หลิวเหม่ยเหมย อายุสิบแปดปี กำลังศึกษาระดับคณะแพทยศาสตร์ ซึ่งมหาวิทยาลัยของเธอ คือมหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงปักกิ่ง บุตรชายคนโตและบุตรสาวคนเล็กโดดเด่น เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลหลิว ต่างจากบุตรสาวคนกลางที่ไม่ได้เรื่อง ทำให้ถูกเปรียบเทียบ กันบ่อย นั่นทำให้หลิวอ้ายเหรินพยายามเอาตัวเองออกห่างจากคนในครอบครัว นับวันเธอยิ่งไม่สนใจ และร้ายกาจกับพวกเขามากขึ้น “พี่แค่ถาม” จี้หยวนแม้จะรู้สึกไม่ดีกับคำพูดห้วนไม่มีหางเสียงของน้องสาวคนกลาง แต่เขาก็พยายามพูดดีกับเธอตลอด เพราะรักและเป็นห่วงน้องสาวเสมอ พ่อหลิวแม่หลิวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะและท้ายโต๊ะ ต่างลอบมองตากันอย่างปลงตกกับลูกสาวคนนี้ ที่นับวันอ้ายเหรินยิ่งทำตัวเหินห่างอยู่ไกลจากครอบครัวมากขึ้น “อ้ายเหริน อีกห้าวันจะมีงานเลี้ยงที่โรงงาน ลูกจะไปหรือเปล่า?” แม่หลิวละสายตาจากสามี หันไปเอ่ยถามบุตรสาวคนรองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เนื่องจากอีกไม่กี่วันจะถึงวันปีใหม่ ซึ่งโรงงานของตระกูลได้จัดงานเลี้ยงให้กับพนักงาน ครอบครัวหลิวที่เป็นเจ้าของก็ต้องไปกัน เพียงแต่ ลูกสาวคนกลางของนาง ไม่ชื่นชอบงานแบบนี้เท่าไหร่นัก “ไม่ไปค่ะ เชิญทุกคนไปเลย ฉันไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนั้น” หลิวอ้ายเหรินปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดี และไม่เคยถนอมน้ำใจคนในครอบครัวเลยสักนิด ซึ่งเธอจะพูดอะไรก็พูด “…” และคำตอบของหลิวอ้ายเหริน ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของทุกคนนัก ซึ่งทุกคนก็มองหน้ากัน และต่างก็เงียบ ไม่มีใครพูดอะไร “ขอตัวนะคะ” เมื่อทุกคนเงียบและไม่มีใครพูดอะไร อ้ายเหรินจึงพูดและลุกขึ้นยืน ถึงลูกสาวจะมีนิสัยแย่มากใส่ครอบครัว แต่แม่หลิวก็รักและห่วง ลูกสาวคนกลางมากกว่าใคร ซึ่งแม่หลิวจึงถามลูกสาวคนกลางว่า “อ้ายเหริน ลูกไม่กินข้าวเช้าก่อนหรือ” และด้านหลิวจี้หยวนเมื่อน้องรองไม่ตอบแม่ เขาจึงถามน้องสาวคนกลางว่า “นั่นสิ กินข้าวเช้าก่อนสิ ถ้าจะไปค่ายไปพร้อมพี่ก็ได้” “ไม่ค่ะ ฉันไม่หิว แต่ถ้าฉันหิว เดี๋ยวฉันจัดการตัวเองได้” หลิวอ้ายเหรินหยุดยืน แล้วก่อนที่จะหันหน้าไปมองทุกคนนั้น เธอก็พยายามปรับสีหน้าเชิดๆ ให้เป็นปรกติ ซึ่งเธอนึกในใจว่า ‘ทำไมชอบวุ่นวายกันจังนะ’ “แล้วลูกจะกลับกี่โมง” แม่หลิวถาม เพราะรู้ว่าลูกสาวต้องกลับดึกแน่วันนี้ “ถ้าเห็นฉันที่บ้าน นั่นก็แสดงว่าฉันกลับแล้วนะคะ” อ้ายเหรินทำหน้าเซ็งๆ เวลาตอบคำถามร้อยแปดของทุกคน ซึ่งเธอไม่ชอบเอาเสียเลย “อ้ายเหริน” แม่หลิวเรียกลูกสาวพร้อมทั้งจะลุกขึ้น แต่พ่อหลิวก็เอ่ยบอกภรรยาว่า “ปล่อยลูกไปเถอะ” หลิวป๋อจีนปลอบใจภรรยาที่มีสีหน้าเศร้าอยู่ ซึ่งทุกคนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะเริ่มชินกับนิสัยของหลิวอ้ายเหรินเสียแล้ว…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD