บทที่ 27
นำเสนอสินค้า
เวลาบ่ายสอง..
เป็นอีกวันที่คุณนายฉางและเฉินหลงอยู่กินข้าวเที่ยงที่บ้านหลิว และเมื่อกินอิ่มแล้ว พวกเขาก็มานั่งดื่มน้ำชาที่ห้องนั่งเล่น ส่วนอ้ายเหรินได้ขอตัวไปทำงานต่อที่ค้างไว้ในห้องทำงาน นั่นทำให้เฉินหลงต้องนั่งหน้าแห้ง ทำตาละห้อยมองทางเข้าไปยังห้องทำงาน..
“ตายแล้ว นี่บ่ายสองกว่าแล้วหรือ” คุณนายฉางอุทานเสียงตกใจเมื่อเห็นเวลาบนนาฬิกาที่ติดอยู่ผนังห้อง
“อื้อ” แม่หลิวทำเพียงยิ้มและพยักหน้ารับรู้
“เวลาผ่านไปเร็วจังเลย”
คุณนายฉางบอก พร้อมพยักหน้าให้แม่หลิวมองเฉินหลงที่นั่งเงียบ แต่สายตาของเขากลับจ้องมองทางไปห้องทำงานของอ้ายเหริน
“ใช่ นั่งคุยกันแป๊บเดียวก็บ่ายสองกว่าแล้ว” แม่หลิวยิ้มอย่างเดียว และเข้าใจทันทีว่าคุณนายฉางคิดอะไร..
“เฉินหลง” คุณนายฉางเรียกลูกชาย
“ครับ” เฉินหลงขานรับ แล้วละสายตาจากทางเดินไปห้องทำงานของอ้ายเหรินหันมามองแม่
“กลับได้แล้วลูก” คุณนายฉางชวนลูกชาย
“ครับ” เฉินหลงพยักหน้ารับ แล้วลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นแม่ลุกขึ้น
“ฉันไปก่อนนะคุณนายหลิว” คุณนายฉางก้มหัวให้แม่หลิวเมื่อเอ่ยคำลา
“ค่ะ อยากมาตอนไหนก็มาได้นะ บ้านหลิวยินดีต้อนรับค่ะ” แม่หลิวก็ก้มหัวบอกคุณนายฉาง
“ฉันต้องมาชิมขนมและน้ำชาฝีมืออ้ายเหรินแน่นอน” คุณนายฉางไม่ได้ปกปิดความรู้สึก ว่าเธอต้องการเป็นดองกับบ้านหลิว
“ค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ” แม่หลิวยิ้ม..
เฉินหลงเอ่ยคำลา เมื่อก้มหัวให้แม่หลิว “ผมไปก่อนนะครับคุณป้าหลิว”
“อื้อ เหลียนไปบอกอ้ายเหริน คุณนายฉางจะกลับแล้ว” แม่หลิวก้มหัวเล็กน้อยให้เฉินหลง แล้วหันไปบอกสาวใช้
และช่วงที่เหลียนจะไปบอกอ้ายเหริน คุณนายฉางก็พูดขึ้นว่า
“ไม่ต้องหรอกคุณนายหลิว ฉันฝากลาอ้ายเหรินก็แล้วกัน”
“ได้ค่ะ ฉันจะบอกอ้ายเหรินให้นะ” แม่หลิวโบกมือให้เหลียนไปทำงานต่อ แล้วเธอก็หันมาคุยกับคุณนายฉาง
“คุณนายหลิวไม่ต้องเดินไปส่งฉันหรอก”
และเมื่อเห็นแม่หลิวจะเดินไปส่งที่รถ คุณนายฉางจึงห้ามไว้ ซึ่งเธอก้มหัวให้แม่หลิวอีกครั้งแล้วเดินไปขึ้นรถ
“ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคุณนายฉาง” แม่หลิวยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน ก้มหัวให้คุณนายฉางเช่นกัน
“ผมไปก่อนนะครับ” เฉินหลงก้มหัวให้แม่หลิว แล้วเดินไปขึ้นรถ
เขาขับรถออกไปช้าๆ ทั้งที่สายตานิ่งดุจหินผายังคงมองกระจกมองหลัง หวังตลอดว่าจะได้เห็นเธอออกมายืนส่งเขาที่หน้าบ้าน…
สองวันต่อมา..
หนึ่งอาทิตย์แล้วที่อ้ายเหรินตามพ่อแม่หลิวไปโรงงานทุกวัน เธอสามารถแบ่งงานให้พนักงานทำได้เร็วขึ้น เมื่อจับต้นชนปลายได้แล้ว ตอนนี้ เธอก็มีชุดที่ทำสำเร็จแล้วทั้งหมดห้าสิบชุด เธอจะเอาไปเสนอขายที่ร้านเสื้อผ้าในห้างสรรพสินค้า..
“วันนี้พี่ใหญ่แวะไปส่งฉันที่ห้างได้ไหมคะ” ในขณะที่นั่งกินข้าวอยู่นั้น อ้ายเหรินก็พูดกับพี่ชาย
“จะไปทำไมหรือห้างสรรพสินค้า อ้ายเหรินจะไปเที่ยวหรือลูก”
แม่หลิวมองลูกสาวที่ช่วงนี้โหมงานหนักมาก
ซึ่งแม่หลิวอยากให้ลูกคนรองพักผ่อนบ้าง ตั้งแต่ลูกสาวหายป่วย อ้ายเหรินก็ไม่เคยออกไปเที่ยวที่ไหนเลย
“เปล่าค่ะ หนูจะนำเสื้อผ้าไปเสนอขายที่ร้านค้าในห้างค่ะ” อ้ายเหรินบอกจุดประสงค์ เมื่อปิดเรื่องนี้ไว้นานพอสมควร
“ชุดที่ลูกเอากลับมาด้วยน่ะหรือ”
พ่อหลิวจำได้ว่าลูกสาวหอบถุงเสื้อผ้ากลับบ้านมาด้วยเมื่อวานนี้ ซึ่งเขานึกว่าลูกสาวคนรองจะนำมาแก้ไขเสียอีก
“ใช่ค่ะ” อ้ายเหรินพยักหน้ารับ
“ได้สิ เดี๋ยวพี่แวะไปส่ง” จี้หยวนก็พยักหน้าให้น้องรอง
“ขอบคุณค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มขอบคุณพี่ชาย แล้วก้มหน้ากินข้าวเมื่อแม่หลิวคีบอาหารให้…
ที่ห้างสรรพสินค้า..
หลิวจี้หยวนขับรถมาส่งอ้ายเหริน ก่อนที่จะไปส่งเหม่ยเหมยที่มหาวิทยาลัย..
“ขอให้โชคดีนะ” จี้หยวนอวยพรให้น้องรอง เมื่อเปิดประตูลงมาช่วยยกกระเป๋าออกจากรถ
“ขอบคุณพี่ใหญ่ ฉันไปนะคะ” อ้ายเหรินก้มหัวเพื่อขอบคุณพี่ชาย แล้วเธอก็เดินหันหลังเข้าไปในห้าง
“สู้ๆ นะคะพี่รอง” เสียงเล็กของหลิวเหม่ยเหมยก็ลอยตามหลังมา
“เธอก็ตั้งใจเรียนนะ” อ้ายเหรินจึงหันไปพยักหน้าให้ พร้อมกับกำชับให้น้องสาวตั้งใจเรียน
“ค่ะ” หลิวเหม่ยเหมยตอบกลับพร้อมกับยิ้มกว้าง โบกมือให้พี่รองเวลาพี่ใหญ่ขับรถผ่านพี่รอง…
อ้ายเหรินสะพายกระเป๋าเข้ามาในห้างสรรพสินค้า และตรงดิ่งไปที่ร้านเสื้อผ้า มาคราวก่อนเธอได้เล็งหลายร้านเอาไว้แล้ว ว่าจะเสนอฝากขายให้ร้านไหนบ้าง และมีร้านหนึ่งที่ขายเสื้อผ้าหลากหลายแบรนด์ จึงคิดว่าที่แห่งนี้แหละ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของเธอ..
“สวัสดีค่ะคุณลูกค้า”
เมื่ออ้ายเหรินเดินเข้ามาในร้าน ก็มีพนักงานเข้ามาต้อนรับ
“สวัสดีค่ะ” อ้ายเหรินทักทายพนักงานของร้าน
“ต้องการชุดแบบไหน หรือตัวไหน แจ้งได้เลยนะคะ” พนักงานของร้านถามด้วยท่าทางนอบน้อม
“ฉันต้องการนำชุดมาเสนอ ไม่ทราบว่าต้องทำยังไงบ้างคะ”
อ้ายเหรินไม่อยากเสียเวลา เธอเข้าเรื่องเพราะถ้าร้านนี้ไม่รับ เธอก็จะไปถามอีกหลายๆ ร้าน
“เสนอหรือคะ” พนักงานของร้านทำหน้าแปลกใจ
“ที่นี่รับชุดจากข้างนอกมาขาย หรือรับฝากขายไหมคะ” อ้ายเหรินถามพนักงานอีกครั้ง
“ฉันไม่ทราบค่ะ คุณต้องไปคุยกับคุณนายค่ะ” พนักงานบอก เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจเองได้
“ฉันขอพบคุณนายได้ไหม” อ้ายเหรินจึงขอพบผู้จัดการ
“เดี๋ยวฉันพาไป เชิญตามฉันมาทางนี้ค่ะ” พนักงานพาอ้ายเหรินไปยังด้านหลังของร้านค้าที่เป็นห้องทำงาน
“ขอบคุณค่ะ” อ้ายเหรินขอบคุณ แล้วเดินตามพนักงาน..
พนักงานของร้านพาอ้ายเหรินเดินเข้ามาในห้องหนึ่ง ซึ่งมีหญิงอายุประมาณสี่สิบกว่าๆ นั่งทำงานอยู่..
“คุณนายซื่อคะ”
เสียงของลูกน้อง ทำให้คุณนายซื่อเงยขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นพนักงานหน้าร้าน เธอจึงถามอย่างแปลกใจ “มีอะไรหรือชิงอี”
“คุณคนนี้อยากพบคุณนายค่ะ” ชิงอีบอก พร้อมเชิญให้อ้ายเหรินเข้าไป ส่วนเธอเมื่อหมดธุระแล้วก็เดินออกไป..
“สวัสดีค่ะคุณนาย ฉันหลิวอ้ายเหรินค่ะ”
อ้ายเหรินแนะนำตัว พร้อมทั้งก้มหัวทักทายผู้จัดการร้านเสื้อ
“สวัสดีค่ะ คุณอยากพบฉันคุณมีอะไรหรือคะ” คุณนายซื่อทักทาย แล้วเชิญให้อ้ายเหรินนั่งตรงหน้า ที่มีโต๊ะทำงานคั่นระหว่างกลาง
“ฉันมีเสื้อผ้ามาเสนอ คุณนายสนใจไหมคะ”
อ้ายเหรินนั่งที่เก้าอี้ พร้อมเอาชุดที่อยู่ในกล่องออกจากกระเป๋ามาวางไว้บนโต๊ะ
“เสนอเสื้อผ้าหรือ ยังไงคะ” คุณนายซื่อถามย้ำคำเดิมของอ้ายเหริน พร้อมเอนหลังพิงพนักเก้าอี้
“ค่ะ ฉันขอฝากเสื้อผ้าของฉันไว้ที่ร้านของคุณได้ไหมคะ ถ้าทางร้านขายได้ ฉันจะให้เปอร์เซ็นต์ค่ะ”
ท่าทีเหมือนไม่สนกล่องเสื้อผ้าที่กองอยู่บนโต๊ะ ทำให้อ้ายเหรินรู้สึกใจเสีย แต่เธอไม่ยอมแพ้ จึงพูดเข้าเรื่องเป็นการเป็นงาน
“เอ่อ ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิด คือร้านของเราจะรับเฉพาะร้านที่เราติดต่อไปเท่านั้นค่ะ”
คุณนายซื่อปฏิเสธอย่างนุ่มนวล พร้อมกับสังเกตมองอ้ายเหรินไปด้วย ซึ่งสายตาของคุณนายซื่อสะดุดที่ชุดของอ้ายเหริน ที่เธอใส่มาในวันนี้
อ้ายเหรินตั้งใจมาเสนอเสื้อผ้า เธอจึงใส่ชุดที่ตัวเองตัดเย็บมาในวันนี้
“หรือคะ น่าเสียดายจัง” อ้ายเหรินมัวแต่ครุ่นคิดอยู่ว่าจะทำยังไงต่อไปดี เธอจึงไม่ทันได้เห็นสายตาของคุณนายซื่อเที่มองเธออย่างสนใจ
“แต่ไหนๆ คุณก็มาแล้ว ฉันขอดูชุดของคุณได้ไหมคะ” คุณนายซื่อพยักหน้าไปที่กล่องเสื้อ
“ได้ค่ะ” อ้ายเหรินยิ้ม แล้วรีบนำชุดที่ว่านั้นออกมาจากกล่องที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ทันทีที่อ้ายเหรินเปิดกล่องออกก็เจอเข้ากับชุดสีหวานแต่ไม่บาดตา และพออ้ายเหรินจับชุดขึ้นมาเผยให้เห็นรายละเอียดต่างๆ
“สวย” คุณนายซื่อละเมอมองด้วยความตกตะลึง เพราะชุดสมัยนี้ ไม่ค่อยจะมีลูกเล่นอะไรมากนัก มีแต่เรียบง่าย เน้นสีสันเสียมากกว่า
“ชุดนี้ฉันออกแบบเอง และมีพนักงานช่วยทำ ซึ่งเราตัดเย็บอย่างประณีตด้วยมือค่ะ” อ้ายเหรินอธิบาย เมื่อเห็นคุณนายซื่อเอาแต่ลูบชุดสวยอย่างเบามือ
“สวยมาก” คุณนายซื่อเอ่ยชม
“ขอบคุณค่ะ” อ้ายเหรินเริ่มตื่นเต้นดีใจ เมื่อเห็นท่าทีสนใจของคุณนายซื่อ เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าชุดของเธอต้องขายได้แน่
“แล้วชุดที่คุณใส่อยู่ก็…” คุณนายซื่อเงยหน้าจากชุด มองชุดที่อยู่บนตัวอ้ายเหริน
“ใช่ค่ะ ชุดนี้ฉันทำเอง และทำให้กับลูกค้าที่มาสั่งตัดเท่านั้น”
อ้ายเหรินบอกคุณนายซื่อโดยไม่ปิดบัง เพราะดูๆ แล้วคุณนายซื่อก็อาจจะเป็นคุณนายกระเป๋าหนักเหมือนกัน
“คุณเก่งมากเลยค่ะ” คุณนายซื่อชื่นชมอ้ายเหรินไม่ขาดปาก
“คุณนายคิดเห็นยังไงกับชุดที่ฉันเสนอค่ะ” เพราะไม่อยากเสียเวลา อ้ายเหรินจึงถามเข้าเรื่อง
คุณนายซื่อครั้งแรกทำเป็นไม่สนใจ แต่ตอนนี้เป็นนางเองที่กลัว อ้ายเหรินจะเปลี่ยนใจ นางจึงรีบบอกเสียงตื่นเต้นว่า
“ฉันรับค่ะ และต้องขายได้แน่นอน”
‘ของดีแบบนี้ ถ้านางไม่รับไว้ ก็คงจะตีอกชกหัวตัวเองในอนาคตเป็นแน่’ คุณนายซื่อคำนวณเงินที่จะได้จากการขายในใจคนเดียว…