บทที่ 9
ฝีมือทำอาหารของอ้ายเหริน
หลังจากได้เปิดใจพูดคุยกับทุกคนแล้ว..
จางอ้ายเหม่ยในร่างหลิวอ้ายเหรินก็สบายใจมากขึ้น บ้านหลิวก็มีบรรยากาศที่ดีขึ้น และมื้อเย็นก็อบอวลไปด้วยความสุข นั่นทำให้ทุกคนดีใจกันเป็นอย่างมาก และอ้ายเหม่ยก็สัญญากับตัวเองว่าตั้งแต่วินาทีนี้ เธอจะเรียกและแสดงตัวเองให้ทุกคนเห็นว่าเธอเป็น..
‘หลิวอ้ายเหริน ไม่ใช่จางอ้ายเหม่ย’ อีกต่อไปแล้ว…
รุ่งเช้าของวันต่อมา เวลาตีห้าครึ่ง..
เสียงเดินเข้ามาในห้องครัว ทำให้แม่บ้านนามว่า ‘เจียง’ ซึ่งป้าเจียงเป็นภรรยาของลุงจือคนขับรถของพ่อหลิว นางเห็นหลิวอ้ายเหรินเดินเข้ามาในครัวนางก็ตกใจ และเกรงว่าคุณหนูรองจะไม่พอใจ นางจึงรีบเข้าไปสอบถาม
“คุณอ้ายเหรินตื่นแต่เช้ามีอะไรหรือคะ หรือว่าหิว ป้ายังไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
ป้าเจียงทำท่าเจียมตัวและพูดเสียงอ่อยๆ เพราะรู้นิสัยของคุณหนูรองดี ว่าเวลาอยากได้อะไรแล้วต้องได้ทันที นางจึงกลัว
ท่าทางของป้าเจียงที่ดูหวาดกลัว ทำให้อ้ายเหริน ....
ใช่... ตอนนี้เธอคืออ้ายเหริน เธอรู้ทันทีว่าป้าเจียงกลัวเธอจะตำหนิ
ไม่สิ...ไม่ใช่เธอ แต่เป็นอ้ายเหรินเจ้าของร่างนี่ต่างหาก ที่ชอบตำหนิด่าป้าเจียงเสียๆ หายๆ แต่เธออ้ายเหรินคนใหม่ จะขอแก้ตัวทำดีกับทุกคนแทนอ้ายเหรินเอง
“ป้าเจียง ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรป้าเลย”
อ้ายเหรินบอกพร้อมจับมือของป้าเจียงมากุมไว้อย่างอ่อนโยน
“คุณอ้ายเหริน”
คำพูดไพเราะฟังรื่นหู รวมถึงกิริยามารยาทก็เปลี่ยนจากแข็งกระด้างเป็นอ่อนโยน ทำให้ป้าเจียงตะลึงมองหน้าคุณหนูรองตาค้าง
“ฉันจะช่วยป้าเจียงทำอาหารเช้าค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้ป้าเจียง
“คุณอ้ายเหรินว่าอะไรนะ”
ป้าเจียงยิ่งตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูรอง ที่ยืนยิ้มหวานปานน้ำผึ้งให้นาง
“เช้านี้ฉันจะช่วยป้าเจียงทำอาหารค่ะ”
อ้ายเหรินบอกอีกครั้ง พร้อมเดินไปยืนดูของที่ป้าเจียงเตรียมจะทำอาหารเช้าที่วางบนอยู่บนโต๊ะ
“ค่ะ” ป้าเจียงพยักหน้าทั้งที่ยังงุนงง แต่ก็เดินไปยืนข้างคุณหนูรอง
“ป้าเจียงจะให้ฉันทำอะไรดี หั่นผักล้าง หรือว่าทำซาลาเปา หรือว่าเกี๊ยวดีค่ะ”
อ้ายเหรินมองของบนโต๊ะ เธอก็ปิ้งไอเดียขึ้นมาเลย ว่าต้องทำอะไรให้ทุกคนกินดีเช้านี้ ซึ่งเป็นอาหารที่เธอเรียนมา และเป็นอาหารยุคที่เธอจากมาด้วย
“เอ่อ คุณอ้ายเหรินช่วยล้างผักและก็หั่นเป็นชิ้นๆ นะคะ เดี๋ยวป้าจะผัดผักรวมมิตรค่ะ”
ป้าเจียงบอกทั้งที่ยังงง เพราะปรกติแล้วคุณหนูรองจะไม่ตื่นเช้าและย่างกายเข้ามาในครัวและมาช่วยนาง หรือแม้แต่พูดดีแบบนี้กับนางเลย
“ให้ฉันทำได้ไหมคะ” อ้ายเหรินยิ้มให้ป้าเจียงทั้งที่ยืนล้างผัก
“ได้ค่ะ ล้างแล้วก็ผัดใส่เต้าหู้ได้เลยค่ะ เดี๋ยวป้าเตรียมเครื่องปรุงให้”
ด้านป้าเจียงบอกพร้อมทั้งแอบมอง เพราะอยากรู้ว่าคุณหนูรองจะล้างผักเป็นจริงหรือ
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง ป้าเจียงทำเกี๊ยวต่อเถอะค่ะ”
อ้ายเหรินเมื่อล้างผักเสร็จแล้ว เธอก็จัดการหั่นผัก หั่นเต้าหู้และ เนื้อหมูด้วย ซึ่งเธอนึกได้ว่าจะผัดผักรสชาติที่เธอเคยทำในยุคที่เธอจากมา
“ค่ะ งั้นป้าทำเกี๊ยวหมูแล้วก็ซาลาเปานะคะ”
ป้าเจียงมองตาค้าง ที่เห็นคุณหนูรองทำอาหารท่าทางกระฉับกระเฉง
“มีเป็ดด้วยเหรอคะ”
เมื่อผัดผักเสร็จแล้ว อ้ายเหรินก็เดินมาช่วยป้าเจียงทำเกี๊ยว แล้วเหลือบตาไปเห็นเป็ด
“ค่ะ” ป้าเจียงพยักหน้าให้คุณหนูรอง
“เดี๋ยวฉันจะทำเป็ดปักกิ่งค่ะ” อ้ายเหรินพูดแล้วก็ยกมือปิดปาก เมื่อเห็นป้าเจียงหันมามอง
“อะไรคือเป็ดปักกิ่งคะ” ป้าเจียงถามอย่างสงสัยว่าเป็ดปักกิ่งคืออะไร
“เป็ดย่างค่ะ” อ้ายเหรินยิ้มให้ป้าเจียงแล้วลงมือทำอาหารต่อ โดยที่มีป้าเจียงมองอย่างสงสัย…
เวลาแปดโมงเช้า ในห้องอาหาร..
พ่อหลิว แม่หลิว และจี้หยวน เดินลงบันไดมาพร้อมกัน และเข้าไปในห้องอาหาร ต่างพากันตกใจและหันมองหน้ากัน เมื่อเห็นหลิวอ้ายเหริน นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารก่อนแล้ว
“อ้ายเหริน ทำไมตื่นเช้าจังละลูก”
แม่หลิวทักทายลูกสาวด้วยใบหน้าสงสัย แล้วนางก็เข้าไปลูบหัวของลูกสาว แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เมื่อพ่อหลิวเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง
ด้านจี้หยวนคิดในใจว่า น้องรองคงจะไปค่ายหาเฉินหลงแน่นอน แต่เขาก็ได้แค่คิด แล้วเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้ามน้องสาวคนรอง พร้อมทั้งพูด ทีเล่นทีจริงว่า
“อย่าบอกนะ ที่ตื่นเช้าแบบนี้ จะออกไปข้างนอกหาฉางเฉินหลง”
“…” ด้านอ้ายเหริน เมื่อได้ยินชื่อเฉินหลง เธอก็เอาแต่นั่งนิ่ง ไม่ตอบคำถามของพี่ใหญ่ เพราะเธอยังนึกไม่ออกเลย ว่าถ้าได้เผชิญหน้ากับเขา คนนั้นอีกครั้ง เธอจะทำตัวยังไง
เพราะวีรกรรมของเจ้าของร่างนี้ได้ทำไว้ให้ขายหน้าไว้เยอะ ‘แต่เอาเถอะ เธอจงสบายใจได้อ้ายเหริน ตอนนี้เธอคืออ้ายเหรินคนใหม่แล้ว และจะไม่มีวันวิ่งแจ้นไปหาเขาแน่นอน เธอต้องทำให้เขาคนนั้นตามตื๊อเธอและหึงหวงเธอมากกว่า’ นี่เป็นคำตอบจากใจของอ้ายเหม่ยไม่ใช่อ้ายเหริน
ความเงียบของอ้ายเหรินผิดปรกติ ที่ทุกครั้งเมื่อมีใครเอ่ยถึงเฉินหลง อ้ายเหรินจะตอบโต้และใช้กิริยากระด้างกระเดื่อง แต่ครั้งนี้อ้ายเหรินเงียบ จึงทำให้พ่อหลิวปรามลูกชายว่า
“ตาใหญ่ หยุดพูดเรื่องวันเก่าๆ ได้แล้ว”
“เอ่อ ครับ” จี้หยวนน้อมรับคำตำหนิของพ่อ เมื่อเห็นน้องรอง ไม่กระตือรือร้นที่จะออกจากบ้านไปหาเฉินหลง
“เอาละๆ อย่ามัวแต่พูดถึงคนอื่นเลย วันนี้เป็นวันดีอีกวัน แม่ว่าเรามากินข้าวกันได้แล้ว แล้วนี่มีอะไรกินบ้างป้าเจียง”
แม่หลิวรีบพูดเมื่อเห็นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มอึมครึม และหันไปถามแม่บ้านเจียง ซึ่งเป็นแม่บ้านเจียงเองที่บอกทุกคนบนโต๊ะ เมื่อได้ยินคุณนายของบ้านถาม
“วันนี้คุณอ้ายเหรินไม่ได้ตื่นเช้าอย่างเดียวนะคะ คุณอ้ายเหรินยัง ลงมือทำอาหารเองอีกด้วยค่ะ”
“จริงเหรอลูก”
แม่หลิวไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง นางมองอาหารบนโต๊ะ แล้วหันไปมองลูกสาวคนรอง ซึ่งไม่ใช่มีแค่แม่หลิวที่มองอย่างแปลกใจ ยังมีพ่อหลิวและจี้หยวนด้วย ที่มองอาหารแล้วมองอ้ายเหรินด้วยสายตาตื่นเต้น
“พี่รองทำอาหารเองเลยเหรอคะ”
ด้านหลิวเหม่ยเหมยที่เข้ามาได้ยินพอดี ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น แล้วรีบวิ่งมานั่งลงข้างๆ พี่สาว จากนั้นก็มองไปที่โต๊ะอาหาร
“ว้าววว คุณพ่อ คุณแม่ พี่ใหญ่ ดูสิคะ อาหารเช้านี้หน้าตาหรูหรามาก เหมือนอาหารในภัตตาคารเลยค่ะ” เหม่ยเหมยร้องอุทานบอกทุกคน เมื่อเห็นอาหารหลากหลายเต็มโต๊ะ หน้าตาน่ากินมาก
“นี่ลูกทำเองหมดทุกอย่างเลยเหรอ”
แม่หลิวทำหน้าสงสัยถามลูกสาว เพราะนางรู้ว่าอ้ายเหรินไม่เคยทำอาหารและทำไม่เป็นด้วย
เอาจริงๆ หลิวอ้ายเหรินทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง แค่ซักผ้าเอง ลูกสาวของนางยังไม่ทำเลย
อ้ายเหรินถูกทุกคนมองอย่างแปลกใจ เธอก็ทำตัวไม่ถูกอีกครั้ง จึงพูดอย่างถ่อมตัวว่า “หนูแค่เป็นผู้ช่วยป้าเจียงเท่านั้นค่ะ ไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ใครบอกล่ะคะ ป้าเองต่างหากที่เป็นผู้ช่วยคุณอ้ายเหริน”
ป้าเจียงบอกทุกคน พร้อมทั้งยิ้มให้คุณหนูรองอย่างสนิทใจ เพราะเพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเพียงเช้าวันเดียว นางกับอ้ายเหรินก็สนิทกันมากขึ้น
“อื้อ งั้นลงมือกินข้าวกันได้แล้ว”
พ่อหลิวเห็นลูกสาวคนรองมีสีหน้าลำบากใจ เขาจึงพูดตัดบทแล้วบอกให้ทุกคนกินข้าวกันได้แล้ว และเมื่ออาหารเช้าเข้าปากพวกเขาเท่านั้น ทุกคนก็เบิกตากว้างมองหน้ากัน แล้วพร้อมใจกันหันไปมองหน้าอ้ายเหริน
“อร่อยมากพี่รอง” เป็นเหม่ยเหมยที่พูดขึ้นคนแรก
“ใช่ นี่มันอร่อยเกินไปแล้วนะอ้ายเหริน”
จี้หยวนก็บอกน้องรอง แล้วคีบผัดผักมากินอีกครั้ง รสชาติสุดยอดมาก อร่อยยิ่งกว่าไปกินร้านอาหารหรูๆ เสียอีก
ด้านหลิวอ้ายเหรินเห็นท่าทางของทุกคน ก็อยากจะเอามือตบหน้าผากของตัวเอง เธอแค่อยากทำอะไรให้ทุกคนกินก็แค่นั้น ไม่คิดว่าจะ ทำให้พวกเขาพากันจับผิดเธอ
“แม่ไม่เคยรู้เลย ว่าอ้ายเหรินทำอาหารเป็นและอร่อยอย่างนี้”
แม่หลิวมองหน้าลูกสาวพลางคีบเกี๊ยวให้พ่อหลิว พยักหน้าให้ พ่อหลิวชิมเกี๊ยว
“นั่นสิ นี่มันอร่อยมากเลย” หลิวจี้หยวนเองก็อดใจไม่ได้จริงๆ ที่จะชื่นชมน้องรองอีกครั้ง
“หนูทำตามที่อ่านในหนังสือนะคะ” หลิวอ้ายเหรินบอกทุกคนด้วย สีหน้าเบิกบาน
“ป้า มีเยอะไหมครับ” หลิวจี้หยวนหันไปถามป้าเจียงที่ยืนยิ้มอยู่
“อาหารมีเยอะเลยค่ะ จะรับเพิ่มเหรอคะ” ป้าเจียงรีบบอก
“เปล่าครับ ผมอยากให้ป้าเอาใส่กล่องให้ผมหน่อย ผมจะเอาไปกินมื้อเที่ยงที่ทำงานด้วยครับ” หลิวจี้หยวนยิ้มให้ป้าเจียง
“ฉันด้วยนะป้าเจียง” หลิวเหม่ยเหมยเองก็รีบยกมือขอด้วยเช่นกัน
“ได้ค่ะ งั้นป้าไปเตรียมให้นะคะ” ป้าเจียงบอก พร้อมจะเดินเข้าไปในครัว แต่..
“ป้าเจียงค่ะ” อ้ายเหรินเรียกปากป้าเจียง
“คุณอ้ายเหรินมีอะไรคะ” ป้าเจียงเดินเข้ามายืนข้างๆ คุณหนูรอง
“เดี๋ยวฉันจัดการเองค่ะ”อ้ายเหรินบอกพร้อมลุกขึ้น แล้วเดินตามป้าเจียงเข้าไปในครัว
ซึ่งทุกคนพ่อหลิว แม่หลิว จี้หยวน และเหม่ยเหมย ต่างพากันมองตามหลังอ้ายเหรินอย่างแปลกใจ…
สามสิบนาทีต่อมา…
อ้ายเหรินเดินออกจากห้องครัวตรงไปที่ห้องอาหาร แต่ไม่เห็นใคร เธอก็เดินออกมาข้างนอก เห็นพี่ใหญ่และน้องเล็ก เธอจึงรีบเดินเข้าไปหา แล้วยื่นกล่องข้าวให้พี่ชาย
“พี่ใหญ่ นี่ค่ะ ห่อข้าวของพี่ใหญ่”
“ขอบใจนะน้องรอง” จี้หยวนใส่รองเท้าเสร็จแล้วก็ลุกขึ้นยืน เขายิ้มเมื่อมองกล่องข้าวที่อยู่ในมือของเขา
เมื่อบอกพี่ใหญ่แล้วว่าในกล่องข้าวมีอะไรบ้าง อ้ายเหรินก็หันมาเอากล่องข้าวให้น้องเล็ก “นี่ของน้องเล็กนะ”
“ขอบคุณพี่รองมากค่ะ”
เหม่ยเหมยที่ยืนรอพี่ใหญ่ เพราะวันนี้เธอจะติดรถของพี่ใหญ่ไปลง ที่มหาวิทยาลัย เมื่อพี่รองยื่นกล่องข้าวให้ เธอก็รับกล่องข้าวมาถือไว้ แล้วเข้ามากอดพี่รองเพื่อขอบคุณ
“ถ้าชอบ พรุ่งนี้พี่จะทำให้อีกนะ พี่ใหญ่ด้วยนะคะ ถ้าชอบเดี๋ยวฉันจะทำให้อีก” อ้ายเหรินบอกพร้อมกอดน้องเล็กตอบ แล้วหันไปยิ้มให้พี่ชาย
จี้หยวนชะงักไปชั่วครู่ ที่เห็นน้องรองยิ้มให้ ซึ่งน้อยครั้งที่เขาจะได้รับรอยยิ้มอันสดใสของน้องรอง
“หนูด้วยนะพี่รอง” เหม่ยเหมยบอกพี่สาว เมื่อผละออกจากอ้อมกอด
“ได้ๆ” อ้ายเหรินพยักหน้าให้น้องเล็ก
ด้านจี้หยวนกำลังจะชวนน้องเล็กไปขึ้นรถ แต่ก็เห็นแม่กับพ่อเดินมาออกมา เขาจึงถามแม่ว่า “คุณแม่แต่งตัวสวยจัง จะไปไหนเหรอครับ”
“นั่นสิคะ คุณแม่จะไปไหนคะ”
เหม่ยเหมยและอ้ายเหรินผละออกจากกัน แล้วเหม่ยเหมยก็ถามแม่ เพราะปรกติแล้วแม่หลิวจะไม่แต่งตัวสวยแบบนี้เวลาอยู่บ้าน
“คุณแม่จะไปไหนเหรอคะ” อ้ายเหรินก็ถามแม่หลิวเช่นกัน
แม่หลิวยิ้มให้สามีแล้วหันไปมองลูกๆ ทั้งสาม แล้วบอกลูกๆ ว่า
“แม่จะไปโรงงานกับพ่อน่ะ”
“คุณแม่จะไปโรงงานเหรอคะ” หลิวอ้ายเหรินพยายามทบทวนความจำเกี่ยวกับโรงงาน แต่ว่าคิดยังไงก็นึกไม่ออก คงเป็นเพราะร่างเดิมแทบจะไม่เคยไปเหยียบที่นั่นเลยก็ว่าได้ เธอจึงจำอะไรไม่ได้เลย
“อ้ายเหรินอยู่บ้านคนเดียวได้นะ” แม่หลิวไม่ได้ตอบคำถาม แต่นางกลับถามลูกสาวคนรองแทน
“มีอะไรหรือเปล่าลูก” พ่อหลิวจึงถาม เมื่อเห็นอ้ายเหรินขมวดคิ้วเข้าหากัน จนหน้ายับยู่ยี่
“หนูไปด้วยได้ไหมคะ” หลิวอ้ายเหรินมองพ่อและแม่เมื่อขอไปด้วย
เธออยากไปเห็นขบวนการผลิตผ้าในยุคนี้ อยากรู้ว่าจะแตกต่างจากยุคที่เธอจากมากแค่ไหน อีกอย่าง เธอคิดที่จะทำแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตนเอง ฉะนั้นโรงงานผ้าของพ่อตัวเอง ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเธอที่ต้องไปศึกษาดีที่สุด
แม่หลิวไม่อยากเชื่อหูของตัวเอง จึงถามขึ้นว่า
“อ้ายเหรินจะไปโรงงานกับพ่อแม่เหรอ”
“ค่ะ” หลิวอ้ายเหรินพยักหน้ายืนยัน
“ได้สิลูก” พ่อหลิวเต็มใจให้ลูกสาวไปด้วย จึงพยักหน้ารับทันที
“ชักอยากหยุดเรียนไปด้วยแล้วสิคะ” หลิวเหม่ยเหมยมุ่ยหน้าแล้วพูดขึ้น เธอเองก็อยากจะไปด้วย แต่มีเรียนนี่สิ
“ไม่ได้” นั่นทำให้ทุกคนหันไปมองน้องเล็กของบ้าน แล้วปฏิเสธพร้อมกันเสียงดัง…