“เรื่องที่เสี่ยวเอ้อเล่ามานั้นน่าสนใจ ข้าคิดว่าอาจคาดไม่ผิดหากจะเดินทางไปที่นั่น...ฟางซิน แล้วเจ้าล่ะ วันรุ่งขึ้นเจ้าคงต้องเข้าไปหาญาติของเจ้าในหมู่บ้าน ข้าจะพาเจ้าไปส่งก่อนเพราะเจ้ายังเดินไม่สะดวก”
จิ้นเหอหันไปถามหญิงสาวซึ่งยังนั่งนิ่ง ท่าทีของนางสงบงามจนบางครั้งเขาก็นึกสงสัยว่านางอาจได้รับการอบอรมเรื่องกิริยามารยาทต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไป
“ขอบคุณมากค่ะ...ว่าแต่ท่านจะไม่ไปที่วัดโค้วอิงยี่แล้วหรือคะ”
“ข้ามีธุระสำคัญ และคิดว่าต้องทำสิ่งที่สำคัญก่อนอื่นใด...พูดไปเจ้าคงไม่เข้าใจ เอาเถิด...กินให้อิ่ม มื้อนี้ข้าเลี้ยงเจ้าเอง และคืนนี้ข้าจะเป็นคนจ่ายค่าที่พักให้เจ้า”
พูดจบเขาก็ลงมือกินอาหารพร้อม ๆ กับหวังซื่อ ฟางซินยังนั่งครุ่นคิดถึงคำกล่าวของจิ้นเหอเมื่อครู่
ธุระสำคัญเช่นนั้นหรือ...
ความสงสัยเกาะกินใจนางและเริ่มคลางแคลงต่อสถานะของบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้ เขาเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อันใดต่อการเดินทางมายังเขตหวงซาน ท่าทางเขาใส่ใจและใคร่รู้เรื่องของนางมารหมื่นบุปผา เขาให้ความสนใจต่อไป๋เจี้ยนเสมือนว่าเขาต้องการสืบหาอะไรบางอย่าง ฟางซินเริ่มไม่ไว้ใจแต่ก็ลงมือกินอาหารมื้อนั้นอย่างเยือกเย็นและเก็บเร้นความเคลือบแคลงไว้อย่างเงียบเชียบ และเมื่อมื้ออาหารผ่านไปเสี่ยวเอ้อจึงนำคนทั้งสามขึ้นไปยังห้องพัก เป็นห้องเก่า ๆ อย่างที่ฟางซินคิดไว้แต่ก็สะอาดและพอจะเป็นที่พักนอนชั่วคืน ฟางซินระแวดระวังตัวเองเมื่อคนของโรงเตี๊ยมกลับไปเหลือเพียงนางและชายแปลกหน้าทั้งสอง จิ้นเหอเดินมาหยุดหน้าห้องพักและเปิดประตูออก
“คืนนี้เจ้านอนห้องนี้...ส่วนข้าจะไปนอนกับหวังซื่ออีกห้อง”
บุรุษผู้งามสง่าหันมาบอกฟางซินที่มองเขาด้วยความประหลาดใจ ตอนแรกนางคิดว่าจิ้นเหอจะฉวยโอกาสที่บอกเสี่ยวเอ้อว่านางเป็นฮูหยินของเขา ท่าทีอันสุขุมนั้นยิ่งทำให้หญิงสาวรู้สึกผิดที่คิดว่าเขาจะคิดไม่ซื่อต่อนางในครั้งแรก
“ขอบคุณท่านมาก...คนอย่างท่านหาได้ยากยิ่ง วันหนึ่งข้าคงได้ตอบแทนบุญคุณของท่านที่ช่วยเหลือข้าในครั้งนี้”
“เจ้าเคยได้ยินคำนี้หรือไม่...ไม่มีใครเลี้ยงอาหารใครเปล่า ๆ โดยไม่หวังผลประโยชน์ตอบแทน แต่ข้าเลี้ยงอาหารเจ้าหนนี้หวังเพียงเจ้าจะได้มีแรงเดินทางไปพบญาติของเจ้าในวันพรุ่ง นอนหลับพักผ่อนเถิด เมื่อฟ้าสางข้าจะพาเจ้าเข้าไปส่งในหมู่บ้าน”
ฟางซินมิรู้ว่าจะตอบกลับไปเช่นใด ในหัวใจของนางบังเกิดความซาบซึ้งอย่างมิเคยเป็นมาก่อน ชั่วชีวิตของนางจมอยู่กับความแค้นและเจ็บปวดเพราะคิดว่าคงมิมีผู้ใดในปฐพีนี้จริงใจหากมิมีผลประโยชน์ต่อกัน จิ้นเหอเป็นคนแรกที่ทำให้หัวใจของนางมารอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดแม้นี่จะเป้นครั้งแรกที่ได้พบ ฟางซินเข้าไปในห้องพักที่ได้รับการปัดกวาดอย่างสะอาดสะอ้านแม้เป็นห้องเล็ก หากแต่นางมิได้คิดว่าจะนอนหลับอย่างสบายใจ มีอะไรบางอย่างที่กระตุ้นเตือนให้นางใคร่รู้มากกว่าการเดินทางเข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ และสิ่งที่ทำให้นางมิอาจล้มตัวลงนอนได้ในทันทีทันใดคือความสงสัยในตัวบุรุษหนุ่มรูปงามผู้นั้น แม้เขาจะแสดงความดีและจริงใจหากฟางซินก็ยังคงเคลือบแคลง นางตรงไปยังหน้าต่างห้องและเปิดมันออก มองออกไปเห็นผาหินสูงด้านหลังโรงเตี๊ยมเพราะอยู่ติดกับเขาหินขนาดใหญ่ ร่างเพรียวระหงดึงผ้าแพรบางมาปิดใบหน้าก่อนใช้วิชาตัวเบากระโดดขึ้นไปบนหลังคาโรงเตี๊ยม แสงสว่างจากโคมไฟด้านหน้าอาบเนื้อนวลสว่างตาราวหยกบริสุทธิ์ในชุดสีขาวพริ้วไหวของนางมารหมื่นบุปผาที่เหยียบย่องไปบนกระเบื้องหลังคาด้วยวิชาล้ำลึก นางค่อย ๆ นอนราบลงและเลื่อนกระเบื้องหนึ่งชิ้นออกด้วยกำลังแม้หนักหากปลายนิ้วบางเบาดุจขนนก มองลงไปผ่านร่องเล็ก ๆ คือจิ้นเหอและหวังซื่อยืนคุยกันในห้อง
“ท่านแม่ทัพจะเปลี่ยนแผนไม่เดินทางไปโค้วอิงยี่แล้วหรือขอรับ?”
หวังซื่อตั้งคำถามแม้เสียงนั้นมิได้ดังกว้างกังวานหากฟางกลับได้ยินชัดเจน เยขาเรียกจิ้นเหอว่า ท่านแม่ทัพ
“ข้าคิดว่าต้องทำสิ่งสำคัญก่อน อย่าลืมว่าที่เรามาที่นี่ก็เพื่อตามล่านางมารหมื่นบุปผา ข้าอยากรู้ว่านางเป็นใครและต้องสืบให้รู้ให้ได้ซึ่งการมาพักที่โรงเตรี๊ยมแห่งนี้ก็ทำให้ข้าได้รู้ว่าจะต้องสืบหาฆาตกรอำมหิตที่ฆ่าคู่หมายของข้าได้ที่ไหน”
คู่หมาย...ฟางซินที่ตั้งใจฟังชะงักงัน จิ้นเหอมีคู่หมายอยู่แล้วเช่นนั้นหรือ
“ข้าอยากพบเจ้าสำนักเฟิงอี้ เพราะหากเป็นดั่งที่เสี่ยวเอ้อว่าจริง ๆ ก็ถือว่าเป็นโชคดีของข้าที่จะได้พบนาง”
“ท่านแม่ทัพต้องระวังตัวด้วยเพราะจากที่ได้ยินมานางมารหมื่นบุปผามีวิทยายุทธ์ล้ำเลิศ”
“มีสิ่งใดที่ข้าจักต้องกลัวมากไปกกว่านี้ ข้าเป็นแม่ทัพใหญ่แห่งองค์ซ่งไท่จู่ ผ่านการศึกมามากมายหลายสนามรบ อย่าคิดว่าข้าจักกลัวเกรงผู้หญิงเพียงคนเดียว นางฆ่าคนรักของข้าอย่างเลือดเย็น หากจับตัวได้ข้าจะลากนางมาสับด้วยดาบเป็นหมื่นชิ้นแล้วโยนลงไปในหุบเหวที่ลึกที่สุดแห่งหวงซาน!”
คำประกาศกร้าวทำให้ฟางซินตกใจชั่ววูบและลืมตัว ปลายเท้าของนางกระทบกระเบื้องผุชิ้นหนึ่งเกิดเสียงดัง จิ้นเหอเงยหน้าขึ้นมองเพดานอย่างรู้ว่ามีสิ่งผิดปกติก่อนเขาจะลั่นเสียงว่า
“นั่นใคร!”