เมื่อเห็นว่าจิ้นเหอรู้ตัวฟางซินจึงใช้วิชาตัวเบาลอยละลิ่วข้ามหลังคาไปยังหน้าผาหลังโรงเตี๊ยม นางเหยียบปลายไม้ด้วยปลายเท้าเบาราวขนนกและหยุดบนชะง่อนหิน เมื่อหันกลับไปก็ต้องตกใจอีกหนเพราะจิ้นเหอกระโดดออกทางหน้าต่างห้องและใช้วิชาตัวเบากระโดดข้ามหลังคาตามมาเช่นกัน
“จิ้นเหอ...ท่านตามข้ามิทันดอก”
นางรำพึงกับตัวเองใต้ผ้าแพรปิดบังใบหน้าครึ่งท่อนก่อนจะลอยตัวจากชะง่อนหินลงไปยังปลายไม้ของแนวไพรด้านล่างท่ามกลางแสงจันทร์เสี้ยวที่สาดส่องเห็นลางเลือน แม้จิ้นเหอเป็นนายทหาร หากเขาก็เป็นเพียงแม่ทัพในสนามรบเท่านั้น หาใช่ผู้มีวรยุทธเช่นเหล่าจอมยุทธ แม้มีวิชาตัวเบาก็มิอาจตามนางได้ทัน ฟางซินกระหยิ่มกับความคิดของตัวเอง แต่แล้วเมื่อหันกลับไปก็เห็นว่าเขายังติดตามนางไม่ลดละ และสร้างความประหลาดใจแก่นางมารผู้ผ่านการฝึกวรยุทธมาอย่างเข้มข้นแม้อายุยังน้อย
“หยุดเดี๋ยวนี้...เจ้าเป็นใคร!”
จิ้นเหอร้องเรียกและไม่ยอมลดละติดตามร่างอรชรในชุดพลิ้วเบาที่ลอยตัวอยู่ไม่ห่างจากสายตาของเขาแม้เป็นคืนเดือนเสี้ยว ด้วยวิชาการรบและชั้นเชิงการต่อสู้ที่ไม่เป็นรองผู้ใดทำให้หนึ่งในแม่ทัพใหญ่แห่งองค์ซ่งไท่จู่ผู้เกรียงไกรที่แม้มิอาจลอยตัวเหยียบปลายไม้ได้หากก็สามารถกระโดดข้ามจากไม้ต้นหนึ่งไปยังอีกต้นอย่างว่องไว
“หยุดเดี๋ยวนี้...อย่าคิดว่าจะหนีพ้น!”
จิ้นเหอตะโกนและเสียงกังวานที่แหวกความมืดไปนั้นทำให้ร่างอรชรในชุดพลิ้วไหวที่ลอยตัวลงบนพื้นหยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าห่างจากเขาเพียงไม่กี่ก้าว นางหันกลับมาและแสงสว่างจากจันทรานั้นมิเพียงพอจะให้เขาเห็นหน้าชัดเจนหากก็ทำให้แม่ทัพผู้กล้าแกร่งซึ่งดึงดาบออกจากฝักต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นว่าผู้ที่เขาตามติดมานั้นเป็นอิสตรี แม่ทัพหนุ่มอึ้งไปเพียงเสี้ยวความรู้สึกทว่ายังกุมดาบในมือมั่นด้วยประหวัดนึกได้ว่านางผู้อยู่ตรงหน้ามิใช่หญิงธรรมดาด้วยนางมีวิชาตัวเบา
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าเป็นใคร เมื่อกี๊เจ้าแอบดูข้าจากหลังคาโรงเตี๊ยมใช่หรือไม่”
เขาถามเสียงกังวานในความหมองของราตรี ฟางซินถอยหลังไปหนึ่งก้าว นางไม่อาจตอบเขาได้เพราะเกรงว่าจิ้นเหอจะจำได้หากได้ยินเสียงของนางจึงหยุดยืนนิ่งและมองบุรุษงามสง่าผู้มีชั้นเชิงวิทยายุทธอย่างที่นางคาดไม่ถึง เขามิใช่จอมยุทธ์ก็จริงแต่สามารถวิ่งตามนางมาติด ๆ ได้เช่นนี้นับว่ามิใช่ธรรมดาเลย
“ว่ายังไง...ทำไมไม่ตอบข้า หรือว่าเจ้ากลัว”
ฟางซินเอียงหน้าเล็กน้อย นางจับผ้าปิดหน้าเอาไว้และคิดในหนแรกว่าจะใช้วิชาตัวเบาขั้นสูงลอยหายไปต่อหน้าแต่มีบางอย่างสะกดความรู้สึกของนางมารไว้ หากเป็นคนอื่นนางอาจใช้พลังลมปราณทำลายกำลังและปล่อยทิ้งให้นอนทุรนทุรายกลางป่า แต่นี่คือจิ้นเหอ ซึ่งนางมิอาจทำเช่นนั้นได้ นางมารหมื่นบุปผานิ่งนึกทั้งที่ปกติมิเคยใช้เวลานานหากครั้งนี้กลับเกิดความลังเลในการตัดสินใจทว่าก็มิอาจปล่อยให้เขาล่วงรู้ได้ว่าหญิงสามัญที่เขาช่วยเหลือไว้แท้แล้วคือผู้เยี่ยมฝีมือในยุทธจักร
“เจ้า...”
จิ้นเหอกล่าวได้แค่นั้นก็ต้องผงะด้วยถูกจู่โจมอย่างรวดเร็วฉับพลันจากอีกฝ่ายที่ใช้ชายผ้าแพรจากชุดของนางตวัดพันรอบมือข้างถือดาบ นางออกแรงเพียงน้อยดาบเล่มใหญ่ก็หลุดจากมือของแม่ทัพหนุ่มซ้ำยังตวัดชายผ้าที่รัดข้อมือดึงเขาจนล้มกลิ้งไปอีกทางก่อนที่นางจะลอยตัวคล้ายจะเข้ามาทำร้ายแต่กลับมิใช่เพราะเมื่อจิ้นเหอที่ล้มลงเกลือกบนพื้นเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นว่าร่างอรชรนั้นหยุดนิ่งอยู่ตรงที่เขายืนเมื่อครู่ และเมื่อเขาเพ่งมองก็ต้องตกใจเพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าสตรีผู้นั้นคือหมาป่าตัวใหญ่ที่นอนส่งเสียยงครางฟืดฟาดหายใจรวยริน แสงจันทร์น้อยนิดหากเขาก็เห็นว่าลำตัวของมันอาบด้วยเลือด หญิงผู้นั้นตวัดผ้าหลุดจากมือของเขา นางหันกลับมาก่อนจะลอยตัวขึ้นสู่ปลายไม้ด้วยวิชาตัวเบาซึ่งจิ้นเหอมิเคยพบเห็นผู้ใดใช้วิชาการต่อสู้แบบจู่โจมได้อย่างฉับพลันและเฉียบขาดเช่นนี้มาก่อน
“แม่นาง...แม่นาง...เจ้าเป็นใคร...กลับมาก่อน”
แม่ทัพหนุ่มรูปงามรีบลุกขึ้นและเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าเห็นร่างนั้นลอยละลิ่วหายไปท่ามกลางแสงจันทร์เสี้ยว จิ้นเหอหันกลับไปมองสัตว์ร้ายที่เกือบเอาชีวิตเขา...นี่นางช่วยชีวิตเขาหรือนี่ แต่ก็ไม่เข้าใจเลยว่าสตรีผู้ทำตัวประหนึ่งคิดปองร้ายเพราะแอบฟังเขาคุยกับหวังซื่อที่โรงเตี๊ยมใยจึงเปลี่ยนใจช่วยเขาให้พ้นภัยกระทันหัน แต่นางช่วยเขาจริงล่ะหรือ จิ้นเหอยืนนิ่งนึกอยู่ชั่วครู่ก็คิดได้ว่านี่อาจเป็นแผนล่อหลอกเขาออกจากที่พักหรือไม่ เขารีบเก็บดาบคู่ใจลงฝักก่อนรีบกลับไปยังโรงเตี๊ยมด้วยนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา และเมื่อไปถึงเขาก็เข้าไปในโรงเตี๊ยมทางด้านหน้าโดยไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความผิดปกติและตรงไปยังห้องพักที่อยู่ติดกับห้องของเขา จิ้นเหอยืนนิ่งอีกสักครู่ขณะชั่งใจ เขาปัดฝุ่นทรายออกจากลำตัวก่อนเคาะประตูห้อง