ตอนที่ 5 ความรู้สึกดีๆ ที่มันมาไม่รู้ตัว (1)

1047 Words
ตอนที่ 5 ความรู้สึกดีๆ ที่มันมาไม่รู้ตัว (1) “ตาหวานคะ ไปเดินเล่นกับอาทางโน้นกันนะ” นวียาก้มลงคุยกับเด็กน้อยชักชวนให้เธอไปเดินสำรวจรอบๆ บ้านด้วยกัน แต่ยังไม่ทันที่หนูน้อยจะตอบรับหรือปฏิเสธ “ตาหวานไปดูแปลงดอกไม้สวยๆ กับอาพงศ์ดีกว่าลูก” พงศกรเอ่ยขึ้นหลังจากทานกลางวันเสร็จแล้ว เดินตามหลังหญิงสาวที่จูงมือเด็กน้อยออกมาหน้าบ้าน ใช่ว่าเขาอยากจะเดินตามหล่อนแต่ในฐานะเจ้าของบ้านเขาก็อยากจะพาหลานตัวน้อยไปเดินเล่นด้วยตัวเองเหมือนกัน “ถ้าตาหวานไปกับอา เดี๋ยวอาจะพาตาหวานไปดูสวนน้ำตกด้วยนะจ๊ะคนดี” นวียารีบบอกหลานสาวที่กำลังทำหน้าลังเล ว่าจะไปกับใครดี “ถ้าตาหวานไปกับอาพงศ์ เดี๋ยวอาพงศ์ให้ขี่หลัง แล้วจะพาไปดูเรือนกลางน้ำด้วยนะครับ” พงศกรรีบแจ้งข้อเสนอให้ดูเหนือกว่าคู่แข่ง “ตาหวานไปกับอาดีกว่าลูก” นวียาจับแขนเล็กไว้ พลางดึงให้เดินไปในทิศที่ต้องการ “ตาหวานไปกับอาดีกว่าครับ” พงศกรรีบดึงแขนเล็กที่ว่างอีกข้างไว้ เพื่อให้เด็กน้อยได้ไปกับตน กลายเป็นว่าทั้งคู่กำลังฉุดดึงแขนน้อยๆ นั้นไว้ เพื่อให้ไปกับตนเองให้ได้ โดยที่เด็กหญิงได้แต่ตัวเอียงไปเอียงมาซ้ายทีขวาที ตามแรงที่คุณอาทั้งสองดึงรั้งไป จนแขนเธอจะหลุดออกจากบ่าอยู่แล้ว “ตาหวานต้องไปกับอาค่ะลูก” นวียาเริ่มโมโห “ตาหวานต้องไปกับอาพงศ์นะครับ” พงศกรก็เริ่มจะฉุน แต่ตอนนี้ตาหวานกำลังจะปรี๊ดแตก… “โอ๊ย! อากล้วย อาพงศ์ขา ตาหวานเจ็บนะค้า” ร่างน้อยหยุดยืนนิ่งพลางก้มหน้า ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองอาทั้งสอง เมื่อไม่เข้าใจว่าทำไมต้องลากเธอไปมาให้เจ็บด้วย “ตาหวานลูก อาขอโทษนะคะคนเก่ง หนูเจ็บตรงไหนบ้างคะ” หญิงสาวได้สติเมื่อเจอกับอาการงอแงที่ไม่เคยปรากฏของหลานสาว และเริ่มรู้ตัวว่าตัวเองใช้แต่อารมณ์จนพาลไปลงที่หลาน “อาพงศ์ก็ขอโทษนะครับคนดี ไหน…มาให้อาเป่าให้มา…โอม เพี้ยงๆ หายๆๆ ฟอด!” ชายหนุ่มก็ได้สติ อยากจะเขกกะโหลกตัวเองยิ่งนัก ที่อยากจะเอาชนะหญิงสาวจนเป็นเหตุทำให้หลานน้อยต้องเจ็บตัวฟรีๆ “คนดีของอาไม่เป็นไรแล้วนะคะ อาจะไม่ทำแบบนี้อีก อย่าโกรธอานะ จุ๊บ!” นวียาหอมแก้มแดงใสอีกข้างตรงข้ามกับด้านที่เขาหอมเด็กหญิงฟอดใหญ่เมื่อครู่ “อากล้วย กับอาพงศ์ ไม่รักกันเหรอคะ” สาวน้อยถามซื่อๆ พลางมองหน้าอาชายและอาหญิงสลับไปมา ไม่เข้าใจจริงๆ ทำไมอาทั้งสองชอบทำท่าแปลกๆ ใส่กัน เหมือนกับคนโกรธกัน ไม่ชอบหน้ากันอย่างนั้นแหละ “เอ่อ…” หญิงสาวแก้มแดงระเรื่อขึ้นอัตโนมัติกับคำถามตรงๆ ที่ไม่มีความนัยเคลือบแฝงของคนตัวเล็ก พูดไม่ออกเสียดื้อๆ เขินจริงอะไรจริง ชายหนุ่มหนึ่งเดียวดูจะรับสถานการณ์นี้ได้ดีกว่าใคร… “อากล้วยเป็นอาของตาหวาน อาพงศ์ก็ต้องรักอากล้วยอยู่แล้วสิคะ รักเหมือนที่อาพงศ์รักตาหวานไง” ชายหนุ่มรีบฉวยโอกาสบอกเด็กน้อยทันที ก็เด็กมันอยากให้รักกันก็ตามใจบ้างอะไรบ้าง ‘เฮอะ รักตายล่ะ แก้ผ้าเอาหน้ารอดชัดๆ’ นวียาค่อนแคะในใจอย่างหมั่นไส้ “แล้วทำไมต้องทำหน้าบึ้งใส่กันด้วยล่ะคะ หรือว่าอาพงศ์กับอากล้วยทะเลาะกันเหรอคะ” เด็กน้อยยกมือกอดอด เม้มปากแน่น ขณะเอ่ยสอบสวนเด็กโข่งสองคนที่กำลังทำหน้ากลืนข้าวไม่เข้า คายเสมหะไม่ออก อยู่ในตอนนี้ “ใครหน้าบึ้งลูก เปล่าซะหน่อย” นวียาฉีกยิ้มกว้างให้หลานน้อยพลางส่งเผื่อแผ่ไปให้ชายหนุ่มที่กำลังแจกยิ้มกว้างส่งมาเช่นกัน เด็กหญิงยิ้มออกมาอย่างดีใจ คุณอาทั้งสองรักกันแล้ว ไม่ได้ทะเลาะกันจริงๆ ด้วย เธอไม่ต้องโดนแย่งตัวจนต้องเจ็บแบบเมื่อกี้แล้ว “ตาหวานดีใจที่สุดเลยค่ะ ตาหวานอยากให้อากล้วยกับอาพงศ์รักกันเยอะๆ รักตาหวานด้วย” หนูน้อยมองหน้าทั้งสองตาแป๋ว ส่งยิ้มให้ผู้ใหญ่ทั้งสองจนตาหยี นวียาน้ำตาคลอด้วยความดีใจที่เห็นหลานน้อยมีความสุข นั่งลงโอบร่างน้อยไว้แน่นแนบอก พงศกรเองก็คิดไม่ต่างกัน จึงนั่งลงอีกฟากยกมือขึ้นโอบกอดทั้งอาทั้งหลานไว้ในอ้อมอกหนา นวียาสะดุ้งน้อยๆ เมื่อชายหนุ่มถือโอกาสโอบเอวเธอเอาไว้จนแน่น เธอเอื้อมมือที่ละจากการโอบร่างหลานข้างหนึ่งไปดึงหูชายหนุ่มแรงๆ พงศกรหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ แต่แอบเสหน้าไปทางอื่นไม่อยากให้เป็นที่ผิดสังเกต ยัยตัวแสบ คิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วทำได้คนเดียวหรือไง ฉับพลัน เขาเอื้อมมืออ้อมไปข้างหลัง และกระตุกผมยาวสลวยของเธอแรงๆ เพื่อเอาคืนทันที นวียาเจ็บจี๊ดที่หนังศีรษะ หนอย! ไอ้คนผีทะเล ไหนบอกว่ารักไง เธอถลึงตาใส่เขา ที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เธออยู่เช่นกัน เด็กน้อยรู้สึกดีใจที่ได้อยู่กับอากล้วยที่เป็นเหมือนแม่คนที่สองที่ช่วยเลี้ยงดูเธอตั้งแต่ยังเล็ก แถมตอนนี้เธอยังมีอาพงศ์ที่เป็นเหมือนคุณพ่อคนที่สอง ทดแทนเวลาที่ไม่ได้อยู่กับคุณพ่ออิฐ ร่างเล็กขยับตัวออกจากอ้อมกอดของอาหญิงชายทันที เมื่อสายตาพลันสอดส่ายไปมองที่เรือนกลางน้ำเห็นอานพของเธอกำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD