BAD NIGHT - คืนร้ายพ่ายรัก | 8

2439 Words
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเสื้อผ้าฉัน” ฉันถามขึ้นทันทีในขณะที่พี่คิมหันต์กำลังจะพาฉันไปเอาเสื้อผ้าที่บ้าน “ใส่ไปก็ต้องถอดสู้ไม่มีไม่ใส่ไม่ดีกว่าหรอ” “นายมันไอ้โรคจิตวิปริต” อดไม่ได้ที่จะพ่นคำด่าใส่เขาเพราะคำพูดแต่ละคำที่ออกจากปากของเขาทำฉันไม่ชอบใจ “ด่าฉันแบบนี้ระวังเธอจะเจอเซ็กซ์ที่วิปริต” ทุกวันนี้มีตรงไหนบ้างที่เซ็กซ์ของเขามันดีสำหรับฉัน “สำหรับฉันนายก็เป็นคนที่วิปริตและโคตรชั่วอยู่ดี” เพราะตอนนี้ฉันไม่มีแม้แต่ความกลัวอีกแล้ว “ระวังคำพูดของเธอหน่อยก็ดี ฉันซื้อเธอแล้วจำใส่หัวของเธอไว้ด้วย” พูดจบก็ใช้นิ้วของเขาผลักหัวของฉัน “ไม่พอใจหรอ ถ้านายไม่พอใจก็เลิกยุ่งกันฉันไปซะ” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเลิกสนใจเขา ไม่อยากจะพูดอะไรกับเขามาก ยังไงตอนนี้เขาก็คือคนชั่วในสายตาฉันอยู่ดี “หนูออกไปอยู่ข้างนอกกับเพื่อนนะ” ฉันพูดขึ้นเมื่อเข้ามาในบ้านหลังโตที่มีชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของฉันนั่งอยู่กลางบ้าน “บ้านใคร” “เพื่อน” ฉันตอบสั้นๆ ก่อนจะเลี่ยงขึ้นมาเก็บเสื้อผ้า เพราะถ้าฉันช้าแน่นอนเขาต้องเข้ามาแน่ๆ “ทำไมต้องไปอยู่บ้านเพื่อน บ้านเราก็มี” พ่อถามขึ้นอีกครั้งเมื่อฉันหอบหิ้วกระเป๋าและของต่างๆลงมา “แลกกับเงินใช้หนี้ของพ่อไง” พูดจบฉันก็เดินออกมาทันทีโดยไม่สนใจพ่ออีกเลย อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เจอเรื่องอัปรีย์แบบนี้ก็คือพ่อ ถ้าพ่อไม่ติดการพนันจนหนี้ท่วมหัว เขาก็ไม่เข้ามาหาฉันแบบนี้ “ฉันคิดว่ากำลังจะไปตามเธอพอดี” เขาพูดขึ้นทันทีที่ฉันขึ้นรถ “อย่าสะเออะเข้าไปในบ้านฉัน” เขาไม่ควรเข้าไปในบ้านของฉันและไม่ควรจะไปเสนอหน้าให้พ่อของฉันเห็น “อย่าลืมว่าฉันซื้อเธอมา พูดดีๆกับฉันด้วย” “แล้วยังไง” ฉันตอบกลับอย่างไม่สนใจ “เตรียมตัวให้ดีเธอพูดกับฉันยังไง ฉันก็จะเอาเธอแบบนั้น” ควับ ! ฉันหันหน้าไปมองเขาอย่างเร็วด้วยความไม่พอใจ “ฉันรู้ว่าเธอก็ชอบสัมผัสจากฉัน” มั่นหน้า “สัมผัสที่น่าขยะแขยงนะหรอ” ใครจะชอบสัมผัสของเขากัน หลงตัวเองเป็นที่สุด “ถ้าเธอไม่ชอบเธอคงไม่ครางลั่นห้อง” ฉันไม่ตอบอะไรกลับไปเพียงแค่นั่งเฉยๆ ฉันไม่เคยชอบสัมผัสของเขา ทุกครั้งที่เขาโดนตัวของฉันร่างกายมันเตือนฉันเสมอว่าเขาคือคนที่โคตรชั่วและสารเลว วันต่อมา “ช่วยทำเหมือนว่านายกับฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน” ฉันพูดขึ้นเพราะตอนนี้เราอยู่บนรถเช่นเคยและกำลังมุ่งหน้าตรงไปยังมหาลัย แน่นอนฉันไม่มีทางให้เพื่อนของฉันให้รู้เรื่องนี้เด็ดขาด ไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันเจอเรื่องอัปรีย์แบบนี้ “ทำไมฉันต้องทำ” “เพราะฉันขอ” “ถ้าเธอทำตัวดีๆแน่นอนว่าจะไม่มีใครรู้แต่ถ้าเธอพยศ เชื่อสิ เพื่อนเธอรู้แน่ยิ่งไอ้พายุเป็นแฟนกับน้องโมจิ เราต้องเจอกันบ่อยๆด้วยสิ” เขาพูดขึ้นต่อทั้งที่ไม่ได้หันมามองฉันเพราะสายตากำลังจับจ้องไปยังท้องถนน “ฉันไม่เคยพยศ” ถ้าเขาไม่ทำอะไรฉันก่อน “แล้วใครกันนะ” “ถ้านายไม่ทำระยำกับฉันก่อน” ฉันพูดขึ้นต่อพร้อมพ่นคำด่าใส่เขาไปด้วย “ก็เธอมันพยศ” “จอด ฉันจะลงตรงนี้” ฉันพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อเขากำลังเลี้ยวรถเข้ามหาลัย “กลัวเพื่อนรู้ขนาดนั้นเลยหรือไง” “แน่สิ เรื่องนี้มันต้องไม่มีใครรู้” “งั้นก็ลงไป” ฉันลงจากรถทันทีเมื่อเขาพูดจบพร้อมกับเดินไปขึ้นรถรางของมหาลัยเข้าไปที่คณะ แน่นอนว่าตอนนี้เพื่อนๆของฉันก็มาแล้วและที่สำคัญวันนี้เป็นวันที่โมจิต้องไปเดินให้พี่พอลล่าดู เนื่องจากมันได้รับเลือกให้เป็นดาวคณะ พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกเพราะวันนั้นมันดันไม่มา ฉันกับแพรก็เลยยกตำแหน่งนี้ให้มันไปเลย “มึงจะไปดูอิโมไหมน้ำขิง” แพรถามฉันขึ้นทันทีซึ่งตอนนี้โมจิได้วิ่งหายออกไปจากห้องแล้วเพราะมันรีบที่จะไปหาพี่พอลล่า “ไปดิ” เพราะเคยรับปากมันไปแล้วว่าจะมาซ้อมด้วย หลังจากนั้นฉันกับแพรเดินตรงไปยังห้องซ้อมทันที “สวัสดีค่ะพี่ๆ” ฉันกับแพรพูดขึ้นพร้อมก่อนจะส่งยิ้มสวยๆ ไปให้เพื่อนสาวว่าที่ดาวมหาลัยที่นั่งอยู่ “หายหัวเลยนะพวกมึง” โมจิว่าขึ้นก่อนจะนั่งทำหน้าบึ้งตึงใส่พวกฉัน “ก็มาแล้วนี่ไง” ฉันพูดขึ้นทันทีเพราะดูท่าทางของมันก็รู้ว่าแอบไม่พอใจที่พวกฉันตามมาช้า “สองคนมาก็ดีแล้วช่วยโมจิคิดเลย จะโชว์อะไรเป็นความสามารถพิเศษ” “มันไม่มีหรอกความสามารถพิเศษ” ฉันพูดขึ้นอย่างติดตลกพร้อมกับโดนสายตาดุๆจากคนที่ถูกพูดถึงจ้องเขม็ง “อีผี” “เอาดีมึงทำอะไรเป็นบ้าง” คราวนี้เป็นแพรที่พูดขึ้นด้วยท่าทางจริงจัง “ไม่เป็นสักอย่าง” โมจิพูดขึ้นทันทีที่แพรพูดจบ เห็นไหมล่ะ ฉันบอกแล้ว “รำไทย” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะหลายคนต้องเคยผ่านวิชานาฏศิลป์มาอยู่แล้ว “จะให้กูรำไทยหรอ เต้นแก้วหน้าม้าคงง่ายกว่าอีก” โมจิพูดขึ้นต่อทันที อย่าว่าแต่ฉันที่ติดตลกมันก็ติดตลกไม่ต่างจากฉัน “เอารำไทยเดี๋ยวกูซ้อมให้” ฉันเสนอตัวเองทันทีเพราะฉันก็พอมีฝีมือด้านนี้อยู่บ้าง “พี่พอลล่าของอิโมรำไทยค่ะ” ไม่รีรอที่จะให้โมจิมันคิด ฉันก็เอ่ยปากบอกพี่พอลล่าทันทีเพราะไม่งั้นให้คิดเป็นวันมันก็คิดไม่ออก “ของโมจิเป็นรำไทยของพร้อมเป็นเล่นดนตรี พี่ให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ในการเตรียมตัว พฤหัสหน้ามาเจอกันที่นี่พร้อมกับการแสดงนะ วันนี้ทุกคนเก่งมาก” พี่พอลล่าพูดขึ้นอีกครั้งจากนั้นทุกคนก็แยกย้ายกันทันที “น้ำขิงกูรำไม่เป็น” ทันทีเมื่อออกจากห้องซ้อมโมจิก็พูดขึ้นมา “กูเป็นเด็กนาฏศิลป์ตัวท็อปโรงเรียน” เพราะแบบนี้ฉันถึงอาสาจะซ้อมให้มันเอง “ทำไมไม่มาเป็นเองโยนใส่กูทำไม” “ในหนึ่งอาทิตย์กูจะซ้อมให้มึงทุกวัน” ฉันเมินคำพูดของมันพร้อมกับพูดขึ้นทันที “กูช่วยด้วย” แพรที่เงียบอยู่นานพูดขึ้น “ก็ต้องแบบนั้น” โมจิพูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่มันจะเดินหนีพวกฉันตรงไปหาพี่พายุที่จอดรถอยู่ไม่ไกล “เอายังไงดีมึงกับกู” แพรถามฉันขึ้นอีกครั้ง “วันนี้ไหมแกล้งมัน” ฉันพูดขึ้นพร้อมเสนอไอเดียแผนชั่วขึ้นเพราะวันนี้เราจะไปเซอร์ไพรส์โมจิที่คอนโดพี่พายุ “สักเย็นๆค่อยไป” จากนั้นฉันก็แยกย้ายตัวกลับโดยที่ฉันก็ตรงกลับไปที่คอนโดของพี่คิมหันต์ “เย็นนี้ฉันไม่อยู่” ฉันพูดขึ้นเมื่อเปิดประตูห้องเขามาเจอเขานั่งอยู่กลางห้อง “พอดีฉันก็ไม่อยู่ห้องเหมือนกัน” ฉันภาวนาว่าเขาจะไม่ไปห้องพี่พายุเหมือนกับที่ฉันจะไปเพราะสายตาของเขามันฟ้อง “หวังว่านายจะไม่ไปที่เดียวกับฉัน” “โทษที พอดีคืนนี้ฉันมีดูบอล” ฉันยกเลิกนัดกับแพรตอนนี้จะทันไหม คิดได้แบบนั้นฉันก็รีบกดโทรศัพท์โทรหาแพรทันที “กูไปไม่ได้แล้ว” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อแพรรับสาย “ไปไม่ได้เหี้ยอะไรกูออกมาแล้ว รีบมาค่ะไม่เกินครึ่งชั่วโมงกูถึง” มันพูดขึ้นทันทีก่อนจะตัดสายฉันไปเสียดื้อๆ “ฉันหวังว่านายจะไม่ลืมที่ฉันบอกเมื่อกลางวัน” ฉันพูดกับพี่คิมหันต์ที่นั่งอยู่เพื่อเป็นการย้ำเตือน “ถ้าเธอไม่พยศ ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องของเรา” “เอาไงขึ้นไปเลยไหม” “อีขิง อีขิง อีน้ำขิง” “หะ...ห่ะ” ฉันเอ่ยขึ้นอย่างตกใจเมื่อได้ยินเสียงของแพรตะโกนขึ้นมา “เป็นอะไรเหม่อขนาดนี้” “เปล่าๆ ขึ้นไปกันเหอะ” ฉันว่าขึ้นก่อนจะรีบตรงเข้าในไปที่ลิฟต์ ที่ฉันเหม่อเพราะฉันมัวแต่คิดถึงเรื่องของฉันถ้าเขามาแน่นอนเขาไม่มีทางปิดมันไว้แน่ “มึงโทรดิ” ฉันบอกแพรขึ้นทันทีส่วนมันก็กดโทรศัพท์โทรหาเจ้าของห้อง “ไม่รับวะ” “อีกที” “เอากับผัวอยู่ไหมไม่รับแบบนี้อะ” แพรพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับฉันที่กำลังเอาหูแนบประตู “มึงก็เกิน เปิดลำโพงด้วยนะเผื่อมันรับ” ฉันพูดขึ้นทันทีเพราะอยากรู้เหมือนกันที่ไม่ออกมาเปิดประตูแบบนี้กำลังทำอะไรอยู่ “อ่าาา…ช้าหน่อย” เสียงโมจิดังออกมาจากโทรศัพท์ของแพรที่กำลังถืออยู่ “ช้าเหี้ยไรของมึงอีโม มาเปิดประตูสักทีกูอยู่หน้าห้องมึง” ทันทีเมื่อโมจิพูดจบ เจ้าของโทรศัพท์อย่างแพรก็สาดคำด่าออกไป “รอก่อน” เสียงของพี่พายุพูดขึ้นมาก่อนที่สายจะถูกตัดไป “เขาจะปล่อยให้กูกับมึงยืนอยู่แบบนี้หรอ” แพรพูดขึ้นต่อทันทีก่อนจะลงมือเคาะประตูห้องอีกครั้ง “ถ้าพี่พายุออกมาฆ่ามึง กูไม่เกี่ยวนะ” ฉันพูดพร้อมยกมือขึ้นเป็นการบอกว่าฉันไม่เกี่ยวและไม่รับรู้อะไร ก๊อก ก๊อก ก๊อก “อีโมจิถ้ามึงยังไม่ออกมา กูกับน้ำขิงจะเปิดเข้าไปดูหนังสดมึงกับผัว” เสียงแพรพูดตะโกนขึ้นทันที “เบาๆ อีห่า” ฉันพูดขึ้นเพราะต่อให้ทั้งชั้นจะเป็นของพี่พายุแต่เราก็ควรเก็บเสียงไว้หน่อย “มาทำไม” โมจิออกมาพร้อมสภาพผมยุ่งเหยิงและผ้าขนหนูพันรอบตัวผืนเดียว “มาให้มึงเลือกเพลงไง” แพรพูดขึ้นทันที “มึงดูเวลาบ้าง” มันพูดขึ้นพร้อมชูโทรศัพท์ให้พวกฉันดูเวลาแค่เกือบสองทุ่มมันยังไม่ดึกไหม “ทำไมกูมาขัดเวลามึงเอากับผัวหรอ” แพรพูดขึ้นต่ออีกครั้ง “เออ” มันตอบกลับทันที “มึงเป็นไรอะน้ำขิง” อาการฉันออกขนาดนั้นเลยหรอที่โมจิมันทักฉันขึ้นแบบนี้ “ไม่ได้เป็นไรสักหน่อย” ฉันรีบตอบกลับทันทีโดยไม่ทำให้ตัวเองเลิ่กลั่กเพราะพวกมันจะสงสัยเอาได้ “เดี๋ยวพวกเพื่อนพี่พายุจะตามมาด้วย” แพรพูดขึ้นต่ออีกครั้งแต่มันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง “พวกพี่เขาตามมาทำไม” โมจิถามขึ้นอีกครั้ง กูกับน้ำขิงมาให้มึงเลือกเพลงส่วนพี่ๆเขามาดูบอล” แพรพูดตอบกลับไปทันที “ขึ้นมายังไงกัน” พี่พายุที่เดินออกมาถามขึ้นทันที “หนูเก่งค่ะต้องขอโทษพี่พายุด้วยนะคะที่มาขัดจังหวะ รอบหน้าสัญญาจะบอกก่อนมา” แพรพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับยกมือไหว้ขอโทษส่วนฉันก็ต้องรีบยกมือไหว้ขึ้นทันที “ได้ยินว่าพวกเพื่อนพี่จะมา” พี่พายุพูดขึ้นอีกครั้ง “เห็นบอกว่าจะมาดูบอลและจะซื้อของกินเข้ามาด้วย ยังไงคืนนี้หนูกับน้ำขิงฝากท้องไว้ที่นี่นะคะ” ยิ่งได้ยินแบบนี้ฉันก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรหรือแม้แต่พูดอะไรเพราะฉันกลัวว่าคนอย่างเขาจะปิดปากไม่มิดในเรื่องของเรา “ตามสบาย ไปแต่งตัวได้แล้ว” ประโยคแรกพูดกับพวกฉันส่วนประโยคที่สองหันไปพูดกับโมจิ เราทั้งหมดเดินเข้าห้องมาในห้องของพี่พายุหลังจากโมจิแต่งตัวเสร็จเพื่อที่จะเลือกเพลง “เป็นอะไรก็บอกมานะ มึงเงียบแปลกๆ ตอนแรกก็บอกกูว่าจะไม่มา” แพรถามฉันขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล กูไม่สบาย” ฉันพูดโกหกออกไปเพราะดูเหมือนอิพวกนี้จ้องจะจับผิดฉันอยู่ตลอดเวลา “ตอแหลตอนบ่ายยังดีๆ” โมจิพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อและฉันก็ดูออกว่ามันไม่เชื่อจริงๆเพราะหน้าตาของมันมีแต่ความสงสัย “ตกลงเลือกเพลงได้ยัง ชาบูพร้อมกินแล้ว” พี่พายุที่เปิดประตูเข้ามาก็พูดขึ้น ถ้าชาบูพร้อมกินแบบนี้แน่นอนว่าเพื่อนของพี่พายุต้องมากันแล้ว “ไปค่ะ พร้อมกิน” โมจิพูดขึ้นพร้อมกับรีบลุกออกมาคนแรกตามด้วยฉันกับแพรที่เดินตามออกมา “อีแพรมึงไปนั่งตรงนู้น” ฉันพูดขึ้นทันทีและชี้ให้แพรไปนั่งตรงที่ว่างข้างพี่คิมหันต์เพราะฉันไม่อยากนั่งข้างเขา “กูได้ที่แล้วมึงอะไปนั่งเลย” แพรพูดขึ้นต่อพร้อมกับดันฉันไปทางที่ว่างข้างพี่คิมหันต์ “น้ำขิงทำไมมึงนั่งข้างพี่คิมหันต์ไม่ได้ นั่งๆไปเหอะเขาไม่กัดมึงหรอก” กัดแน่นอน “กูไม่อยากนั่งตรงนี้” ฉันพูดขึ้นพร้อมแสดงออกอย่างชัดเจนว่าฉันไม่ต้องการนั่งข้างผู้ชายที่ชื่อคิมหันต์ “นั่งเถอะครับพี่ไม่กัดหรอก” เขาพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมขยับให้มีที่ว่างมากกว่าเดิม “เป็นอะไรถึงนั่งไม่ได้” คราวนี้เป็นแพรที่พูดขึ้น “กูนั่งก็ได้วะ” สุดท้ายฉันก็จำใจนั่งลงอย่างขัดไม่ได้เพราะทุกคนกำลังมองมาที่ฉัน “เธอเกือบทำทุกคนไม่ได้กินเพราะความเรื่องมากของเธอ” “เพราะฉันไม่อยากนั่งข้างนาย แค่นี้ทุกคนก็สงสัยมากพอแล้ว” “เพราะเธอทำตัวเรื่องมากเอง” ❤️ ก็คนเขาเกลียด เขาก็ไม่อยากนั่งข้าง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD