แต่แล้วหลังจากที่แก้มใสกลับมาที่ไทยได้ไม่นานเหมันต์ก็มีเหตุให้ต้องบินตามเธอกลับไทยเพราะอุษานั้นได้จากไปแล้วด้วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย
แก้มใสและเขมทัตที่แม้จะทำใจมานานหลายปีแล้วแต่พอวันนั้นมาถึงจริงๆ ก็ทำใจไม่ได้ความเสียใจที่ถาโถมเข้ามาทำให้ตลอดงานแก้มใสไม่เอ่ยปากพูดกับใครเลยเพียงแค่ร้องไห้ฟูมฟายตลอดเท่านั้น
เขากลับมาพร้อมกับเซรีนหญิงสาวอ้างว่ามีธุระที่บ้านเช่นกัน เธอมาร่วมงานศพของอุษาด้วยเหมือนเป็นการเปิดตัวกลายๆ
แก้มใสที่ยังไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรตอนนั้นจึงได้แต่ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน ตอนนี้เธอต้องแบกรับความเสียใจเรื่องแม่พร้อมกับมองภาพบาดตาบาดใจของชายคนรักใกล้ชิดผู้หญิงคนอื่นไปด้วย
ก๊อกๆ
"น้องแก้มอาขอเข้าไปได้ไหมครับ"
หลังเสร็จงานศพของอุษาเขาก็อยู่ดูแลเขมทัตและคอยดูสาวน้อยที่ยังคงเศร้าโศกอยู่ห่างๆ มาเป็นอาทิตย์แล้วถึงเวลาที่เขาต้องกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
แล้วรีบกลับมาสานต่องานที่นี่แทนเขมทัตที่ตอนนี้แทบไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้วเมื่อเสียภรรยาสุดที่รักยิ่งไปไม่มีทางหวนกลับ
เสียงภายในห้องที่เงียบไม่มีเสียงตอบรับทำให้เหมันต์ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไปเห็นแก้มใสนอนอยู่บนเตียงหันหลังให้
แต่หากมองดีๆ จะเห็นไหล่ของหญิงสาวไหวเบารู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังนอนร้องไห้อยู่
ชายหนุ่มเดินไปนั่งบนเตียงใกล้ๆ เธอพร้อมกับลูบผมสลวยเบาๆ เพื่อปลอบโยน คนที่เคยสูญเสียทั้งครอบครัวไปแบบเขาเข้าใจดีว่ามันเป็นยังไง
"อาอยากอยู่คอยปลอบหนูแต่อาก็ต้องกลับไปจัดการเรื่องทุกอย่างแล้วย้ายมาอยู่ที่นี่ให้เร็วที่สุด อาขอโทษนะครับ"
"อึก...แก้ม เข้าใจ"
"ร้องออกมาเสียงดังๆ ร้องออกมาเยอะๆ เลยไม่ต้องเก็บเอาไว้นะคนดีของอา"
ได้ยินแบบนั้นแก้มใสก็ปล่อยโฮออกมาเสียงดังเต็มที่ พรัอมกับลุกขึ้นเข้าโผล่กอดคุณอาเอาไว้แน่น
เหมันต์เองก็สวมกอดเธอเอาไว้แน่นพร้อมกับลูบหัวเบาๆ เพื่อปลอบโยน แก้มใสร้องไห้อยู่นานหลายนาทีจนผล็อยหลับไปในอ้อมกอดของเขา
เหมันต์ค่อยๆ วางหญิงสาวลงบนที่นอน แต่ก็ไม่อาจทิ้งไปไหนได้เมื่อเธอละเมอเรียกหาเขาและผู้เป็นแม่ทั้งคืน
คืนนั้นเขานอนกับเธอบนเตียงตลอดทั้งคืน มันเป็นความรู้สึกสบายใจเหมือนสมัยก่อนที่เธอชอบมานอนห้องเขาประจำ
พอเห็นว่าเช้าแล้วเขาก็ค่อยๆ ปล่อยสาวน้อยในอ้อมกอดออกพยายามทำเบาที่สุดเพื่อไม่ให้เธอตื่นอยากให้เธอนอนพักให้เต็มที่
"นายทำอะไร"
"พี่หนึ่ง! "
"ฉันถามว่านายกำลังทำอะไรอยู่สอง "
"ผมไม่...."
"ไปคุยกับฉันที่ห้องทำงาน"
เหมันต์เดินตามเขมทัตไปอย่างว่าง่าย เขาเข้าใจดีว่าตอนนี้แก้มใสไม่ใช่เด็กแล้ว เธอโตเป็นสาวแล้วคงไม่เหมาะสมที่เขาจะนอนกับเธอในห้องทั้งคืนแบบนี้ หากใครมาพบเห็นยังไงก็ต้องเข้าใจผิดได้
พอเข้ามาในห้องทำงานเขมทัตก็ยืนเงียบเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่ บรรยากาศตอนนี้ชวนอึดอัดมากจนเมมันต์ทนไม่ไหว
"ผมไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีกับน้องแก้มแบบที่พี่คิด"
"นายรู้เหรอว่าฉันคิดอะไรอยู่"
"พี่ก็รู้ว่าผมเป็นคนยังไง"
"นายคิดยังไงกับแก้มใส" เขมทัตเข้าประเด็นทันที
"แก้มใสเป็นน้องสาวและเป็นลูกสาวของผู้มีพระคุณของผม ผมไม่กล้าคิดหรือทำไม่ดีกับเธอแน่นอนครับ" เหมันต์ตอบด้วยเสียงหนักแน่น
"ดี! งั้นอย่าทำแบบนี้อีก ห้ามให้ความหวังแก้มใสหรือเข้าใกล้กันจนเกิดความรู้สึกเชิงชู้สาวอีกเด็ดขาด พี่ขอแค่นี้นายทำได้ไหม"
"ครับ..."
"นายก็มีผู้หญิงคนนั้นอยู่แต่นั่นมันเรื่องส่วนตัวของนายพี่ไม่ยุ่ง ขออย่างเดียวอย่ามาทำให้ลูกพี่เสียใจ นายก็รู้นะสองพี่เหลือแค่แก้มใสกับนาย พี่ไม่อยากมองหน้ากันไม่ติดกับนายเข้าใจพี่หน่อยนะ"
"ผมเข้าใจครับ"
"งั้นนายก็กลับไปวันนี้เลย เดี๋ยวพี่บอกแก้มใสให้เอง"
"ครับพี่หนึ่ง..."
ไม่มีคำพูดโต้เถียงอะไรต่อ เหมันต์กลับห้องไปเก็บกระเป๋าและเรียกรถมารับไปส่งสนามบินทันที
ก่อนที่จะขึ้นรถสายตาคมจ้องมองไปยังบริเวณห้องของสาวน้อยที่ยังหลับอยู่ตอนนี้ก่อนจะตัดใจขึ้นรถไปทันทีโดยไม่มีคำบอกลาใดๆ
"คุณพ่อคะ อาสองไปไหนคะ"
พอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอคนที่นอนกอดให้ความอบอุ่นและคอยปลอบใจเธอตลอดทั้งคืนเธอก็นึกแปลกใจ
"กลับไปแล้วแฟนมารับ ว่าแต่แฟนคุณอาของหนูคนนี้ใช้ได้เลยนะ "
คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้แก้มใสหมดเรี่ยวแรงจะทำอะไรแม้แต่ยกช้อนตักอาหาร ทำไมเธอถึงได้ผิดหวังเสียงใจซ้ำๆ แบบนี้ตลอดเลยนะ
เมื่อคืนคุณอายังคอยปลอบใจเธออยู่เลยทำไมวันนี้กลับไปไม่บอกลากันหรือรีบตามแฟนสาวที่เคยบอกว่าเป็นแค่คนคุยไป
"น้องแก้มอิ่มแล้วค่ะ ขอตัวนะคะ"
พูดจบหญิงสาวก็รีบเดินออกไปเพื่อไม่ให้ผู้เป็นพอเห็นน้ำตาของเธอ
เขมทัตมองตามลูกสาวไปด้วยความเห็นใจ เขาเองรู้ดีว่าลูกสาวนั้นรักคุณอามาก มันเป็นความรักระหว่างหนุ่มสาวไม่ใช่ความรักแบบเด็กๆ เหมือนสมัยก่อนข้อนี้เขาก็มองเห็น
เหมันต์อายุห่างจากลูกสาวเขาแถมยังมีผู้หญิงห้อมล้อม ทำให้เขมทัตต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้ลูกสาวของตนต้องเสียใจในภายภาคหน้า
"พ่อทำเพื่อน้องแก้มนะลูก"