1.2 เหตุเกิด ณ สวนสาธารณะ

1298 Words
“นี่ อัณ รับสักทีเถอะ ฉันรำคาญเสียงมือถือเธอจะแย่อยู่แล้วนะ” พี่เอ็นกระซิบบอกเมื่อการแข่งขันใกล้จะเริ่มขึ้นทุกที เก้าอี้ตอนนี้เหลือเพียงฉันและพี่เอ็นเพราะพี่อินนั้นลงไปเตรียมตัวที่สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ต่อให้พี่เอ็นจะพูดแบบนั้นก็เถอะ ‘Cause I don’t care-e-e-e-e-e…’ ฉันทำเป็นไม่สนใจคำพูดของพี่ชายตนเองแล้วปล่อยให้มันดังต่อไป “อัณ เห็นแก่พี่เถอะนะ การแข่งขันจะเริ่มแล้ว” น้ำเสียงของพี่เอ็นดูนิ่มนวลกว่าทุกครั้งเนื่องจากไม่อยากขึ้นเสียงให้ชาวบ้านเขารู้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีมากแค่ไหน และสายตาเว้าวอนนั่นก็ทำให้ฉันใจอ่อนจนได้… “อืม งั้นเดี๋ยวฉันมา” ฉันปลีกตัวออกจากสนาม พร้อมกับเดินข้ามถนนไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอเดินเข้าไปได้สักพักก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวด้วยท่าทีสบายๆ ตัดสินใจกดรับสายทั้งๆ ที่ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ‘ยอมรับสายฉันแล้วเหรอ’ เสียงเข้มจากปลายสายทำให้ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างเคยนิสัย “....” ฉันยังคงเงียบเพื่อรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ ‘อัณ’ ปลายสายถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับว่าการพูดกับฉันเป็นเรื่องที่เหนื่อยเป็นอย่างมาก รู้สึกว่านับตั้งแต่ฉันรับสายของเขามา ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยนะ แล้วจะเหนื่อยอะไรนักหนา “โทรฯ มาทำไม” ฉันถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ‘ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาดูการแข่งครั้งนี้ด้วย’ “งั้นก็รู้ไว้ซะ” ‘…’ ปลายสายถอนหายใจออกมาอีกหน น้ำเสียงยังคงความจริงจังและวางอำนาจเหมือนเดิม ‘แล้วนี่เธอหายไปไหนแล้ว’ “อยู่ที่สวนสาธารณะ แต่นายรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนายคงสละเวลาจากการแข่งขันนัดสำคัญมาหาฉันไม่ได้หรอก ลาก่อน” ติ๊ด! ฉันกดตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย รู้สึกสะใจพิกลที่แสดงกิริยาแบบนั้นใส่ผู้ชายคนนั้น นี่ฉันกำลังสงสัยว่าฉันเป็นนางเอกหรือนางร้ายในเรื่องกันแน่เนี้ย ทำไมคนแต่งถึงได้แต่งนางเอกที่มีบุคลิกแบบนี้ออกมาหา! ช่างเถอะ...กลับเข้าเรื่องกันดีกว่า นายคอนโทรลโตกว่าฉันสองปี แต่ฉันไม่สนใจที่จะเรียกชื่อนำหน้าเขาด้วยคำว่า ‘พี่’ เลยด้วยซ้ำ ฉันหลับตาลงช้าๆ เพื่อลบเลือนภาพในอดีตที่เริ่มฉายชัดขึ้นมาในหัวออกไป พอรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก้าวตรงเข้ามาหา ฉันลืมขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะพบกับคนที่ฉันเพิ่งจะลบใบหน้าเขาไปจากห้วงคิด เขา...มาทำไม “มาทำไมอีก” ฉันถามพลางเบนหน้าไปมองทางอื่น ไม่อยากสบเข้ากับดวงตาสีเทาทรงอำนาจของเขา “อัณ เธอก็รู้ว่าฉันมาทำไม” ร่างสูงของคอนโทรลขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น เขาเอื้อมมือมาจับมือของฉัน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมองเขาอย่างช่วยไม่ได้ “ปล่อย” “อัณ ทำไมเธอถึงได้โกรธฉันมากขนาดนี้ เรื่องที่ผ่านมา ฉันก็ขอโทษเธอมาเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่ฉันก็ยินดีที่จะพูดมันอีกครั้งถ้ามันจะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้” “...” “ฉันขอ..” “ไม่จำเป็นหรอก” ฉันพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่ต้องการเปิดช่องว่างให้เขาพูดมันจนจบ ถึงแม้ว่าภายนอกฉันจะดูเป็นคนเย็นชาแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนที่ขี้ใจอ่อนมากๆ เหมือนกัน “แล้วนายมาที่นี่แบบนี้ ไม่กลัวว่าจะแพ้เกมเหรอ” ฉันแกะมือของเขาออกจากมือของฉัน หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา “ฉันให้คิมดูแลให้อยู่” “อืม งั้นฉันไปล่ะ” ฉันเตรียมจะเดินหนี แต่คำพูดของเขาหยุดฝีเท้าของฉันเอาไว้เสียก่อน “ทำไมกันล่ะอัณ! หรือว่าเธอมีคนอื่นแล้ว!” ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาช้าๆ ใช้รอยยิ้มฉาบทับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก “ฉันยังไม่มีคนอื่นหรอกคอนโทรล ใจของฉันมันเจ็บ เจ็บมากจนไม่อยากจะเปิดรับใครเข้ามาอีกแล้ว” รอยยิ้มของฉันเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ความทรงจำเลวร้ายที่ผ่านมายังคงฉายชัดอยู่ในหัว “...” “นายนี่เก่งจริงๆ เลยนะ เรื่องสร้างรอยบาดแผล แต่ยังไงฉันก็ต้องขอบใจนายเรื่องที่ทำให้ฉันตาสว่าง” ฉันพูดจบก็เดินลึกเข้าไปในสวนสาธารณะมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะกำมือแล้วออกตัววิ่งทันทีเมื่อรับรู้ถึงความชื้นที่ขอบตา ไม่..ฉันไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากร้องไห้ให้กับผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น!! ฉันต้องเข้มแข็ง! อกหักแค่นี้มันไม่ถึงกับตายหรอกน่า!! พลั่ก! “โอ้ย!” ฉันมัวแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งจนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งสวนมาพอ พวกเราสองคนชนกันเข้าอย่างจังจนต่างฝ่ายต่างก็ล้มลงไปกองที่พื้นเหมือนกับโดมีโน่ เจ็บโว้ย! ใครมาชนฉันในเวลาแบบนี้ฟะ! จากเดิมที่น้ำตามันจะไหล แต่พอเจอเรื่องไม่สบอารมณ์แบบนี้ กับความเจ็บที่โดนชนทำให้ความหงุดหงิดแทรกเข้ามาแทนที่ น้ำตงน้ำตาอะไรก็แห้งไปหมด! ฉันเด้งตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ข่มอารมณ์ไว้แล้วตั้งใจจะเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากพาลใส่ ตอนนี้ฉันอารมณ์เสียจนพร้อมจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว แต่กลับมีมือกร้านมาจับแขนของฉันเสียก่อน อยากตายหรือไง! “เดี๋ยวก่อนสิ!” เสียงทุ้มทำให้ฉันหันขวับ ข่มความหงุดหงิดที่อยากจะระเบิดออกมาแล้วมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่มักจะฉาบทับใบหน้าทุกครั้ง “อะไร” ความมืดสลัวของสวนสาธารณะยามค่ำคืนทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเท่าไร แต่สิ่งที่สะดุดตาสุดๆ คือผมสีน้ำตาลทองและผิวสีขาวสว่างก็แค่นั้น “ชนคนอื่นแล้วก็รู้จักขอโทษด้วยสิ” โอ้ย! จะบ้าตาย ฉันกำลังเสียใจและเจ็บตัว หมอนี่ยังจะมาให้ฉันขอโทษอีกเหรอ!! “ไม่ นายต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้ฉันบาดเจ็บ” ฉันพูดไปอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่สนมันแล้วท่าทีเย็นชา เพราะตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์เสียสุดๆ เลยโว้ย!! วันนี้ฉันไม่น่ามากับพี่เอ็นและพี่อินเลยจริงๆ ให้ตายสิ!! “นี่เธอ! ฉันพูดกับเธอดีๆนะ ทำไมถึงต้องมาอารมณ์เสียใส่กันขนาดนี้ด้วย แล้วนั่น...ทำไมตาเธอมันแดงๆ?” เสียงทุ้มที่อ่อนลง ติดจะอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดนั่นทำให้จิตใจของฉันสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ฉันไม่ตอบคำถามของเขา สะบัดแขนให้หลุดออกจากจากการเกาะกุมของชายแปลกหน้าคนนั้นแล้ววิ่งออกจากสวนสาธารณะทันที ฉันโทรฯ หาพี่เอ็นพร้อมกับบอกว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายและขอตัวกลับบ้านก่อน ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างอ่อนแอของฉัน พอวางสายจากพี่ชาย ฉันก็กดปิดโทรศัพท์มือถือทันทีเพราะไม่อยากคุยกับใครทั้งสิ้น วันนี้มันวันอะไรกันเนี้ย! ทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจในเวลาไล่เลี่ยกัน นี่มันวันซวย วันดวงซวยชัดๆ!
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD