“นี่ อัณ รับสักทีเถอะ ฉันรำคาญเสียงมือถือเธอจะแย่อยู่แล้วนะ” พี่เอ็นกระซิบบอกเมื่อการแข่งขันใกล้จะเริ่มขึ้นทุกที เก้าอี้ตอนนี้เหลือเพียงฉันและพี่เอ็นเพราะพี่อินนั้นลงไปเตรียมตัวที่สนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ต่อให้พี่เอ็นจะพูดแบบนั้นก็เถอะ
‘Cause I don’t care-e-e-e-e-e…’
ฉันทำเป็นไม่สนใจคำพูดของพี่ชายตนเองแล้วปล่อยให้มันดังต่อไป
“อัณ เห็นแก่พี่เถอะนะ การแข่งขันจะเริ่มแล้ว” น้ำเสียงของพี่เอ็นดูนิ่มนวลกว่าทุกครั้งเนื่องจากไม่อยากขึ้นเสียงให้ชาวบ้านเขารู้ว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีมากแค่ไหน
และสายตาเว้าวอนนั่นก็ทำให้ฉันใจอ่อนจนได้…
“อืม งั้นเดี๋ยวฉันมา”
ฉันปลีกตัวออกจากสนาม พร้อมกับเดินข้ามถนนไปยังสวนสาธารณะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม พอเดินเข้าไปได้สักพักก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวด้วยท่าทีสบายๆ ตัดสินใจกดรับสายทั้งๆ ที่ไม่อยากแม้แต่จะได้ยินเสียงผู้ชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ
‘ยอมรับสายฉันแล้วเหรอ’ เสียงเข้มจากปลายสายทำให้ฉันแสยะยิ้มออกมาอย่างเคยนิสัย
“....” ฉันยังคงเงียบเพื่อรอฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
‘อัณ’ ปลายสายถอนหายใจอย่างหนักหน่วง ราวกับว่าการพูดกับฉันเป็นเรื่องที่เหนื่อยเป็นอย่างมาก
รู้สึกว่านับตั้งแต่ฉันรับสายของเขามา ฉันยังไม่ได้พูดอะไรสักคำเลยนะ แล้วจะเหนื่อยอะไรนักหนา
“โทรฯ มาทำไม” ฉันถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
‘ฉันไม่รู้ว่าเธอจะมาดูการแข่งครั้งนี้ด้วย’
“งั้นก็รู้ไว้ซะ”
‘…’ ปลายสายถอนหายใจออกมาอีกหน น้ำเสียงยังคงความจริงจังและวางอำนาจเหมือนเดิม ‘แล้วนี่เธอหายไปไหนแล้ว’
“อยู่ที่สวนสาธารณะ แต่นายรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนายคงสละเวลาจากการแข่งขันนัดสำคัญมาหาฉันไม่ได้หรอก ลาก่อน”
ติ๊ด!
ฉันกดตัดสายทิ้งอย่างไร้เยื่อใย รู้สึกสะใจพิกลที่แสดงกิริยาแบบนั้นใส่ผู้ชายคนนั้น
นี่ฉันกำลังสงสัยว่าฉันเป็นนางเอกหรือนางร้ายในเรื่องกันแน่เนี้ย ทำไมคนแต่งถึงได้แต่งนางเอกที่มีบุคลิกแบบนี้ออกมาหา!
ช่างเถอะ...กลับเข้าเรื่องกันดีกว่า
นายคอนโทรลโตกว่าฉันสองปี แต่ฉันไม่สนใจที่จะเรียกชื่อนำหน้าเขาด้วยคำว่า ‘พี่’ เลยด้วยซ้ำ
ฉันหลับตาลงช้าๆ เพื่อลบเลือนภาพในอดีตที่เริ่มฉายชัดขึ้นมาในหัวออกไป พอรู้สึกตัวก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งก้าวตรงเข้ามาหา
ฉันลืมขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะพบกับคนที่ฉันเพิ่งจะลบใบหน้าเขาไปจากห้วงคิด
เขา...มาทำไม
“มาทำไมอีก” ฉันถามพลางเบนหน้าไปมองทางอื่น ไม่อยากสบเข้ากับดวงตาสีเทาทรงอำนาจของเขา
“อัณ เธอก็รู้ว่าฉันมาทำไม” ร่างสูงของคอนโทรลขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น เขาเอื้อมมือมาจับมือของฉัน และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันต้องหันหน้าไปมองเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ปล่อย”
“อัณ ทำไมเธอถึงได้โกรธฉันมากขนาดนี้ เรื่องที่ผ่านมา ฉันก็ขอโทษเธอมาเป็นร้อยครั้งแล้ว แต่ฉันก็ยินดีที่จะพูดมันอีกครั้งถ้ามันจะทำให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้”
“...”
“ฉันขอ..”
“ไม่จำเป็นหรอก”
ฉันพูดแทรกขึ้นมาเพราะไม่ต้องการเปิดช่องว่างให้เขาพูดมันจนจบ ถึงแม้ว่าภายนอกฉันจะดูเป็นคนเย็นชาแค่ไหน แต่ฉันก็รู้ตัวดีว่าตนเองเป็นคนที่ขี้ใจอ่อนมากๆ เหมือนกัน
“แล้วนายมาที่นี่แบบนี้ ไม่กลัวว่าจะแพ้เกมเหรอ” ฉันแกะมือของเขาออกจากมือของฉัน หยัดกายลุกขึ้นยืนแล้วหันไปเผชิญหน้ากับเขา
“ฉันให้คิมดูแลให้อยู่”
“อืม งั้นฉันไปล่ะ” ฉันเตรียมจะเดินหนี แต่คำพูดของเขาหยุดฝีเท้าของฉันเอาไว้เสียก่อน
“ทำไมกันล่ะอัณ! หรือว่าเธอมีคนอื่นแล้ว!”
ฉันหันกลับไปมองหน้าเขาช้าๆ ใช้รอยยิ้มฉาบทับใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“ฉันยังไม่มีคนอื่นหรอกคอนโทรล ใจของฉันมันเจ็บ เจ็บมากจนไม่อยากจะเปิดรับใครเข้ามาอีกแล้ว” รอยยิ้มของฉันเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ความทรงจำเลวร้ายที่ผ่านมายังคงฉายชัดอยู่ในหัว
“...”
“นายนี่เก่งจริงๆ เลยนะ เรื่องสร้างรอยบาดแผล แต่ยังไงฉันก็ต้องขอบใจนายเรื่องที่ทำให้ฉันตาสว่าง”
ฉันพูดจบก็เดินลึกเข้าไปในสวนสาธารณะมากขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะกำมือแล้วออกตัววิ่งทันทีเมื่อรับรู้ถึงความชื้นที่ขอบตา
ไม่..ฉันไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากร้องไห้ให้กับผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะผู้ชายคนนั้น!!
ฉันต้องเข้มแข็ง! อกหักแค่นี้มันไม่ถึงกับตายหรอกน่า!!
พลั่ก!
“โอ้ย!”
ฉันมัวแต่ก้มหน้าก้มตาวิ่งจนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังวิ่งสวนมาพอ พวกเราสองคนชนกันเข้าอย่างจังจนต่างฝ่ายต่างก็ล้มลงไปกองที่พื้นเหมือนกับโดมีโน่
เจ็บโว้ย! ใครมาชนฉันในเวลาแบบนี้ฟะ!
จากเดิมที่น้ำตามันจะไหล แต่พอเจอเรื่องไม่สบอารมณ์แบบนี้ กับความเจ็บที่โดนชนทำให้ความหงุดหงิดแทรกเข้ามาแทนที่ น้ำตงน้ำตาอะไรก็แห้งไปหมด!
ฉันเด้งตัวยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว ข่มอารมณ์ไว้แล้วตั้งใจจะเดินเลี่ยงเพราะไม่อยากพาลใส่ ตอนนี้ฉันอารมณ์เสียจนพร้อมจะฆ่าคนได้อยู่แล้ว แต่กลับมีมือกร้านมาจับแขนของฉันเสียก่อน
อยากตายหรือไง!
“เดี๋ยวก่อนสิ!” เสียงทุ้มทำให้ฉันหันขวับ ข่มความหงุดหงิดที่อยากจะระเบิดออกมาแล้วมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉยที่มักจะฉาบทับใบหน้าทุกครั้ง
“อะไร”
ความมืดสลัวของสวนสาธารณะยามค่ำคืนทำให้ฉันไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเท่าไร แต่สิ่งที่สะดุดตาสุดๆ คือผมสีน้ำตาลทองและผิวสีขาวสว่างก็แค่นั้น
“ชนคนอื่นแล้วก็รู้จักขอโทษด้วยสิ”
โอ้ย! จะบ้าตาย ฉันกำลังเสียใจและเจ็บตัว หมอนี่ยังจะมาให้ฉันขอโทษอีกเหรอ!!
“ไม่ นายต่างหากที่ต้องขอโทษที่ทำให้ฉันบาดเจ็บ” ฉันพูดไปอย่างใส่อารมณ์เต็มที่ ไม่สนมันแล้วท่าทีเย็นชา เพราะตอนนี้ฉันกำลังอารมณ์เสียสุดๆ เลยโว้ย!!
วันนี้ฉันไม่น่ามากับพี่เอ็นและพี่อินเลยจริงๆ ให้ตายสิ!!
“นี่เธอ! ฉันพูดกับเธอดีๆนะ ทำไมถึงต้องมาอารมณ์เสียใส่กันขนาดนี้ด้วย แล้วนั่น...ทำไมตาเธอมันแดงๆ?” เสียงทุ้มที่อ่อนลง ติดจะอ่อนโยนอย่างน่าประหลาดนั่นทำให้จิตใจของฉันสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
ฉันไม่ตอบคำถามของเขา สะบัดแขนให้หลุดออกจากจากการเกาะกุมของชายแปลกหน้าคนนั้นแล้ววิ่งออกจากสวนสาธารณะทันที
ฉันโทรฯ หาพี่เอ็นพร้อมกับบอกว่าฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายและขอตัวกลับบ้านก่อน ซึ่งเขาก็ยอมแต่โดยดีเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างอ่อนแอของฉัน
พอวางสายจากพี่ชาย ฉันก็กดปิดโทรศัพท์มือถือทันทีเพราะไม่อยากคุยกับใครทั้งสิ้น
วันนี้มันวันอะไรกันเนี้ย! ทั้งเจ็บตัว ทั้งเจ็บใจในเวลาไล่เลี่ยกัน นี่มันวันซวย วันดวงซวยชัดๆ!