2.1 หัวขโมย

1723 Words
ตอนที่ 2 : หัวขโมย พอฉันเห็นถนนสายหลักตรงทางออกของสวนสาธารณะ ฉันเตรียมตัวจะเรียกหารถแท็กซี่ที่นานๆ จะผ่านทางมาเพื่อใช้มันกลับบ้าน แต่ยังไม่ทันที่ฉันจะโบกมือเรียก เสียงจากทางด้านหลังก็ทำให้ฉันชะงักทันที “ยัยหัวขโมย!” เฮ้ย! แถวนี้มีขโมยด้วยเหรอ แต่เมื่อกี้ฉันไม่เห็นใครเลยนะนอกจากนายหัวทอง พอชนฉันเสร็จเขาก็ถูกปล้นเลยเหรอ เห็นได้ชัดว่าดวงซวยจริงๆ นั่นแหละ “ยัยหัวขโมย! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ เอาของฉันคืนมา!” ฉันสัมผัสได้ว่าเสียงตะโกนของเขามันดังใกล้ตัวฉันมามากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงหันกลับไปมองอย่างช่วยไม่ได้ สิ่งแรกที่เห็นคือผมน้ำตาลทอง เหมือนกับหมาโกลเดินริทรีฟเวอร์ที่เปล่งประกายสะท้อนแสงไฟนีออนท่ามกลางความมืด ร่างสูงโปร่งอันคุ้นเคยในเสื้อยืดสีครีมและกางเกงกีฬาขายาววิ่งเหยาะๆ พุ่งเข้ามาหา ดวงตาสีน้ำตาลของเขาถลึงจ้องฉันราวกับมีความแค้นมาตั้งแต่ชาติปางก่อน! ถ้าไม่ติดที่สีหน้าของผู้ชายคนนี้กำลังบูดบึ้งไม่รับแขก หน้าตาของเขาก็พอไปวัดไปวาได้ ถ้าจะพูดตามตรงก็คงหล่อกว่าพี่ชายสองคนของฉันที่สาวๆ ตามกรี๊ดอยู่นิดหน่อย แต่ที่สำคัญคือเขากล้าเรียกฉันว่าหัวขโมยเนี่ยนะ! หล่อแต่ประสาทแบบนี้ ฉันไม่อยากเสียเวลาคุยด้วยหรอก! “มีอะไรอีก” ฉันหันไปถามเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจนิดๆ และนั่นเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาวิ่งมาถึงจุดที่ฉันยืนรอรถอยู่พอดี “เธอขโมยของๆฉันไป เอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ!” “นี่นายชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว ฉันไม่ได้ขโมยอะไรมาทั้งนั้น” ฉันตอบเขาอย่างใจเย็นแล้วพยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจ หนึ่ง... “ไม่จริง! เธอขโมยเอากุญแจบ้านของฉันไป” สอง... “ก็บอกว่าไม่ได้เอาไปยังไงเล่า ฉันจะเอาไปทำไมในเมื่อฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายเป็นใคร และบ้านนายอยู่ที่ไหน” สาม... “เธอเอาไป! ไม่ต้องมาทำไขสือ เธอต้องการอะไรกันแน่!” เพียะ! เส้นความอดทนของฉันขาดผึงภายในเวลาสามวินาที วุ้ย! อะไรของหมอนี่เนี้ย ก็บอกว่าไม่ได้ขโมยๆ พูดจาภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงวะ!! ร่างกายของฉันขยับโดยอัตโนมัติ หมัดน้อยๆ ที่ต่อยหนักพุ่งเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วด้วยความโมโห หมับ! แต่เขากลับเอามือมากำหมับของฉันเอาไว้ทันอย่างไม่น่าเชื่อ! ฮึย! แบบนี้หงุดหงิดมากกว่าเดิมหลายเท่า!! “ไม่น่าเชื่อเลยว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอริอาจเป็นหัวขโมย คืนกุญแจบ้านของฉันมาดีๆ แล้วฉันจะไม่เอาเรื่อง” เขาเอ่ยเสียงเข้มพลางจ้องมาด้วยแววตาที่ดุดันมากยิ่งขึ้น แต่มันเหมือนจะเป็นคำขู่ที่เอาไว้ขู่เด็กแค่นั้นแหละ “ทำไม จะเรียกหาตำรวจเหรอ” ฉันเลิกคิ้วใส่อย่างยี่ยวนกวนประสาทเต็มที่ “หึ! แบบนี้แสดงว่าไม่กลัวตำรวจ? แล้วถ้าไม่ใช่ตำรวจล่ะ” เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้จนทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย ฉันเพิ่งเห็นว่าหน้าของเขาคล้ายๆ กับโปสเตอร์ไอดอลเกาหลีที่เคยเห็น แถมที่ใต้ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูอ่อนยังมีไฝเม็ดเล็กๆ ที่สะดุดตาเป็นอย่างมาก แต่ความหล่อของเขากลับทำให้ขนทั่วกายของฉันลุกซู่ อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ “ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้ขโมย” สีหน้าราบเรียบ แต่น้ำเสียงที่แข็งกระด้างก็อ่อนลงมาหน่อย “หลักฐานคาตาแบบนี้ยังจะบอกว่าไม่ขโมยอีกอย่างนั้นเหรอ” ว่าแล้วเขาก็พยักเพยิดมาทางกระเป๋าเสื้อตัวโคร่งของฉัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันมองตาม ฉันอ้าปากค้างเมื่อพบว่ามีพวงกุญแจเกี่ยวอยู่ในกระเป๋าเสื้อของฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้! มันไม่ใช่พวงกุญแจของฉันแน่นอน ฉันไม่เคยห้อยพวงกุญแจลายน้องแมวคิตตี้! จังหวะโบ๊ะบ๊ะแบบนี้มันควรมีแต่ในละครนะ! โอยยยย! ขายขี้หน้าชะมัด! “คิตตี้นี่ของนายเหรอ” ใบหูของหนุ่มผมสีอ่อนย้อมสีแดงแปร๊ด “หลานสาวของฉันเอามาห้อย แต่กุญแจเป็นของฉัน” “โอเค” ฉันสูดหายใจเข้าลึกๆ ถ้าไม่ใช่ว่าฉันกำลังอารมณ์เสีย หัวคงหัวเราะใส่หน้าเขาไปแล้ว “ทีนี้จะปฏิเสธอีกเหรอว่าเธอขโมยกุญแจบ้านของฉันมา” “ดะ...ดูก็รู้แล้วว่ามันบังเอิญตกลงมาในกระเป๋าของฉัน ขโมยที่ไหนจะบ้าโชว์ของที่ขโมยมาให้มันเด่นอยู่แบบนี้ล่ะ!” พูดจบ ฉันก็หลับหูหลับตาดึงพวงกุญแจเจ้ากรรมนายเวรออกมา โยนคืนให้หมอนั่นแบบอยากให้มันจบโดยเร็วที่สุด จบเรื่องนี้ต่างคนต่างแยกย้าย หมดเวรหมดคิตตี้กันซะที! ผู้ชายแปลกหน้าที่ดูแล้วน่าจะอายุไล่เลี่ยกับพี่ชายของฉันถอยกลับไปรับพวงกุญแจที่ถูกขว้างออกไป เขายื่นมือมารับมันได้อย่างทันท่วงทีก่อนที่มันจะลอยผ่านศีรษะ ฮัลโหลคิตตี้กระโปรงสีชมพูที่ดำนิดๆ จากสภาพการใช้งานอยู่ในมือใหญ่กร้านของเขา แต่แทนที่จะดีใจที่ได้รับของรักของหวงคืน เขากลับทำหน้าบึ้งมู่ทู่ราวกับฉันติดหนี้เขาข้ามภพข้ามชาติเหมือนเดิม “พอฉันอ้างหลักฐานก็รีบคืนของมาเชียวนะ ยัยหัวขโมย” อะไรอีกเนี่ย ใครก็ได้! เอาหมอนี่ไปฝังไว้ในป่าช้าที! “ก็บอกแล้วไงว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ฉันไม่ได้ขโมยของๆ นาย ของก็คืนให้แล้ว นายยังจะเอาอะไรกับฉันอีก โรคจิตหรือเปล่าเนี่ย” ปกติฉันไม่ใช่พวกที่จะอารมณ์ฉุนเฉียวง่ายขนาดนี้ แต่เพราะวันนี้เจอปัญหาที่น่าปวดหัว และเขาก็เอาแต่กล่าวหาว่าฉันเป็นขโมยไม่หยุด หรือเรื่องต้องถึงโรงพักจริงๆ เขาถึงจะพอใจ ถ้าพ่อฉันรู้เข้ามีหวังเป็นลมแล้วเป็นลมอีก “ไม่ต้องมาเถียง! ดูๆ แล้วเธอน่าจะอายุน้อยกว่าฉันสักปีสองปี เป็นเด็กเป็นเล็กหัดขโมยของ ฉันต้องการคุยกับผู้ปกครองของเธอ” “มันชักจะมากไปแล้ว” ฉันเชิดหน้ามองเขาที่สูงกว่าประมาณ 20 ซม. เห็นจะได้ “ถ้านายต้องการให้ฉันขอโทษ ฉันจะขอโทษนายอย่างเป็นทางการวันหลัง แต่ถ้าถึงขั้นจะลามปามไปคุยกับผู้ปกครองของฉันแบบนี้ ฉันว่านายควรไปพบจิตแพทย์ก่อนเป็นอันดับแรก” สุดยอดเลย ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอผู้ชายแบบนี้ ฉันขอยกให้เขาขึ้นหิ้งสูสีกับคอนโทรลเลย คนอะไรน่าอัดชะมัด! “และฉันขอย้ำอีกครั้ง ฉัน-ไม่-ได้-ขโมย-กุญ-แจ-คิต-ตี้-ของ-นาย!” ผั่วะ! ฉันยกขาเตะเข้าที่ท้องของเขาอย่างอารมณ์เสีย การลงมืออย่างไม่ทันตั้งตัวทำให้ร่างสูงใหญ่โก่งงอ เอามือกุมท้องพร้อมกับนิ่วหน้าเพราะจุกจนพูดอะไรไม่ออก “ธะ...เธอ ยัยโจรจอมโหด!” แหนะ! ยังจะมาเพิ่มยศให้ฉันอีกนะ!! ฉันไม่อยากทนฟังอะไรอีกก็เลยถือโอกาสหันหลังเตรียมวิ่งหนีไปให้ไกลจากคนงี่เง่านี่ให้มากที่สุด หมับ! แต่จากเดิมที่คิดว่าจะสิ้นฤทธิ์ กลับกลายเป็นว่าเขาวิ่งมาฉวยข้อมือของฉันเอาไว้ “ยังไม่เข็ดใช่ไหม!” ฉันสะบัดตัวพร้อมตวัดยกขาขึ้นเพื่อ ล็อกเป้าหมายเตรียมเอาจระเข้ฟาดหางไปยังสีข้างของเขา แต่หมอนั่นกลับปล่อยจากข้อมือบางมาจับข้อเท้าที่ยกขึ้นของฉันแทน! ผั่วะ! อุ๊ก! หมับ! ตุบๆๆๆ! โว้ย! ไม่ไหวแล้วนะ! ทำไมพอฉันลงมืออัดนายนั่นด้วยท่าอะไรสักท่าหนึ่ง เขากลับอ่านฉันขาดตลอดเหมือนรู้อยู่แล้ว แสดงว่าทักษะการต่อสู้ของหนุ่มหน้าขาวนี่ก็ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมาเหมือนกัน แต่เขาทำเพียงแค่ตั้งรับเหมือนป้องกันตัว ไม่ได้ถือโอกาสโต้ตอบหรือสวนหมัดกลับมาทั้งที่มีช่องโหว่อยู่หลายครั้ง “เยี่ยมมาก!” พี่เอ็น? การต่อสู้แบบพัวพันอุตลุดระหว่างฉันกับหมอนั่นชะงักลงชั่วคราว พอฉันหันไปมองก็เห็นพี่ชายคนโตยืนกอดอกยิ้มกว้างมาจากฝั่งตรงข้ามที่เป็นสนามบาสฯ นอกจากพี่เอ็นแล้ว ยังมีอินทรา หรือพี่อินในชุดนักกีฬาที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อยืนดูอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าสไตล์นิ่งๆ เหมือนเคย พอพี่เอ็นกับพี่อินเห็นว่าพวกเราหยุด พวกเขาก็ค่อยเดินข้ามถนนมายืนมองดูพวกเราสลับกันไปมาด้วยแววตาที่ต้องการคำอธิบาย แต่สิ่งที่ทำให้ฉันไม่พอใจ คือสายตาชื่นชมของพี่เอ็นที่มองไปทางคู่ต่อสู้ของฉัน แทนที่จะออกโรงปกป้องน้องสาวผู้บอบบาง! “ต่อกรกับอัณได้เกินสามนาทีด้วยมือเปล่า ถือว่าเป็นคนที่น่าชื่นชม!” พี่เอ็นวางมือลงบนไหล่ของหมอนั่นดังป๊าบ แถมยังตบซ้ำมันหลายๆ รอบอีกต่างหาก ดี...ชื่นชมเข้าไป สงสัยงานนี้ฉันคงจะพึ่งพาพี่เอ็นไม่ได้ซะแล้ว! “นี่มันอะไรกัน พี่อิน” ฉันหันไปถามพี่ชายคนรองอย่างไม่เข้าใจ คิ้วขมวดเข้าหากันแน่น ทำอย่างกับว่าพวกเขารู้จักผู้ชายไร้มารยาทคนนี้มาก่อนอย่างงั้นแหละ “หมอนี่เพิ่งเข้ามาในแก๊งเราได้ไม่นาน ชื่อโฮม” พี่อินตอบ ไม่ได้ระบุอะไรไปมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นลูกน้องธรรมดาๆจริง พี่เอ็นคงไม่ทำตัวสนิทสนมแบบนั้นหรอกน่า “คิตตี้โฮม” ฉันพึมพำก่อนจะเห็นว่าผู้ชายที่ชื่อโฮมรีบซ่อนพวงกุญแจเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอย่างลุกลี้ลุกลน “หะ?” พี่เอ็นทำหน้างง โฮมรีบเปลี่ยนประเด็นเหมือนคนร้อนตัว “เธอเป็นน้องของคิงทั้งสองแห่ง Silver Cross งั้นเหรอ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD