5.1 ฉันดูแลตัวเองได้!

1995 Words
ตอนที่ 5 : ฉันดูแลตัวเองได้! “ไม่นะพี่! ฉันไม่เอา!” ‘แค่นี้นะ’ ตู๊ดๆๆๆ ตู๊ดๆๆๆ จะเป็นอะไรไหม ถ้าฉันรู้สึกอยากบีบคอพี่ชายแท้ๆ ขึ้นมา เอามือดึงหูและหน้าเขาให้ยับเยินไม่มีชิ้นดี ก่อนจะจัดการฝังมันเอาไว้ที่แกนโลกซะ! รู้งี้ไม่เป็นห่วงพวกเขาให้เสียเวลาก็ดี นอกจากจะทำเป็นไม่ได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดแล้ว ยังชิงตัดสายไปดื้อๆ อีก เผด็จการชะมัด! ฉันขอสาปให้พวกพี่ท้องผูก ไม่ถ่ายไปสามวัน!! ใจหนึ่งอยากจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งด้วยความโมโห แต่พอนึกถึงราคาของมันแล้ว ฉันก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึกๆ จำใจเก็บมันใส่กระเป๋ากระโปรงอย่างทะนุถนอมที่สุด ทำไงได้ คนมันไม่ได้เกิดมาบนกองเงินกองทองกันทุกคน “ที่นี้เธอคงรู้แล้วสินะ เหตุผลที่ฉันมาหา” เสียงทุ้มเข้มเรียกให้สายตาของฉันตวัดไปมองอย่างขุ่นมัว แต่พอมองหน้าเขาแล้ว สายตาของฉันกลับไปโฟกัสตรงริมฝีปากสีชมพูระเรื่อเหมือนลูกพีชที่เกือบจะแตะโดนฉันเมื่อกี้ จู่ๆ หัวใจก็ดันเกิดอาการเต้นแรงอย่างผิดปกติ นี่ฉันเป็นอะไรไปอีกเนี่ย T_T ฉันเลือกที่จะเมินอาการแปลกประหลาดนั่นแล้วเชิดหน้าใส่โฮมอย่างดื้อรั้น “ฉันไม่ยอมรับเด็ดขาด! ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องพูดกับพวกพี่เอ็นพี่อินให้รู้เรื่อง!” ไม่รู้ว่าท่าทางไม่ยินยอมของฉันไปสะกิดต่อมอะไรของโฮมเข้า เพราะมันทำให้เขายิ้มหวานออกมาโดยที่ฉันยังไม่ทันได้ตั้งตัว “เธอจะว่ายังไงก็ช่าง เพราะเธอไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ซึ่งได้รับคำสั่งจากคิงโดยตรงอยู่ดี” “มะ...ไม่ต้องมายิ้มเลยนะไอ้คิตตี้งี่เง่า!” ฉันตวาดใส่เขาก่อนจะฉวยกระเป๋าของตนเองที่วางอยู่บนโต๊ะ สะบัดหน้าเดินตรงไปที่ประตูด้วยหัวใจที่เต้นรัวแปลกๆ มันเต้นแรงเพราะกำลังโกรธนั่นแหละ ต้องใช่แน่ๆ เขาอยากจะตามเป็นบอร์ดี้การ์ดฉันเรอะ! ถ้าคิดว่าตามฉันทันก็ลองดู! “จะรีบไปไหนเหรอ” คำถามที่ไม่ได้เกิดจากฉันหรือว่าโฮมทำให้พวกเราทั้งสองคนชะงักไปพร้อมกัน มีคนยืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของประตู และเป็นเพราะฉันจำเสียงนั้นได้ สองขาที่เคยยืนอย่างมั่นคงก็พลันหมดแรงไปเสียดื้อๆ ประตูห้องเรียนที่ปิดอยู่ถูกเปิดออกจากด้านนอก เผยให้เห็นชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำแซมเทา นัยน์ตาสีเทาเข้มอ่านยากจ้องตรงมาที่ฉัน “คะ...คอนโทรล” ฉันเรียกชื่อเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา “เกิดอะไรขึ้นน่ะ ยัยหัวขโมย” โฮมถามขึ้นมาเพราะจากจุดที่เขายืนอยู่มันเป็นมุมบอดที่มองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอก พอเห็นว่าฉันไม่ตอบ เขาก็เดินมาหาก่อนจะยืนอยู่ข้างๆ โฮมซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นบอร์ดี้การ์ดที่ฉันไม่ต้องการ กวาดตามองดูคอนโทรลที่ยืนนิ่งทำหน้ามึนๆ ตั้งแต่หัวจรดเท้า พริบตาเดียวก็ร่ายออกมาเหมือนมีปุ่มเสิร์ชอินเตอร์เน็ตอยู่ในหัว “นายอัครวัติ นิโรธไกล ชื่อเล่นว่าคอนโทรล เรียนอยู่ชั้นม.6 โรงเรียนราชันกาล เป็นลูกชายคนโตของตระกูลนิโรธไกลซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ และยังควบอีกตำแหน่งหัวหน้าแก๊ง Manteria ที่มีชื่อเสียงไม่ไปด้อยกว่า Silver Cross ไปสักเท่าไหร่” ในขณะที่ฉันอึ้งกับการท่องจำของโฮม คอนโทรลก็หันไปมองนายผมน้ำตาลทองตั้งแต่หัวจรดเท้า “เก่งดีหนิ” ปากคอนโทรลเหมือนจะพูดชม แต่น้ำเสียงนั้นไม่สบอารมณ์สุดๆ นัยน์ตาสีเทาเข้มที่เบนมาหาฉันในเวลาต่อมาทำเอารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ชอบกล “สิ่งที่ฉันคิดเอาไว้ มันเป็นจริงแล้วสินะ” “นายพูดเรื่องบ้าอะไร” ฉันถามกลับอย่างเย็นชา “เธอก็น่าจะรู้ดี....” คอนโทรล “...” ฉันไม่รู้เฟ้ย! =__=;; “แต่ฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง” คอนโทรลมองฉันกับโฮมสลับกันไปมา ชุดนักเรียนของเซนต์ เฟรย่าเป็นสีขาวกับฟ้า ส่วนชุดโรงเรียนราชันกาลเป็นสีดำกับเทา นายโฮมผมสีน้ำตาลทอง ส่วนคอนโทรลผมสีดำแซมเทา พอพวกเรายืนเผชิญหน้ากันแบบนี้แล้ว ทำให้นึกถึงเทวทูตกับซาตานที่เคยเห็นภาพในโบสถ์เลย “กลับมาเป็นของฉันซะ” ฉันที่ครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็ว “ห๊ะ!” รำพึงออกมาอย่างไม่เชื่อหู ตั้งแต่รู้จักกันมา คอนโทรลไม่เคยพูดจาทำนองนี้กับฉันเลยสักครั้ง เขาไม่เคยพูดจาเหมือนฉันเป็นสิ่งของ ก่อนหน้านี้ก็แค่ทำนองขอร้องอ้อนวอนให้เรากลับมาคบกันเหมือนเดิม แล้วทำไมครั้งนี้เขาถึงได้... “...” คนที่ยืนอยู่ข้างฉันยังคงปิดปากเงียบ ดวงตาสีดำมองมาทางฉันนั้นด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ประมาณว่า ‘นี่เธอเคยคบกับหมอนี่เหรอยัยหัวขโมย’ ประมาณนี้ “นี่นายล้อเล่นเหรอ” ฉันเค้นเสียงใส่คอนโทรล สองมือกำแน่นอย่างระงับอารมณ์ ไม่ให้เผลอต่อยหมอนี่ก่อนจะได้รับคำตอบ “เปล่า แต่ฉันทำเพื่อความปลอดภัยของเธอ” “ความปลอดภัยของฉัน?” ฉันทวนเสียงสูง “ใช่ ตอนนี้พี่ชายของเธอได้ประกาศสงครามกับแก๊งอื่นๆ หมดแล้ว เธอจึงตกเป็นเป้าหมายของพวกมัน เหมือนหมายเป็นเป้านิ่งโดยสิ้นเชิง แต่ถ้าเธอมาเป็นผู้หญิงของ Manteria ฉันก็จะมีสิทธิ์ในการดูแลเธออย่างถูกต้องและสุดกำลังและเต็มที่ยังไงล่ะ” ประกาศสงคราม? นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย! ฉันก่นด่าพวกพี่ชายไร้หัวคิดของฉันในใจ แต่เลือกที่จะแสยะยิ้มให้หัวหน้าแก๊ง Manteria “นายชักจะดูถูกฉันมากเกินไปหน่อยมั้ง คอนโทรล” “...” “ดูแล...ดูแล พี่ชายฉันก็ส่งนายงี่เง่านี่มาดูแลฉัน ส่วนนายก็จะบังคับให้ฉันไปเป็นผู้หญิงของนายเพื่อจะได้ดูแลฉัน...” สองมือที่กำแน่นกดลึกเข้าไปในอุ้งมือจนเลือดไหลซิบๆ “ฉันอยากรู้นักว่าในหัวของผู้ชายทุกคนในชีวิตฉันเคยแคร์ฉันจริงๆ สักคนไหม! ที่ผ่านมาก็ยัดเยียดสิ่งโน้นสิ่งนี้ให้ฉันแล้วอ้างว่าหวังดี แต่ไม่เคยเลย! ไม่เคยมีใครถามความรู้สึกของฉันด้วยซ้ำว่าฉันรู้สึกยังไง! ฉันไม่ต้องการใครหน้าไหนมาคอยติดตามหรืออะไรทั้งนั้น! มันน่ารำคาญ!” ฉันระเบิดอารมณ์ออกมาเสร็จก็เอากระเป๋าเรียนผลักอกแกร่งของคอนโทรลให้เปิดทางให้ คราวนี้ฉันไม่วิ่ง แต่เลือกที่จะเดินจากมาด้วยฝีเท้าที่มั่นคงโดยไม่หันหลังกลับ ไม่ว่าจะเป็นเสียงตะโกนเรียกของโฮม หรือเสียงทำลายข้าวของของคอนโทรลจะดังสักแค่ไหน ฉันก็ไม่แยแสพวกมันแม้แต่น้อย เพื่อหนีจากความวุ่นวายที่บ้าน ฉันเลยเลือกที่จะมาเรียนโรงเรียนที่ต้องนอนในหอ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า สิ่งที่ฉันต้องการหนีมากที่สุดกลับวกกลับมาก่อกวนให้ฉันปวดหัวไม่หยุด แถมยังวุ่นวายมากกว่าเดิมซะด้วย! ทำไมกันนะ หรือว่าฉันเป็นแม่เหล็กดึงดูดความวุ่นวายที่ไปไหนก็ไม่พ้นเรื่องพวกนี้อยู่ดี! ณ โรงยิมหมายเลข 2 โรงเรียนเซนต์ เฟรย่า เวลาหลังเลิกเรียน สวบ! ฉึก! “กรี๊ดดด~” เสียงร้องเชียร์ก้องสนั่นโรงยิมซีกซ้าย ซึ่งถูกดัดแปลงให้เป็นลานซ้อมยิงธนูขนาดย่อมเพื่อความสะดวก ดึงดูดให้นักเรียนทั้งชายหญิงรอบๆ ที่เตรียมมาเข้าชมรมหลังเลิกเรียนต่างพากันกรูเข้ามาด้วยความสนอกสนใจ “นี่ๆ เกิดอะไรขึ้นเหรอ” นักเรียนสาวคนหนึ่งถามเพื่อนชายที่พยายามแหวกฝูงชนที่ออกันอยู่หน้าประตูด้วยท่าทีขะมักเขม้น “ก็วันนี้น่ะสิ!” เขาเสยผมที่เปียกชื้นจากเหงื่อที่แตกพลั่กๆ ของตนเอง “คืองี้ อยู่ดีๆ อัณชริกา ที่อยู่ห้อง 3 ก็บุกมาที่โรงยิมแล้วบังคับให้นักเรียนชายที่วิดพื้นแพ้ไปตั้งเป้าซ้อมธนูให้ แถมยังให้แบ่งโซนออกไปครึ่งหนึ่งให้หล่อนคนเดียวอีกต่างหาก! ด้วยเหตุนี้ คลับหนังสือพิมพ์โรงเรียนอย่างฉันจะต้องหาเหตุผลที่ อัณชริกา มายิงธนูแบบสายฟ้าแลบในวันนี้ให้ได้!” คนถามกะพริบตาปริบๆ “ยิงธนูแบบสายฟ้าแลบเนี่ยนะ เรื่องแค่นี้...” “ไม่!” เขาสะบัดหน้าไปมา “มันไม่ใช่แบบที่เธอเข้าใจ! ฉันหมายถึง มายิงธนูทั้งๆ ที่ยังไม่ถูกขอร้องจากพวกคลับยิงธนูน่ะสิ! ปกติแล้วอัณชริกาจะไม่ค่อยมายุ่มย่ามในที่ๆ มีคนอยู่เยอะๆ แบบนี้บ่อยๆ หรอกนะ!” คู่สนทนาหรี่ตามองหัวหน้าชมรมหนังสือพิมพ์ของโรงเรียน ความจริงแล้วตัวเองเป็นแฟนคลับของอัณ ห้อง 3 ก็บอกมาตรงๆ เหอะ ได้แต่คิดในใจแล้วเออออตามไป “เออๆ เอาเถอะ” แล้วหญิงสาวก็ปล่อยให้เพื่อนร่วมชั้นพยายามบุกเข้าไปในยิมเหมือนเดิม โดยไม่มีท่าทีว่าจะไปช่วยเหลือแม้แต่น้อย สวบ...ฉึก! ฉันขมวดคิ้วทันทีเมื่อสังเกตเห็นว่าความแม่นยำในการยิงธนูที่ลดลงไปมาก ส่วนเรื่องแรงนี่ไม่ต้องห่วง...ทะลุเป้าทุกอันนั่นแหละ “น้องอัณคะน้องอัณ มองมาทางนี้หน่อยค่ะ! กรี๊ดด!” เสียงเรียกและเสียงกรี๊ดที่น่าหนวกหูทำให้ฉันหันไปมองด้วยสายตาเอื่อยๆ แต่รุ่นพี่แกกลับกรี๊ดจนเป็นลมเพียงแค่ฉันหันขวับไปมองในระยะประชิด อย่างไรก็เถอะ การได้มาออกแรงยิงธนูแบบนี้มันทำให้ฉันสบายใจขึ้นตั้งเยอะ แต่มันก็ไม่สงบเพราะเสียงกรี๊ดพวกนี้นี่แหละ ฉันคิดพลางเช็ดเหงื่อที่ผุดตามใบหน้า หรี่ตามองไปยังฝูงชนเมื่อรู้สึกถึงสายตาของใครบางคนที่กำลังจ้องมองฉันอยู่ด้วยแววตาที่อ่านไม่ออก พี่คิม... และพอฉันสบตาเขาปุ๊บ เขาก็ส่งยิ้มให้ฉันพร้อมกับเดินฝ่าฝูงชนเข้ามายืนข้างๆ โดยไม่ได้รับเชิญ ฉันชะงัก นี่เขาคิดจะทำอะไร แชะๆๆๆๆๆ! เสียงถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟนที่ดังรัวๆ ทำเอาฉันมันไปหมด ต่างจากพี่คิมที่ยังทำแค่หันมามองฉันยิ้มๆ ด้วยแววตามีเลศนัย “คุณคิม! แสดงว่าข่าวลือที่ว่านั้นเป็นเรื่องจริงใช่ไหมครับ!” ฉันหันขวับไปทางหัวหน้าชมรมหนังสือพิมพ์โรงเรียนที่มาพร้อมกับกล้องถ่ายรูป เดี๋ยวก่อนนะ ‘คุณ’ คิม งั้นเหรอ? พวกเราเป็นนักเรียนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง ดวงตาสีตาลของฉันกรอกไปมาอย่างสับสน ระหว่างนั้นพี่คิมที่เงียบมาตั้งแต่แรกก็พูดขึ้นมา “ใช่แล้วล่ะครับ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้น้องอัณไม่ยอมใจอ่อนสักที” เขาตอบยิ้มๆ ต่างจากฉันที่หน้าคว่ำเหมือนคนกินข้าวบูด เฮ้ย! นี่มันเรื่องอะไรกันวะเนี้ย! “พี่พูดบ้าอะไร” ฉันกระซิบถามพี่คิมเสียงเข้ม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่านี่เป็นหนึ่งในแผนการของเขา “ก็เรื่องที่พี่ตามจีบน้องอัณยังไงล่ะครับ” เขายังคงยิ้ม ยิ้มเหมือนคนบ้า!! “ไม่! มันไม่ใช่เรื่องจะ...” “โธ่อัณ ยังใจแข็งกับพี่ไม่เลิกเลยนะ” โว้ย!!! ฉันจะเกลียดผู้ชายแล้วนะ! มีแต่พวกเจ้าเล่ห์ เอาแต่ใจ เผด็จการ แล้วก็ไม่ฟังคนอื่นทั้งนั้น! แกร๊ง! ฉันทุ่มคันธนูลงบนพื้นด้วยความโมโห เดินเอาไหล่กระแทกแขนแกร่งโดยมีฝูงชนต่างพร้อมใจกันเปิดทางให้ฉันเดินออกไปจากโรงยิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD