เมืองชิคาโก้ ประเทศสหรัฐอเมริกา
เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นภายในห้องลับของกาสิโนแห่งนี้ ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำสนิทนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ สายตาคมราวกับสายตาของเหยี่ยวปราดมองไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งจมกองเลือดอยู่ที่ปลายเท้า วัตถุสีดำที่ถูกใช้เมื่อสักครู่ถูกส่งให้กับลูกน้อง ก่อนที่เขาจะหยิบผ้าเปียกที่ลูกน้องเตรียมมาให้เพื่อใช้เช็ดมือ
“คนที่มันหักหลังตระกูลของเรา ก็ต้องพบจุดจบแบบนี้ทุกคนแหละ” เสียงทุ้มคำรามดังออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ
“จัดการให้เรียบร้อย อย่าให้สุนัขได้กลิ่นเป็นอันขาด”
สุนัขที่ว่าคือพวกตำรวจ แน่นอนว่าพวกตำรวจกับพวกมาเฟียนั้นไม่ถูกกัน เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้รักษากฎหมาย และมาเฟียเป็นผู้ที่กระทำผิดกฎหมาย
“ครับนาย”
ลูกน้องคนสนิทรับคำก่อนที่จะสั่งให้ลูกน้องที่เหลือลากชายร่างโตที่เพิ่งหมดลมหายใจออกไปจากห้องลับที่ถือว่าเป็นห้องเชือดของกาสิโนแห่งนี้
“ยังมีเรื่องที่ฉันต้องจัดการอีกไหมบุ๊ซ” เสียงทุ้มเย็นชาดังขึ้นหลังจากที่ควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากริมฝีปากหนาสีกุหลาบ
“ทุกเรื่องที่นายกังวล จัดการเรียบร้อยหมดแล้วครับ” ชายหนุ่มร่างโตที่ทำหน้าที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ดส่วนตัวของมาเฟียหนุ่มตอบออกมายิ้มๆ
“ถ้าอย่างนั้น นายโทรไปบอกกัปตันให้เตรียมเครื่องบินส่วนตัวของฉันให้พร้อม อาทิตย์หน้าเราจะบินไปประเทศไทยกัน”
“รับทราบครับนาย” บุ๊ซรีบออกจากห้องแล้วต่อสายไปหานักบินของตระกูลวินเทอร์ในเมืองชิคาโก้ทันที
ภายในห้องที่ยังเย็นเฉียบ มือหนาหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูออกมาเปิดดูภาพของภรรยาในนามที่เขายังไม่มีโอกาสได้ไปแนะนำตัวกับเธอเลยสักครั้ง ว่าเขานี่แหละคือสามีของเธอ ริมฝีปากหนาสีกุหลาบเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้มองใบหน้าสวย รอยยิ้มของเธอทำให้เขานึกย้อนไปถึงวัยเด็ก เด็กน้อยคนนั้นที่ทำให้ชีวิตของเขาเข้มแข็งขึ้นมาได้ และรอคอยวันที่จะได้พบเธออีกครั้ง
หลังจากจัดการเรื่องที่กาสิโนเสร็จเรียบร้อย เอเดนก็เดินทางกลับเพ้นท์เฮ้าส์ส่วนตัวของเขาทันทีโดยไม่รู้ว่าผู้เป็นมารดากำลังรอเขาอยู่ที่นั่น รถตู้คันใหญ่ติดฟิล์มทึบรอบคันขับเคลื่อนไปจอดที่หน้าเพ้นท์เฮ้าส์สุดหรู
“นี่แม่ฉันมาที่นี่เหรอ”
มาเฟียหนุ่มพึมพำออกมาก่อนที่จะลงจากรถแล้วสาวเท้าเข้าไปด้านในทันทีโดยบรรดาบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่ดูแลเขาอยู่ต่างพากันก้มโค้งทำความเคารพมาเฟียหนุ่มตลอดแนวทางเดิน
สุภาพสตรีที่มีเส้นผมสีบรอนด์ทองกำลังนั่งรอเขาอยู่ที่ห้องรับแขก ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ ออกมาก่อนที่จะก้าวเดินเข้าไปหาแล้วสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง
“สวัสดีครับแม่ นึกยังไงถึงมาหาผมที่นี่ได้ครับ”
น้ำเสียงอ่อนโยนที่ไม่เคยพูดกับใครถูกใช้กับผู้เป็นมารดา แต่แทนที่จะได้รับการตอบกลับเป็นการกอดแต่กลับถูกมารดาหยิกเข้าไปที่ท่อนแขนล่ำของตนจนมาเฟียหนุ่มแกล้งร้องโอดโอยออกมา
“โอ๊ย!!! แม่.... หยิกผมทำไมครับ ผมเจ็บนะ”
คนที่ไม่เคยกลัวเลือด หรือกลัวกระสุนปืนอย่างเอเดน แต่ทว่ากลับร้องออกมาราวกับว่าเจ็บปวดเพียงเพราะถูกมารดาหยิกเนื้อ
“ไม่ต้องมาแสดงเลย เอเดน แม่เพิ่งรู้ว่าลูกแอบไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนหนี่งมา คิดจะมีเมียแต่ไม่บอกครอบครัวให้รู้เนี่ยนะ เอเดน ลูกยังเห็นพวกเราเป็นครอบครัวของลูกอยู่ไหม” ไม่ทันที่เขาจะเดินไปนั่งลงให้ดีๆ ก็ถูกมารดาต่อว่าจนยืดยาว
“โถ่ๆๆๆ มันกะทันหันจริงๆ ครับแม่ ผมขอโทษครับ แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วงผมแล้วนะ เพราะตอนนี้ผมมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้ว ไม่ได้ชอบพวกผู้ชายด้วยกันอย่างที่นักข่าวพวกนั้นเอาไปเขียนแน่นอน” เอวาน่าหันไปจ้องหน้าบุตรชายตาเขม็ง
“แม่ถามหน่อยเถอะ ลูกรักผู้หญิงที่ลูกจดทะเบียนสมรสด้วยใช่ไหม หรือมีเหตุผลอะไรที่กำลังปิดบังแม่อยู่”
เธอไม่ได้เชื่อเสียทีเดียว แม้จะตามสืบมาบ้างแล้วว่าลูกสะใภ้คนเล็กนั้นเป็นใคร มาจากไหน และแน่นอนว่าคุณลูเซียโน่ สามีของเธอและตัวเธอนั้นไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายเป็นเด็กกำพร้า ออกจะสงสารชีวิตของเธอเสียด้วยซ้ำ ทั้งสองจึงไม่อยากจะให้ฝ่ายหญิงต้องมาทุกข์ใจอยู่กับเจ้าลูกชายที่มีหน้าที่รับช่วงต่อธุรกิจของตระกูล เพราะการเป็นภรรยาของมาเฟียนั้นไม่ใช่เรื่องดีอย่างที่คนภายนอกเข้าใจ
“ครับ... เพราะเธอคือรักแรกพบของผม”
มาเฟียหนุ่มตอบอย่างไม่ลังเล มิสซิสวินเทอร์จ้องหน้าบุตรชายคนสุดท้องเพื่อดูว่ามีความลังเลหรือล้อเล่นอยู่ในแววตาของเขาไหม แต่เธอก็ไม่พบความผิดปกติอะไรเธอจึงยิ้มออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปตามน้องกลับมา แล้วก็จัดงานแต่งงานให้เป็นเรื่องเป็นราว ลูกทำเหมือนกับว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายโสดอยู่เลยรู้ไหม ถึงจะไม่ไปยุ่งกับพวกผู้หญิงเหมือนพี่ชายทั้งสองของลูก แต่คนอื่นก็เอาไปนินทาอยู่ดีว่าลูกน่ะ....”
“ชอบผู้ชาย”
มิสซิสวินเทอร์พูดยังไม่ทันจบ บุตรชายก็สวนขึ้นมาทันทีจนนางตาเบิกโพลง ปากอ้าออกกว้างจนบุตรชายหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆๆๆ แม่ครับ ผมชอบผู้หญิงจริงๆ เรื่องชอบผู้ชายไม่เป็นความจริงแน่นอน” เขาสวมกอดมารดา นางเอวาน่าจึงกอดบุตรชายตอบ เพราะน้ำเสียงจริงจังไม่ติดเล่นของเขาทำให้เธอวางใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปตามน้องกลับมา ลูกรู้ไหมว่าน้องเป็นผู้หญิงที่สวยมาก หากปล่อยไปอยู่ไกลๆ ตามลำพังแบบนั้น แม่กลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจไปจากลูก” นางเอวาน่าผละอ้อมกอดออกจากบุตรชายแล้วเอ่ยออกมาอย่างยืดยาว