ภาพของนางแบบหน้าใหม่ถูกโปรโมทในทุกช่องทางของอเดลโมเดลลิ่ง แบรนด์ต่างๆ ที่ยังไม่โด่งดังมากนักต่างพากันมาติดต่อนางแบบที่ตรงกับผลิตภัณฑ์ของตัวเองเพื่อไปถ่ายแบบกับสินค้าที่กำลังจะเปิดตัวใหม่เช่นกัน โดยเฉพาะอลินาที่มีหลายแบรนด์ติดต่อจองตัวเธอเข้ามาจนผู้จัดการส่วนตัวต้องคัดเลือกงานให้อย่างจริงจัง
“ไม่คิดเลยนะคะว่าผลตอบรับนางแบบน้องใหม่จะดีขนาดนี้” คนที่ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของนางแบบที่มีชื่อเสียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วไม่ค่อยรื่นหู
“น้องเขามีของก็แบบนี้แหละจ้ะ เจ๊บอกแล้วว่าเจ๊น่ะดูคนไม่ผิด ทีนี้ก็เหลือแค่ดูตอนทำงานกับตอนมีชื่อเสียงแล้วล่ะว่าจะเปลี่ยนไปไหม แต่เจ๊ว่าพุดซ้อนเอาอยู่ใช่ไหมจ๊ะ งานมากขึ้นกว่าเมื่อก่อนก็ขยันเข้านะ หนูจะได้โบนัสพิเศษจากบอส”
เจ๊ลูซี่กล่าวดักคอออกมาเพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่ค่อยพอใจที่นางแบบใหม่มีคนสนใจมากกว่านางแบบนายแบบที่ตนดูแลอยู่
“ใหม่ๆ ก็หนิมๆ ติ๋มๆ ดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อย ว่านอนสอนง่ายแบบนี้ทุกคนแหละเจ๊ พอมีชื่อเสียงขึ้นมาหน่อย พวกฉันต้องดูแลพวกนางยิ่งกว่านางฟ้าเทวดาเสียอีก”
เจ๊ลูซี่ขี้เกียจต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย เพราะธัญญ่าเองก็ธรรมดาซะที่ไหนกัน พอได้ดูแลนางแบบดังๆ ก็พลอยทำตัวเย่อหยิ่งไปด้วย
“เอาล่ะ ได้เวลาทำงานแล้ว แยกย้ายกันไปทำงานเถอะจ้ะ บอสชอบคนขยัน”
เจ๊ลูซี่ลุกขึ้นแล้วเอ่ยออกมาจากนั้นจึงเดินออกจากห้องไป ทิ้งพวกผู้จัดการนางแบบนายแบบนั่งมองหน้ากัน ก่อนที่จีจี้กับอาคมจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องประชุมไปบ้าง
“พี่เอาใจช่วยนะพุดซ้อน หวังว่าเธอจะดันให้เด็กมันดังได้โดยที่เด็กพวกนั้นไม่เปลี่ยนไป”
พูดเหมือนเอาใจช่วยแต่ฟังดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังถากถาง พุดซ้อนถอนหายใจออกมาเมื่ออีกฝ่ายเดินออกจากห้องไป เธอเองก็ทำงานในวงการนี้มาได้ไม่นาน หากจะเทียบกับพี่ธัญญ่าและพี่จีจี้แล้ว เธอยังอ่อนหัดอยู่มาก ได้แต่หวังให้นางแบบสาวหน้าใหม่ทั้งสองเสมอต้นเสมอปลายก็พอ
อลินารู้สึกอ่อนเพลียไปกับการซ้อมเดินแบบตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนที่เธอจะได้เข้าร่วมงานเดินแบบเปิดตัวเสื้อผ้าคอลเลคชั่นฤดูร้อนของแบรนด์เสื้อผ้าน้องใหม่ ซึ่งงานนี้ถือว่าเป็นงานเดินแบบครั้งแรกของเธอ แม้ก่อนหน้านั้นพี่พุดซ้อนจะรับงานถ่ายภาพนิ่งให้กับเธอไปสองงานแล้วแต่ลักษณะการทำงานมันก็ต่างกันอยู่ไม่น้อย
“เห้อ!!! เป็นนางแบบนี่ก็ไม่ง่ายเหมือนกันนะฮาน่า.....”
เธอพึมพำออกมาก่อนที่จะเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอนเพื่อจะเตรียมตัวไปออกกำลังกายที่ฟิตเนส ดีที่คอนโดแห่งนี้มีชั้นที่ทำเป็นฟิตเนสทั้งชั้น เหมาะกับคนที่ใส่ใจในรูปร่างและรักสุขภาพเช่นอลินา
ทันทีที่เจ้าของเรือนร่างรูปทรงนาฬิกาทรายในชุดออกกำลังกายแบบที่เธอชอบสวมใส่ตามปกติเวลาที่อยู่เมืองนอก แต่ก็รัดรึงอวดสัดส่วนที่มีให้ปรากฏต่อสายตาของหนุ่มๆ และสาวๆ ที่มาใช้บริการฟิตเนสในคอนโดวันนี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งคนที่มาใช้บริการก็เป็นผู้พักอาศัยในคอนโดแห่งนี้นั่นเอง
“สวยอะ... หุ่นงี้...หืม....นางแบบเวอร์”
ผู้หญิงคนหนึ่งที่มาออกกำลังกายกับเพื่อนสนิทเอ่ยขึ้นขณะที่สายตาก็จ้องตามเรือนร่างงดงามที่เพิ่งเดินผ่านหน้าเธอไป
“ก็นางแบบน่ะสิ เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ หล่อนมาออกกำลังกายทุกวันฉันเจอบ่อย ส่วนเธอน่ะขี้เกียจก็เลยไม่เคยเจอไง” เพราะเพื่อนสนิทเพิ่งจะตามเธอมาออกกำลังกายวันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือน
“อื้อหือ... หุ่นสวยแล้วหน้าอินเตอร์เข้าไปอีก....นางแบบหน้าใหม่เหรอวะ ฉันไม่เห็นเคยเห็นในโฆษณาหรือหน้านิตยสาร”
“ก็ลูกครึ่งปะวะ....แกนี่ดูคนไม่ออกเลย จมูกโด่งรั้นเป็นธรรมชาติซะขนาดนั้น ตาก็โต๊โต ดูปากนั่น อวบอิ่มน่าจูบจะตาย ถ้าฉันเป็นผู้ชายคงจะจีบเธอไปแล้ว”
สองสาวสนทนากันอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะละสายตาจากหญิงสาวที่ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งฟิตเนส
มีหนุ่มๆ เดินเข้าไปเลียบๆ เคียงๆ เธอ แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจที่จะส่งรอยยิ้มสร้างมิตรภาพไปให้กับใครเลยสักคน ที่หูทั้งสองข้างของเธอถูกครอบเอาไว้ด้วยหูฟังกลมๆ สีขาว ก่อนที่เธอจะขึ้นไปบนลู่วิ่งแล้วกดปุ่มให้เครื่องทำงาน ทุกการเคลื่อนไหวเรียกสายตาของหนุ่มๆ สาวๆ ให้มองมาด้วยสายตาที่ชื่นชมปนอิจฉา และส่วนใหญ่ที่อิจฉาก็จะเป็นพวกสาวๆ ที่อยากได้รูปร่างเหมือนเธอมากกว่า
หลังจากออกกำลังกายตามเวลาที่เธอกำหนดเอาไว้เสร็จ หญิงสาวก็กลับขึ้นห้องพักของตน เมื่อเข้าไปในห้อง เธอก็เดินไปหยิบน้ำดื่มออกมาจากตู้เย็นหนึ่งขวด แล้วเดินไปเปิดประตูด้านหลังเพื่อออกไปนั่งพักที่เก้าอี้ด้านนอกห้องก่อนที่จะกลับเข้ามาอาบน้ำ วันนี้เธอต้องไปถ่ายแบบภาพนิ่งชุดคอลเลคชั่นใหม่ที่พี่พุดซ้อนรับงานเอาไว้ให้
รถตู้ของบริษัทถูกส่งมารับนางแบบสาวที่คอนโดหรูแห่งนี้ ภายในรถมีเมริสาที่พี่พุดซ้อนแวะไปรับมาก่อนหน้านั้นนั่งรออยู่แล้ว อลินายกมือไหว้ทักทายผู้จัดการส่วนตัวและคนขับรถ แล้วหันไปทักทายเพื่อนนางแบบวัยเดียวกัน
“ดูฮาน่าสิ แค่เดินออกมาจากคอนโดคนก็มองตามคอแทบเคล็ดละ” เมริสาเอ่ยแซวเพื่อนสาวยิ้มๆ อลินาไม่เคยสังเกตเลยว่าตัวเธอเองนั้นค่อนข้างโดดเด่น เพราะตอนอยู่ที่อเมริกาเธอก็ไม่ได้โดดเด่นเกินใคร
“เขาก็มองเพราะเรามาอยู่ใหม่ไง หน้าแปลกไรงี้” อลินาตอบออกมาแต่ใช้คำพูดไม่ถูกทำให้ทั้งผู้จัดการสาวและเพื่อนสาวพากันหัวเราะออกมาแล้วแก้ไขเป็นคำที่ถูกให้
“คิกๆๆ เค้าไม่ได้เรียกว่าหน้าแปลกจ้ะ เค้าเรียกว่าแปลกหน้า” คนฟังถึงกับอายขึ้นมาทันที
“อ๋า....แปลกหน้า”
อลินาแก้คำที่เธอพูดผิดให้ถูกต้องแล้วหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่คนทั้งรถจะพากันเงียบไปเพราะรถกำลังมุ่งหน้าสู่สตูดิโอที่อยู่นอกเขตเมือง
ภายในห้องแต่งหน้าแต่งตัวของนางแบบ เสียงช่างแต่งหน้าที่กำลังจัดการแต่งเติมเสริมความงามให้กับสองนางแบบสาวหน้าใหม่เอ่ยชมทั้งสองสาวไม่ขาดปาก ยิ่งกับอลินายิ่งถูกชื่นชมเพราะผิวหน้าของเธอนั้นเนียนไร้ที่ติ อลินาได้แต่ส่งยิ้มหวานให้เป็นการแทนคำขอบคุณ สองสาวนั่งนิ่งให้ช่างแต่งหน้าทำผมอยู่นานเกือบชั่วโมงจนในที่สุดสองนางแบบสาวก็พร้อมในการถ่ายแบบ
“มองกล้องครับ น้องฮาน่าเงยหน้าขึ้นนิดนึงครับ ส่วนน้องเมย์มองไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ถืออยู่หน่อยครับ ใช่ครับ...อย่างนั้นแหละครับ” เสียงของช่างภาพวัยสามสิบปลายๆ บอกให้นางแบบสาวทั้งสองทำตามที่ตนต้องการ ทั้งอลินาและเมริสาก็ทำตามได้ไม่มีผิดพลาด
นานนับสองชั่วโมงกับการถ่ายแบบเปิดตัวสินค้าให้แบรนด์เสื้อผ้าน้องใหม่ของประเทศไทย
และเมื่อทำงานเสร็จ พุดซ้อนผู้จัดการส่วนตัวของสองสาวจึงขอตัวพาทั้งคู่กลับไปที่บริษัททันทีเพราะเย็นนี้มีงานเดินแบบที่งานประมูลเครื่องเพชรโรงแรมหรู และผู้ที่เดินชุดฟินาเล่ของงานก็คือนางแบบในอเดลโมเดลลิ่ง อลินาและเมริสาได้เดินในชุดแรกๆ เท่านั้นเพราะยังถือว่าเป็นน้องใหม่
“งานนี้นางแบบและนายแบบของโมเดลลิ่งเราได้ไปร่วมเดินแบบทั้งหมดห้าคนนะจ๊ะ มีน้องอิงค์ น้องแพม น้องอาร์ต น้องเมย์ และน้องฮาน่า” เจ๊ลูซี่เอ่ยชื่อของนางแบบและนายแบบที่ได้ไปร่วมงานเดินแบบคืนนี้ออกมา
“ว้าว... งานนี้เด็กของพุดซ้อนได้ไปทั้งสองคนเลย ดีใจด้วยนะ ตั้งแต่ทำงานด้วยกันมาเพิ่งเห็นเด็กเธอได้รับงานพร้อมกันแบบนี้เป็นครั้งแรก” คำพูดเหมือนแสดงความยินดีแต่มันแฝงไปด้วยความเยาะเย้ยอีกฝ่าย
คนฟังทำเป็นไม่สนใจ พุดซ้อนไม่เข้าใจว่าทำไมรุ่นพี่ในบริษัทถึงต้องพูดออกมาอย่างนี้ ทั้งๆ ที่ก็ทำงานให้กับบริษัทเหมือนกัน ผลประโยชน์ที่นางแบบได้รับก็คือผลประโยชน์ของบริษัท
“เอาล่ะ.. เอาล่ะ... พาเด็กๆ ไปก่อนงานจะเริ่มสักสองสามชั่วโมงนะจ๊ะ อ้อ.!!! อย่าลืม...คอนเซปต์ของบริษัทเรานะจ๊ะ”
เจ๊ลูซี่รีบขัดจังหวะก่อนที่จะได้เกิดศึกย่อมๆ ในบริษัท เจ๊ลูซี่รู้ดีว่าพุดซ้อนนั้นไม่ใช่คนที่ชอบยุ่งกับใคร แต่ถ้าใครมายุ่งกับเธอมากๆ เธอก็จะไม่ทนเหมือนกัน ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเพราะเด็กที่พุดซ้อนดูแลนั้นไม่ค่อยมีงานเข้ามา แต่พอได้เด็กใหม่มาดูแลสองคนกลับมีงานเข้ามาไม่ขาด
“รับทราบค่า/ครับ” ผู้จัดการนางแบบนายแบบต่างพากันขานรับออกมา
“ถ้าอย่างนั้นก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของใครของมันได้จ้ะ แล้วก็พุดซ้อนพี่ขอคุยด้วยแป๊บนึงนะ” ทุกคนลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องประชุมไป ทิ้งให้เจ๊ลูซี่คุยกับพุดซ้อนตามลำพัง
“พี่เข้าใจพุดซ้อนนะ ยัยพวกนั้นคงจะอิจฉาเธอที่อยู่ดีๆ ก็ได้เด็กที่มีแบรนด์สนใจมากมายไปดูแล ยังไงถ้าหลบเลี่ยงได้ก็หลบเลี่ยงนะทำหน้าที่ของเราให้ดีก็พอ พี่เชื่อว่าพุดซ้อนจะช่วยให้เด็กใหม่ทั้งสองคนกลายเป็นที่รู้จักในฐานะนางแบบแถวหน้าของบริษัทเราได้ ไม่แน่นะวันข้างหน้าเด็กสองคนนี้อาจจะมีคนใดคนนึงได้เป็นนางแบบที่มีชื่อเสียงแถวหน้าของประเทศไทยก็ได้” เจ๊ลูซี่เอ่ยออกมายืดยาวเพื่อให้พุดซ้อนไม่ต้องรู้สึกกดดันที่เจอคำพูดแดกดันของพวกรุ่นพี่
“หนูเข้าใจดีค่ะเจลูซี่ เจ๊ไม่ต้องห่วง หนูจะทำหน้าที่ดูแลเด็กสองคนนั้นให้ดีที่สุด” พุดซ้อนยิ้มออกมาก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันกลับไปทำงานที่ตนรับผิดชอบ