หญิงสาวตัดสินใจอย่างแน่วแน่ เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากตัวเองล้วน ๆ ที่เป็นฝ่ายเริ่ม คนอย่างคูเปอร์กล้าทำก็ต้องกล้ารับ
สมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรอให้ฝ่ายชายมารับผิดชอบ ฝ่ายหญิงก็รับผิดชอบได้เหมือนกัน แต่เธอต้องการให้เขาทดลองงานก่อนถ้าผ่านถึงจะพาไปเปิดตัวกับครอบครัว
“หมายความว่ายังไง” คนตัวโตขมวดคิ้วมุ่น ไม่คิดว่าคูเปอร์เอาจริง แต่เห็นสีหน้าและแววตาของคนป่วยแล้ว เขาเชื่อว่าเธอต้องไม่ยอมแพ้
“ก็หมายความว่า เปอร์จะรับผิดชอบพี่มหา เรื่องเมื่อคืนเปอร์ผิดเอง พี่มหาไม่ได้เป็นคนเริ่ม ไหน ๆ เราก็เกินเลยกันแล้ว พี่มหายังไม่มีแฟน เปอร์ก็ยังไม่มีใคร เราลองมาคบกันไหม ถ้าไปด้วยกันได้เปอร์จะพาพี่มหาไปเจอพ่อแม่ที่กรุงเทพฯ”
อธิบายด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอวางแผนอนาคตไว้ล่วงหน้าเสร็จสรรพ ไหน ๆ ได้เสียเป็นผัวเมียกันแล้วก็คบ ๆ ไปเลย ถ้าทุกอย่างลงตัว นิสัยเข้ากันได้ เธอจะพาเขาไปแนะนำกับครอบครัว
“แล้วถ้าเราเข้ากันไม่ได้ก็คือเลิกเหรอ” ถามกลับทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบ มีคู่ไหนบ้างที่นิสัยเข้ากันไม่ได้แล้วไม่เลิก
“ค่ะ เราสองคนเพิ่งเจอกันเอง เปอร์อยากให้เรียนรู้ซึ่งกันและกันสักนิด ถ้าโอเคเปอร์จะให้พ่อมาสู่ขอพี่มหาเป็นเรื่องเป็นราว”
คิดจริงจังไปถึงขบวนขันหมาก บ้านอื่นฝ่ายชายไปขอฝ่ายหญิง แต่เธอจะให้พ่อมาขอเขา ยุคนี้แล้วไม่เห็นต้องอาย ชายหญิงเท่าเทียมกัน
นายมหาถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย คูเปอร์คนจริงขนาดจะให้บิดามาสู่ขอแต่ปัญหาคือเขาเป็นลูกคนจนไม่มีพ่อแม่ ย่าที่เลี้ยงมาก็เสียไปแล้วครอบครัวของคูเปอร์จะรับได้ไหม
“แต่พี่เป็นลูกคนจน พ่อแม่ก็ไม่มี ทำงานเป็นลูกจ้างเขา พ่อแม่เปอร์จะรับได้เหรอ” คิดแล้วเศร้าใจทำไมสวรรค์ต้องส่งผู้หญิงอย่างคูเปอร์มาให้เขารักด้วย ดอกฟ้ากับหมาวัดชัด ๆ
“ได้สิคะ ขอแค่พี่มหาเป็นคนดี พวกท่านรับได้อยู่แล้ว เรามาคบกันนะคะ” เธอตอบเขาด้วยรอยยิ้ม เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ของเธอเป็นคนดี ไม่สนใจเรื่องฐานะหรือชาติตระกูล
สิ่งเดียวที่พวกท่านต้องการคือ ผู้ชายคนนั้นต้องรักลูกสาวของท่านด้วยใจจริง เป็นผู้ชายนิสัยดี ไม่เจ้าชู้ รวยหรือจนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ก็มีแต่เธอนี่แหละที่เคยคิดว่ามันสำคัญ
“...” ชายหนุ่มนั่งนิ่งไม่ตอบ แต่สมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ถ้าให้ปล่อยมือจากรักแรกพบเขาทำไม่ได้แน่ เอาเถอะเป็นไงเป็นกัน ไหน ๆ เรื่องก็มาถึงขั้นนี้แล้ว
“ตกลงไหมคะพี่มหา” อ้อนเสียงหวานพลางกะพริบตาปริบ ๆ เพื่อให้เขาใจอ่อน
คนอย่างคูเปอร์ไม่ได้ถูกใจใครง่าย ๆ แต่กลับมาถูกใจลูกจ้างโฮมสเตย์เป็นเรื่องที่แปลกมาก เธอเชื่อว่านี่คือพรหมลิขิตสวรรค์อยากให้ตนเองลงจากคาน
“ครับ พี่ตกลง ถ้าเปอร์ไม่ชอบอะไรในตัวพี่ เปอร์บอกได้เลย พี่พร้อมจะปรับปรุงตัว” ชายหนุ่มยิ้มก่อนจะเอื้อมมือไปลูบหัวหญิงสาวเบา ๆ ไม่รู้ทำไมเขาถึงชอบลูบหัวเธอ
“ค่าาาาา สามีทดลองของเปอร์น่ารักที่สุด”
“ให้พี่เป็นสามีเลยเหรอ ไม่เป็นแฟนก่อน”
“สามีทดลองค่ะ ไม่ใช่สามีจริง ๆ มันไม่เหมือนกัน”
“โอเค ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน”
หญิงสาวยิ้มตาสระอิหัวใจฟูฟ่องอย่างบอกไม่ถูก มาเที่ยวได้ไม่ทันไรก็มีแฟนแล้ว ไม่ใช่สิต้องบอกว่าสามีถึงจะถูก เพราะเขากับเธอได้เสียกันเรียบร้อย
ชายหนุ่มอมยิ้มเล็กน้อยกับความน่ารักของคูเปอร์ ก่อนจะจูบเบา ๆ ตรงหน้าผากนูน ไม่รู้ทำไมหัวใจของเขาถึงได้รู้สึกมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ราวกับว่าตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยมีความสุขเลย
“อย่ามองพี่แบบนี้สิครับ เดี๋ยวพี่อดใจไม่ไหวจูบเปอร์จะทำยังไง” เขาบอกเสียงพร่าเมื่อเห็นว่าที่ภรรยายิ้มหวานหยดย้อย ดวงตาเปล่งประกาย บอกตรง ๆ ถ้าคูเปอร์ยังจ้องไม่เลิกเขาต้องอดใจไม่ไหวแน่
“ก็จูบสิคะ เปอร์อยากโดนจูบ”
พูดอย่างเดียวกลัวผู้ชายไม่รู้ คูเปอร์จึงทำปากจู๋รอคอยให้สามีทางพฤตินัยแนบริมฝีปาก
ผู้หญิงร้องขอขนาดนี้ นายมหามีเหรอจะอดใจไหว ปากของทั้งคู่จึงแนบสนิทกันก่อนจะบดจูบเคล้าคลึง ทั้งดูดทั้งดึง เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะแยกออกห่าง แต่ไม่ทันถึงห้านาทีก็กลับไปแนบสนิทเหมือนเดิม
หลังจากนัวเนียกันจนพอใจทั้งคู่ก็ผละออกจากกัน ครู่เดียวคูเปอร์ก็หลับสนิทด้วยฤทธิ์ยา เป็นจังหวะเดียวที่โทรศัพท์ของนายมหามีสายโทร.เข้ามา ชายหนุ่มจึงเดินไปคุยตรงระเบียงเพื่อไม่ให้เสียงคุยไปรบกวนคนป่วย
“สวัสดีครับคุณโชค” ชายหนุ่มกรอกเสียงทักทาย ผู้ชายที่ตนเองเรียกว่าคุณโชค เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ญาติห่าง ๆ คนนี้ติดต่อมา ไม่รู้ทำไมถึงได้รู้สึกว่าตัวเองรู้จักมหาโชคมานานแสนนานแล้ว แต่เขาจำได้ว่าตัวเองเพิ่งรู้จักผู้ชายคนนี้หลังย่าเสีย
“เป็นยังไงบ้างมหา ทำงานโอเคไหม”
มหาโชคสอบถามน้องชายด้วยความเป็นห่วง เวลาผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าแล้วที่มหาเศรษฐีอาการป่วยกำเริบ จนเขาต้องส่งชายหนุ่มไปอยู่โฮมสเตย์ และบอกทุกคนว่าน้องชายไปทำงานเมืองนอกสักพักกว่าจะกลับมา
“ดีมากเลยครับ คุณโชคไม่ต้องห่วง”
มหาเศรษฐีในคราบของนายมหาตอบกลับพี่ชายด้วยน้ำเสียงสดใส คิดไม่ถึงว่าหลังจากหายป่วยมหาโชคจะส่งตนเองมาอยู่ที่โฮมสเตย์ดี ๆ แบบนี้
ชายหนุ่มจำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนตนเองปวดหัวหนักมาก ตื่นมาอีกครั้งก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาล โดยมีผู้ชายที่เป็นญาติห่าง ๆ คนนี้กับลูกน้องของเขาอีกสองคนนั่งอยู่ข้างเตียง แต่จำไม่ได้ว่าปวดหัวเพราะอะไร พออาการป่วยดีขึ้นมหาโชคก็ส่งให้มาทำงานที่โฮมสเตย์
“แล้วช่วงนี้นายปวดหัวหรือเห็นภาพอะไรบ้างไหม” คนพี่ลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามคนน้องเผื่อมหาเศรษฐีจะจำตัวเองขึ้นมาได้บ้าง
“ไม่ครับ ตั้งแต่ผมปวดหัวครั้งนั้นก็ไม่ปวดอีกเลย ผมขอทำงานที่นี่ตลอดไปได้ไหมครับคุณโชค”
เขาชอบที่นี่มากจริง ๆ อยู่แล้วสบายใจจนรู้สึกไม่อยากกลับกรุงเทพฯ อีกเลย ไม่รู้ทำไมพอนึกถึงกรุงเทพฯ หัวใจกลับรู้สึกหน่วง ๆ อย่างบอกไม่ถูก มันเศร้า มันเหงา อ้างว้าง ชายหนุ่มให้เหตุผลว่าที่เป็นแบบนี้เพราะไม่มีย่าอันเป็นที่รัก
“เรื่องนี้เราค่อยคุยกันนะมหา ถ้านายรู้สึกไม่ดีหรือเจ็บป่วยตรงไหนให้รีบบอกลุงกับป้าแล้วพี่จะรีบไปดูนาย” มหาโชคอธิบายด้วยความใจเย็น ตอนนี้น้องชายอยากอยู่ที่นั่น เพราะกำลังป่วยและไม่ลืมที่จะกำชับเรื่องปวดหัว
“ขอบคุณมากครับคุณโชค อ้อ ลืมเลยผมมีเรื่องจะบอก ตอนนี้ผมมีแฟนแล้วนะครับ เอาไว้มีโอกาสผมจะแนะนำให้รู้จัก”
“มีแฟนแล้ว? เรื่องจริง”
“เรื่องจริงครับ เอาไว้มีโอกาสคงได้เจอกัน”
“ได้ ๆ เอาไว้พี่จัดการงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พี่จะไปหานายที่โน่น”
“ครับคุณโชค” พูดอีกสองสามประโยค สองหนุ่มก็วางสาย ใบหน้าของมหาเศรษฐีเต็มไปด้วยความสุข แตกต่างจากคนที่โทร.มาหาอย่างสิ้นเชิง
มหาโชคถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ก่อนจะหันไปมองหน้าเลขาของมหาเศรษฐีและเลขาของตนเองที่นั่งอยู่บนโซฟาคนละตัว
“คุณมหาเป็นยังไงบ้างครับคุณโชค” อานนท์เลขาของมหาเศรษฐีเป็นคนถาม
“มหาบอกว่าสบายดี ฟังจากน้ำเสียงแล้วดูจะสบายจริง แต่มหาบอกว่ามีแฟนแล้ว”
มหาโชคตอบกลับพลางขมวดคิ้ว สงสัยถึงเรื่องแฟนของน้องชาย มีจริงหรือเกิดจากอาการป่วย ประมาณว่าหลอกตัวเองว่ามีแฟนเพื่อให้ตัวเองมีความสุข