“คุณมหาเนี่ยนะครับมีแฟน ไม่น่าจะเป็นไปได้”
ชาตรีเลขาของมหาโชคโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ น้องชายของเจ้านายไปอยู่ที่โฮมสเตย์ไม่นานมีแฟนแล้วเหรอ อีกอย่างเขาป่วยบางทีเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ความจริง
“ผมก็คิดแบบนั้น เมื่อไหร่มหาจะหายป่วย พ่อถามถึงมหาอีกแล้ว แม่ผมก็ด้วย เฮ้อ”
มหาโชคถอนหายใจอีกครั้ง หนักใจทั้งเรื่องงานเรื่องน้องชายไหนครอบครัวอีก ไม่รู้เขาจะปิดบังอาการป่วยของมหาเศรษฐีไปได้นานแค่ไหน ถ้าบิดารู้ต้องเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งไปกว่านั้นคือมารดาแท้ ๆ ของน้องชายหากคุณจันทน์หอมรู้เข้าว่าลูกชายป่วยเป็นโรคอะไรต้องรับไม่ได้อย่างแน่นอน
“ก็ต้องบอกไปตามเดิมแหละครับ คุณมหาไปเมืองนอก”
อานนท์ให้ความเห็น
“ผมอยากคุยกับหมอของมหา คุณอานนท์นัดให้หน่อย”
เพราะเรื่องที่มหาเศรษฐีบอกว่ามีแฟนเขาจึงอยากคุยกับหมอประจำตัวของน้องชาย
“ได้ครับคุณโชค ผมจะนัดให้เร็วที่สุด ช่วงนี้ถ้ามีงานสำคัญผมจะเอาไปให้ที่บริษัทของคุณโชค”
“ตราบใดที่มหายังไม่หายจากโรคนี้ ห้ามให้ใครรู้เด็ดขาด คุณอานนท์ คุณชาตรี ผมไว้ใจพวกคุณสองคนมากนะ”
เจ้านายกำชับอีกครั้ง มหาเศรษฐีไม่อยากให้มีคนรู้ถึงอาการป่วยของตนเอง พี่ชายรู้มาจากอานนท์ที่เห็นความผิดปกติของเจ้านายเป็นคนแรกจึงติดต่อบอกมหาโชค
ส่วนชาตรีรู้มาจากมหาโชค เพราะต้องจัดการเรื่องงานของเจ้านายให้ลงตัว ทำให้เรื่องป่วยของมหาเศรษฐีมีคนรู้อยู่ทั้งหมดหกคนรวมถึงเจ้าตัวบวกป้าจิตกับลุงน้อมเจ้าของโฮมสเตย์
“ไม่ต้องห่วงครับคุณโชค ผมจะรูดซิปปากให้สนิท จนกว่าคุณมหาจะหายป่วย”
“ชีตาห์ก็จะรูดปากให้สนิทเลยค่ะ คุณโชคไม่ต้องห่วง รับรองชีตาห์จะไม่เอาไปพูดกับใครแน่นอน”
“ผมขอบคุณพวกคุณทั้งสองคนมากจริง ๆ แล้วผมจะตอบแทนพวกคุณอย่างงาม”
หลังจากนั้นสองเลขา ก็ขอตัวออกจากห้องทำงานของมหาเศรษฐี แล้วปล่อยให้มหาโชคที่เข้ามาสะสางงานแทนน้องชายนั่งอยู่เพียงลำพัง
ชายหนุ่มมองรูปน้องชาย ที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยความรู้สึกสงสาร ไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงจะช่วยมหาเศรษฐีให้หายจากอาการป่วยได้
คูเปอร์หลับยาวไปจนถึงเที่ยง รู้สึกตัวตื่นหลังจากอาการปวดท้องทุเลาลง เธอจึงเข้าไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดินลงมาจากบ้านพักที่ทำจากไม้ มีขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันสมกับราคาที่จ่าย
เธอก้าวเท้าไปยังบ้านของลุงกับป้าที่เป็นเจ้าของโฮมสเตย์ เห็นทั้งสองคนกำลังช่วยกันทำกับข้าวโดยมีนายมหาเป็นลูกมือ
“อ้าวหนู หายป่วยแล้วเหรอลูก” คุณป้าหันมาทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้มและสำรวจหน้าตาผิวพรรณของเธอไปด้วย
คูเปอร์สวยจริง ๆ สวยตั้งแต่เส้นผมยันปลายเล็บ แบบนี้สิถึงจะเหมาะกับคุณหนูของตนเอง
“ไม่ค่อยปวดแล้วค่ะคุณป้า กำลังทำกับข้าวกันอยู่เหรอคะ” หญิงสาวตอบกลับก่อนจะหันไปมองพี่มหาที่กำลังตั้งใจเด็ดผักบุ้ง
“ใช่แล้วลูกมา ๆ มานั่งด้วยกัน ลุงทำไม่เป็นหรอก ช่วยหยิบจับตามที่ป้าเขาบอกแหละ” ลุงน้อมเป็นคนตอบพลางเชื้อเชิญหญิงสาวให้มานั่งด้วยกัน
ตนเองทำกับข้าวไม่เป็น แต่พร้อมรับใช้เมื่อเมียสั่งงาน ประหนึ่งสามีที่อยู่ในโอวาทเมียบอกซ้ายก็ซ้ายเมียบอกขวาก็ขวา
“แล้วพี่มหาล่ะคะ ช่วยทำอะไร ดูไม่ค่อยคล่องเลย”
“ช่วยเด็ดผักไง ป้าจิตจะทำผัดผักบุ้งไฟแดง”
“แต่เปอร์ว่ามันจะกินไม่ได้เอานะคะ ถ้าเด็ดยาวขนาดนี้”
“จริงเหรอ ผมทำผิดเหรอครับป้าจิต”
“ผิดแล้วพ่อมหา มันต้องเด็ดสั้นกว่านั้นนิดหน่อย นี่ตาแก่สอนพ่อมหายังไง”
“อ้าวก็ข้าไม่รู้นี่ ข้าไม่ค่อยได้ทำเหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเปอร์สอนพี่มหาเอง เปอร์ทำกับข้าวเก่ง”
บอกผู้ใหญ่ด้วยความภาคภูมิใจ ฝีมือทำกับข้าวของตัวเองนั้นไม่เป็นสองรองใคร เพราะจบจากสถาบันสอนทำอาหารระดับโลก
พูดมาเถอะจะอาหารคาวอาหารหวานคูเปอร์ทำได้หมด ทำได้อย่างเดียวไม่พอแถมอร่อยอีกต่างหาก พ่อกับแม่ชมเธอประจำ หากเธอไปแข่งรายการทำอาหารรับรองชนะ
“จริงเหรอจ๊ะหนูเปอร์ ถ้าอยากลองทำกับข้าวบอกป้าได้นะ”
“เย็นนี้เลยไหมคะ เปอร์พร้อมโชว์ฝีมือมาก”
“ได้เลยลูก ว่าแต่หนูเปอร์เป็นเชฟทำอาหารรึเปล่าจ๊ะ”
“ไม่ใช่ค่ะ เปอร์เป็นนักเขียน”
“นักเขียน? หมายถึงเขียนนิยายเหรอลูก”
“ถูกต้องค่ะ เขียนนิยายรัก นิยายโรมานซ์ค่ะ”
“ป้าชอบอ่านนิยาย อย่าลืมเอามาให้ป้าอ่านด้วยนะลูก”
“ได้ค่ะ แต่เขินจังปกติไม่มีคนรู้จักอ่านนิยายของตัวเองเลย”
แค่มีคนบอกว่าอยากอ่านนิยาย แม่คนอยากเป็นนักเขียนชื่อดังเหมือน เจ. เค. โรว์ลิงเจ้าของผลงาน Harry Potter หน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียม ปากยิ้มไม่หุบ แววตาเป็นประกายจนคนที่กำลังแอบมองต้องอมยิ้มตาม
“ไม่ต้องเขินหรอกจ้า ป้าว่านักเขียนเก่งนะ กว่านิยายจะออกมาได้สักเรื่อง ไม่ง่ายเลย”
“ไม่ง่ายจริงค่ะ แต่ทำแล้วมีความสุข”
“ดีแล้วลูก คนเราต้องทำอะไรที่มีความสุข เหมือนลุงกับป้าที่เลือกมาทำโฮมสเตย์เล็ก ๆ เพราะความสุขล้วน ๆ เลย ที่นี่เป็นไงบ้าง บรรยากาศดีไหม”
“ดีสุด ๆ เลยค่ะ เปอร์ถึงเลือกมาที่นี่เพราะจะเก็บบรรยากาศเอาไปแต่งนิยาย”
“ใส่ลุงเข้าไปในนิยายด้วยนะหนูเปอร์”
“ได้เลยค่ะ หนูจะใส่ทั้งลุงแล้วก็ป้า”
“แล้วพี่ล่ะครับ ไม่ใส่เหรอ พี่อยากอยู่ในนิยายของเปอร์เหมือนกัน”
“ใส่สิคะเพราะพี่มหาคือพระเอก มีเปอร์เป็นนางเอก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ดีไหมคะป้า”
“ดีมากเลยหนูเปอร์”
เพราะความเป็นกันเองและคุยเก่งทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น
แต่อยู่ ๆ ชายหนุ่มกลับรู้สึกใจหวิวอย่างบอกไม่ถูก คล้ายกับว่านี่ไม่ใช่ความจริง บรรยากาศที่มีแต่ความสุขแบบนี้คือเรื่องมายา ก่อนจะสะบัดหัวเบา ๆ แล้วยิ้มหวานให้ภรรยาทางพฤตินัยที่กำลังคุยกับผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างออกรส
ครู่เดียวเธอก็มาสอนเขาเด็ดผักบุ้ง สองหนุ่มสาวมองตากันหวานฉ่ำ ทำราวกับว่าโลกใบนี้มีแค่เราสองคน
“นังจิตเอ็งว่าพ่อมหากับหนูเปอร์ดูแปลก ๆ ไหม” ลุงน้อมกระซิบถามภรรยา หลังจากสังเกตเห็นประกายบางอย่างจากตัวของสองหนุ่มสาว
“แปลกยังไงตาแก่” ป้าจิตรู้แต่ไม่อยากพูด
“ก็ดูสิ สองคนนี้จ้องกันตาหวานเชียว”
“เรื่องของเด็ก ๆ เราแก่แล้วอย่าไปสนใจเลย”
“เอ็งจะไม่รายงานให้คุณโชครู้เหรอ มันจะมีปัญหาไหม เอ็งก็รู้ว่า...”
“ไม่ต้องหรอก ข้าไม่อยากทำลายความสุขของคุณหนู ข้าอยากเห็นคุณหนูยิ้มแบบนี้ไปนาน ๆ เท่าที่จะทำได้ ข้าสงสารคุณหนู”
ป้าจิตหันไปมองหน้าผู้ชายที่ตัวเองเรียกว่าคุณหนู ก่อนจะหันมายิ้มให้สามี ลุงน้อมจึงพยักหน้ารับ เมียว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น ขอแค่ภรรยาสบายใจเขาก็พร้อมสนับสนุนเธอ
ไม่นานนักกับข้าวหลายอย่างก็ถูกลำเลียงขึ้นวางบนโต๊ะ ทั้งหมดจึงล้อมวงนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย บรรยากาศแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้านายมหา หรือ คุณมหาเศรษฐี ร่ำรวยมหาศาล จำได้ว่าตัวเองคือใคร