สัญญาณ

1583 Words
ชั่วอึดใจ เมื่อเพื่อนสาวร่างอวบที่ทุกคนในรถรู้จักกันในนาม ตุ้ยนุ้ย แทนที่จะเรียกตามชื่อจริงว่า แน่งน้อย ก็หลับใหลไป จนได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ แต่หญิงสาวร่างเล็ก ผู้มีนามว่า เต้น หรือ อณุภา หรือ “ไอ้ฟ้าแลบ” ตามที่ใครต่อใครรู้จัก ก็ยังหาได้ข่มตาหลับไม่ เสียงหวอของรถตำรวจนำขบวนกลุ่มรถบัสทั้งขบวน ยังแว่วมาให้ได้ยินไกลๆ ทุกคนบนรถคันนี้และคันอื่นๆ เป็นกลุ่มผู้สื่อข่าว ผู้ติดตามและเป็นคณะทำงานฯ ที่มาตรวจดูความเรียบร้อยในการแถลงข่าว เพื่อเตรียมเปิดตัว เปิดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ที่สร้างโดยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย ลาวและออสเตรเลีย ก่อนที่จะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ขณะนี้ทุกคนกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรารมณ์อีกครั้ง... แต่หญิงสาวร่างเล็กบนรถทัวร์คันใหญ่กลับตาสว่าง เธอครุ่นคิดและมองออกไปนอกกระจกผ่านยอดเงาไม้ที่เอนไหว เหมือนมันกำลังวิ่งตามรถอยู่สองข้างทาง เธอเหม่อมองออกไปดูแสงดาวเต้นระยิบบนผืนฟ้าสีดำสนิท เหมือนมีกากเพชรส่องแสงวิบวับบนผืนผ้ากำมะหยี่สีดำนั่น... นาทีนี้ ดวงดาวนับล้านดวงกำลังส่องแสงกะพริบพร่างพรายมายังพื้นโลก ดุจดังฟากฟ้ายามนี้กลายเป็นสรวงสวรรค์ เป็นวิมานแห่งแสงดาวที่ส่องแสงพริบพราวระยิบนี้ ...ทุกคืนเดือนแรม ฟากฟ้าย่อมกลายเป็นวิมานแสงดาว เหมือนร้อยพันปีก่อนหน้านั้น...นานมา หลังปล่อยใจไปกับแสงดาวแล้ว หญิงสาวก็นึกถึงไปถึงเหตุการณ์ในบ่ายวานนี้ หลังสิ้นคำสั่งจากพี่เสือ ซึ่งแอดไซน์หรือสั่งงานให้เธอไปเวียงจันทน์ตามหมายนี้ ไอ้ฟ้าแลบตามฉายาก็ต้องแจ้นไปนั่งประจำโต๊ะของตัวเอง แล้วนั่งพิมพ์ข่าวแข่งกันเคาะแป้นคีย์บอร์ดกับคนอื่นๆ เวลาที่มีเสียงพิมพ์งานรัวเร็วดังราวกับข้าวตอกแตก ในห้วงเวลานั้นเธอมักลืมสิ้นเสียทุกสิ่ง นอกจากจมดิ่งลงไปในงาน ปั่นงานให้จบก่อน จากนั้นชีวิตส่วนตัวหรือเรื่องอื่นๆ ถึงจะคืนกลับมา ...หลังการถูกบรรจุให้มานั่งประจำที่โต๊ะข่าวนี้ได้ไม่กี่เดือน อณุภาก็เรียนรู้ว่างานข่าวในแต่ละวันล้วนเป็นเหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาได้ และไม่ว่ามันจะปรากฎบทสรุปในรูปแบบไหนก็ตาม เธอต้องทำหน้าที่รายงานข่าวด้วยตัวหนังสือออกมาให้ดีที่สุด จนบัดนี้เธอกลายเป็นผู้สื่อข่าวเต็มตัวมาปีกว่าๆ แล้ว วานนี้ หลังเสร็จจากการเขียนรายงานข่าวประจำวัน และจบการแกะเทปเขียนบทสัมภาษณ์อันยาวเหยียดบวกกับคอลัมน์ข่าวสังคม อันเป็นคอลัมน์ประจำเซกชั่น ซึ่งเธอต้องผลัดกับเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นๆ เขียนแล้ว อณุภามีเวลาเพียงนิดหน่อยดูกำหนดการไปดูงานตรวจความเรียบร้อยสะพานมิตรภาพ พร้อมเอกสารที่ต้องเซ็นอีก ๔-๕ แผ่น ที่คุณตู่ เลขากองบก. เอามาวางไว้ให้ ขณะเธอกวาดสายตาดูหมายงานอย่างลวกๆ มองหมายงานโดยไม่ได้กุมสติให้มั่นนั้น แสงอะไรสักอย่างก็สว่างวาบมาทำให้สายตาพร่าพรายไปชั่วครู่ ทุกสิ่งในห้องข่าวที่กำลังอึกทึกชุลมุนอยู่นั้น ดูเหมือนจะสะดุดหยุดนิ่ง และไร้สรรพเสียงไปในทันใด ...มันก็มีอะไรอย่างหนึ่งบอกให้เธอรู้ว่า การเดินทางครั้งนี้ มันมีสิ่งใดรอเธออยู่ “อะไร” บางอย่างที่ว่านี้ มันได้ส่งสัญญานพิเศษบอกเธอมาแล้ว... อยู่ๆ หมายงานที่เป็นตัวอักษรเรียงลำดับอยู่หน้ากระดาษขาวนั้นเลือนหายไป แล้วก็มีสิ่งใหม่ผุดขึ้นแทน เป็นภาพผืนฟ้าสีดำกำมะหยี่ที่มีแสงดาวส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับคล้ายกับที่เธอมองเห็นอยู่นอกรถ เหนือแถวทิวไม้ขึ้นไปบนฟากฟ้าดาราพราว มีแสงดาวดารดาษ... พอภาพนั้นเลือนไปแล้ว ภาพใหม่ก็ผุดขึ้นมา ภาพคล้ายมีห่วงโลหะเก่าคร่ำวางซ้อนกันอยู่ขึ้นมาแทนที่ ห่วงโลหะวงหนึ่งนั้น... จะว่าเป็นกำไลก็คงไม่ใช่ เพราะมันดูก็ไม่เหมือนเครื่องประดับที่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนอีกทั้งยังมีตราสัญลักษณ์แปลกๆ อยู่ด้วย ส่วนอีกสองวงที่เหลือนั้นคล้ายกำไล แต่มันคงเป็นกำไลที่เธอไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนในชีวิตอีกนั่นแหละ ...วงหนึ่งมีแต้มสีแดง ส่วนอีกวงมีแต้มสีดำ ตอนที่มันปราฎให้เธอเห็นนั้น ทุกห่วงมันเกี่ยวกันไว้เหมือนสายโซ่ ซึ่งดูเหมือนจะไม่มีวันแกะออกจากกันได้เลย ...ภาพเหตุการณ์ที่เธอเห็นอยู่นี้ ไม่ใช่อาการตาฝาดตาลายจากการเพ่งหน้าจอเขียนงาน หรือเพราะความผิดปกติใดๆ ของร่างกาย สิ่งที่เธอกำลังผจญอยู่นี้ มันเกิดขึ้นกับเธอหลายครั้งมาแล้ว ... มันเหมือนความฝัน และเหมือน “ลาง” บอกเหตุนับร้อยนับพันครั้งที่เคยเกิดขึ้นกับเธอมาแล้ว ตั้งแต่ยังเล็ก ตอนที่เธอยังเล็กอยู่ ผู้คนที่บ้านเกิดเธอ พากันเรียกเธอว่า “คนหน้อยตาติ้บ” (คนตัวเล็กตาทิพย์) นั่นก็เพราะมีบ่อยครั้งที่เธอมักได้เห็นในสิ่งที่ไม่มีใครเห็น บางครั้งเธอก็ได้ใช้ความพิเศษที่ว่านี้ ในการช่วยเหลือคนอื่นด้วย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ชาวบ้านยังพากันจดจำและโจษจันถึงความพิเศษของเธอหนหนึ่ง ในละแวกบ้านมีเด็กคนหนึ่งหายตัวไป ชาวบ้านช่วยกันออกตามหาทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่เจอ แต่เธอเองกลับเห็นภาพเด็กคนนั้น นั่งร้องไห้ ตัวสั่นงันงกอยู่ข้างซากเจดีย์เก่าครั้งแล้วครั้งเล่า พอบอกใครไปก็ไม่มีใครสนใจคำพูดเธอ เพราะที่ตรงนั้นมีคนไปเดินหากันไม่รู้กี่รอบแล้ว จนพ่อกับแม่เธอรู้เรื่องว่า มีเด็กในหมู่บ้านหายตัวไป แล้วลูกสาวเห็นภาพที่ว่านี้ซ้ำๆ นั่นแหละ พวกเขาจึงพากันไปที่ตรงนั้น พร้อมนำกรวยดอกธูปเทียนไปขอสุมาลาโทษกับเจ้าที่ผีวัดวาเก่าที่เฝ้าเจดีย์นั่น สุดท้ายก็ได้เจอตัวเด็กที่นั่นเอง เด็กบอกว่า เล่นซ่อนแอบกับเพื่อน วิ่งมาซ่อนอยู่ตรงนี้ ไม่ได้ย้ายไปที่อื่นเลย ตอนที่มีคนเดินหา ตัวเองเห็นคนอื่น แต่คนอื่นไม่มีใครเห็นเขาเลย เขาจะขยับตัวก็ไม่ได้ ส่งเสียงร้องออกไปก็ไม่มีใครได้ยิน นับแต่นั้น เรื่องของคนหน้อยตาติ้บก็ถูกแพร่ข่าว คนพากันเล่าถึงลือเลื่องกันไปไกล ทีนี้พอมีข้าวของในบ้านใครหาย ทั้งทองหยอง ทั้งสัตว์ใหญ่สัตว์เล็กหายตัวไป ชาวบ้านก็พากันมุ่งหน้ามาหาเธอทั้งสิ้น มิเพียงแต่เท่านี้.... อณุภายังพบเรื่องแปลกประหลาดอันเกิดจากสิ่งที่ตนมองเห็นและรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าขึ้นอีกมากมาย ทั้งในความฝัน ในชีวิตประจำวัน เหมือนมันเป็นสัมผัสพิเศษที่บอกให้เธอล่วงรู้ ในสิ่งที่ไม่มีใครรู้ เรื่องสัมผัสพิเศษเหล่านี้ เมื่อเติบโตขึ้น บางครั้งอณุภาก็ตื่นเต้น แต่บางครั้งก็หงุดหงิดปนรำคาญกับไอ้ความ “พิเศษ” ที่ว่านี้ เพราะเมื่อได้เห็นลางใดๆ มันก็ทำให้เธออยากรู้อยากเห็น อยากเข้าใจจนแจ่มแจ้งทุกเรื่อง บางเรื่องก็ได้รู้ บางเรื่องก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางเรื่องมันก็เป็นจริงตามที่ได้เห็น แต่ในห้วงเวลานี้ เธอกำลังอยากรู้ที่มาของภาพท้องฟ้าที่มีดาวเต็มฟ้ากับภาพห่วงโลหะที่จู่ๆ ก็ผุดโผล่มาให้เห็น มันเป็นปริศนาที่ท้าทายเธอมากพอดู บ่ายวานนั้น ภาพประหลาดผุดมาให้เห็นแค่เพียงพริบตาเดียว แล้วทุกอย่างก็กลับเข้าสู่เหตุการณ์ปกติ ซึ่งเมื่อภาพหายไปแล้ว นักข่าวสาวก็ต้องรีบสลัดสัญญานพิเศษนั้นทิ้งไปแทบจะในทันที เพราะเธอต้องมีสมาธิในการเขียนงานต่อ เธอยังคงเหลือสกู๊ปที่ต้องเขียนให้จบ ไม่มีเวลามาโอ้เอ้กับเรื่องอะไรอื่นอีกแล้ว ทุกงานที่ได้รับมอบหมายมาก่อนหน้านี้ จะต้องเสร็จเรียบร้อยก่อนที่จะออกเดินทางไปทำข่าวที่เวียงจันทน์ เพื่อให้หน้าข่าวแต่ละวันสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างราบรื่น โดยที่ไม่มีใครมาโวยวายหรือติฉินได้ว่า เธอไม่รับผิดชอบ ไม่รู้หน้าที่ ฯลฯ แล้วในตอนนี้ ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่เธอได้ตั้งใจไว้แล้ว อณุภากำลังนั่งอยู่บนรถทัวร์คันใหญ่พร้อมกับคณะเดินทางไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายล่าสุดนี้แล้ว ขณะรถทัวร์กำลังแล่นตามขบวนไปบนถนนสายที่คดเคี้ยว ซึ่งต่างวิ่งพุ่งแหวกความมืดมุ่งตรงไปยังจุดหมายเบื้องหน้าตลอดคืนนี้ โดยมีแผ่นฟ้าสีดำกำมะหยี่ผืนมหึมาที่มีแสงดาวส่องประกายกะพริบวิบวับอยู่เบื้องบน …หญิงสาวบนรถคันนี้ก็ยังเฝ้าแต่ครุ่นคิด ...อะไรหนอ ที่กำลังรอเธออยู่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD