บทนำ...
“รักละลายใจ”...เรื่องราวรักโรแมนติกระหว่างวิศวกรหนุ่มเจ้าเล่ห์กับทันตแพทย์สาวเย็นชา
………………
“ตัวเล็กรอพี่นะ..แล้วพี่จะกลับมา..”
“ตัวเล็กจะรอพี่ชายค่ะ..”
………………
“แม้วันเวลาและระยะทางจะพรากเขาและเธอให้ห่างจากกัน แต่ความผูกพันกลับนำพาให้เขาและเธอได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง...”
“...ความผูกพันความทรงจำในวันเด็ก จะทำให้หัวใจสองดวงกลับมาผูกพันกันเหมือนเดิมได้หรือไม่..เมื่อสถานะของทั้งคู่เปลี่ยนแปลงไป...”
………………
เธอมีอดีตฝังใจที่เจ็บปวดในวัยเด็กจนต้องปิดกั้นหัวใจ ไม่เคยรักใครและไม่คิดที่จะมีครอบครัว กลัวการผิดหวังและเสียใจเพราะความรัก เขาจะมาทลายความเจ็บปวดในใจของเธอได้หรือไม่ หรือจะยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดในอดีตของเธอ ในเมื่อใจของเขาก็ไม่เคยเปิดรับใครเข้ามา มีเพียงเด็กหญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่อยู่ในใจเขาเสมอมา...
………………
“อยากให้คุณหมอฟัน..ผมจะต้องทำยังไงครับ”
………………
”นี่คุณกล้าตบหน้าผมแล้วจะเดินหนีอย่างนั้นเหรอ..ไม่เคยมีใครเคยตบและปฏิเสธผมแบบนี้มาก่อน” ราเมศบีบแขนมาริสาแล้วดึงเข้ามาใกล้และพูดออกมาด้วยอารมณ์โกรธ
”ปล่อย! ก็คุณมาปากเสียกับฉันก่อน”
”ปากเสียอย่างนั้นเหรอ..งั้นคุณหมอคนสวยก็ช่วยรักษาปากให้ผมหน่อยก็แล้วกันนะ” ราเมศบอกก่อนจะก้มหน้าลงบดริมฝีปากจูบปากนุ่มของมาริสาอย่างดุดันลงโทษ
…………………
มาริสา(ริสา/นิ) .. ทันตแพทย์สาววัย 25 เย็นชา หน้านิ่ง ไม่บ่งบอกอารมณ์ความรู้สึก แววตาเศร้า
เธอ..ถูกขนานนามว่าเป็นหมอฟันแสนเย็นชา ไร้อารมณ์ ปราศจากความรู้สึก ภายใต้ท่าทางนิ่งๆนั้น เก็บซ่อนอะไรบางอย่างไว้ภายในใจ
..เธอพยายามสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากผู้ชายทุกคนโดยเฉพาะคนกะล่อนเจ้าชู้แบบเขา
“อย่าทำให้ฉันรู้สึกเกลียดรู้สึกไม่ดีกับผู้ชายมากไปกว่านี้อีกเลยค่ะ..เรื่องระหว่างคุณกับฉัน มันไม่มีทางจะเป็นไปได้”
……………………
ราเมศ(เมศ) .. วิศวกรหนุ่มวัย 29 อารมณ์ดี ทะเล้น เจ้าเล่ห์ กะล่อน คารมเป็นต่อ
เขา..ถูกมองว่าเป็นไฮโซหนุ่มจอมเจ้าชู้กะล่อน รักชีวิตอิสระและหวงความโสด
..เขาจะทลายกำแพงที่เธอสร้างขึ้นได้หรือไม่ ในเมื่อเธอเกลียดและพยายามอยู่ให้ห่างคนอย่างเขาให้ไกลที่สุด!
“เธอจะไม่มีอารมณ์หรือไร้ความรู้สึกผมก็ไม่สน ผมจะพิสูจน์จะทำให้เธอมีอารมณ์กับผมให้ได้!”
……………………
ไอรดา(ไอซ์) .. สาวไฮโซวัย 23 เอาแต่ใจ มั่นใจในตัวเอง
“ฉันอยากได้อะไรก็ต้องได้! ไม่เคยมีใครกล้าปฏิเสธฉัน”
……………………
อานัส(นัส) .. ชายหนุ่มวัย 25 สู้ชีวิต
“ชีวิตของผมน่ะเหรอ..มีครอบครัวก็เหมือนไม่มี ชีวิตนี้คงจะไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ผมก็ต้องสู้เพื่อความอยู่รอด”
……………………
รวิวรรณ(คุณหญิงรวิ) .. แม่ผู้กำหนดบงการชีวิตลูกอย่างที่ตัวเองเห็นว่าเหมาะสม
“ฉันมีสิทธิ์ที่จะสั่งให้แต่งหรือหย่า ลูกไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ!”
……………………
มัทนา(มัท) .. หญิงผู้อาภัพ ทุกทรมานเพราะคนที่รัก
“เพราะความผิดหวังเจ็บปวดกับความรักของฉัน ทำให้ลูกต้องกลายเป็นคนเย็นชาไม่มีความสุขแบบนี้...”
……………………
บทที่ 1...หวงความโสด!
ราเมศจัดอยู่ในไฮโซรุ่นใหม่ไฟแรง หนุ่มหล่อวัย 29ปี ที่ทั้งโสดทั้งรวยเป็นที่หมายปองของสาวๆทั้งหลาย ดีกรีจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมโยธาสาขาก่อสร้างมาจากอังกฤษ เขากลับมาทำงานให้กับบริษัทเอกชนรายใหญ่ได้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว ด้วยความเก่งมีความสามารถและมุ่งมั่นตั้งใจในอาชีพทำให้ลูกค้ารายใหญ่ต่างจองคิวรอให้เขาเป็นคนออกแบบอาคารและคุมงานก่อสร้าง อย่างเช่นงานล่าสุดนี้เขาเพิ่งจะเซ็นสัญญาออกแบบและควบคุมการก่อสร้างให้กับโครงการคอนโดมิเนียมหรูในย่านใจกลางเมืองให้กับคุณพงษ์เทพเศรษฐีระดับต้นของประเทศ
ราเมศกลับมาประเทศไทยบ้านเกิดของเขาในรอบ 15ปี ตั้งแต่ท่านพ่อของเขาจากไป คุณหญิงรวิวรรณแม่ของราเมศก็ส่งเขาไปศึกษาต่อและอาศัยอยู่ที่ประเทศอังกฤษ แต่คุณหญิงรวิอาศัยอยู่กับลูกชายที่นั่นได้แค่ 5ปี จากที่ท่านตั้งใจจะไปลงหลักปักฐานที่นั่นเป็นการถาวร แต่ด้วยสุขภาพร่างกายของท่านไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่นั่นได้ เมื่อราเมศโตพอที่จะรับผิดชอบตัวเอง คุณหญิงรวิจึงให้ลูกชายอาศัยอยู่กับพ่อแม่อุปถัมภ์ที่นั่นตามลำพัง ท่านก็กลับมาตั้งหลักปักฐานที่กรุงเทพฯ นานทีปีหนท่านถึงจะกลับไปดูบ้านเรือนไทยที่อัมพวา ส่วนราเมศนั้นศึกษาอยู่ที่อังกฤษไม่ได้กลับมาประเทศไทยเลยสักครั้งจนกระทั่งเขาเรียนจบปริญญาตรีและเรียนต่อปริญญาโทที่นั่นควบคู่กับการทำงานอยู่ที่อังกฤษระยะหนึ่ง แม้ว่าคุณหญิงรวิจะไม่ให้ราเมศเดินทางไปๆมาๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า..ท่านกลัวเครื่องบินจะตกแล้วลูกชายเพียงคนเดียวจะจากท่านไปอีกคน แต่ท่านก็เดินทางไปเยี่ยมลูกชายทุกปี จนกระทั่งมาถึงตอนนี้..คุณหญิงรวิเรียกตัวราเมศกลับมาด้วยเหตุผลที่ว่า..กลัวเขาจะมีเมียฝรั่ง! ท่านไม่อยากได้ลูกสะใภ้เป็นฝรั่ง ราเมศจึงต้องลาออกจากงานที่บริษัทก่อนจะเดินทางกลับมาที่นี่ ประเทศไทยเปลี่ยนไปเยอะมากในสายตาของชายหนุ่ม กรุงเทพฯกลายเป็นสังคมเมืองที่แออัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการจราจร บวกกับอากาศที่ร้อนมาก ร้อนโคตรๆจนทำให้เขาย้อนคิดถึงวัยเด็ก ชีวิตที่บ้านสวนร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ใบหญ้าอากาศเย็นสบายคิดแล้วเขาก็อยากจะกลับไปที่นั่นอีก..
“เมืองไทยร้อนมากเลยนะครับแม่”
“ก็ร้อนเป็นปกตินั่นแหละลูก”
“บ้านเรือนไทยของคุณยายที่อัมพวายังอยู่ไหมครับแม่ ผมอยากไปอัมพวา อยากกลับไปเที่ยวบ้านสวนของคุณยาย แม่พาผมไปหน่อยได้ไหมครับ” นี่คือวันแรกที่ราเมศเอ่ยขอคุณหญิงรวิเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยที่แสนจะร้อนอบอ้าว
“ช่วงนี้แม่งานยุ่งต้องคุมงานไม่มีเวลา ให้คนขับรถพาไปสิลูก”
ด้วยความร้อนบวกกับความคิดถึงบ้านเรือนไทยของคุณยายและคิดถึงวัยเด็กที่เขามีความสุขที่นั่น.. และแล้วราเมศก็ได้กลับมาอัมพวาอีกครั้ง..กลับมาบ้านสวน มายังสถานที่เดิมๆ แม้ว่าบ้านของคุณยายจะถูกดูแลรักษาคงสภาพเดิมไว้ บรรยากาศโดยรอบภายในรั้วบ้านก็ยังคงร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้เหมือนอย่างตอนที่เขายังเด็ก แต่สิ่งแวดล้อมภายนอกทั้งถนนหนทางและบ้านเรือนหลังอื่นๆ เปลี่ยนแปลงไปจนเขาจำแทบไม่ได้ แต่ก็น่าแปลกใจที่ราเมศมองไปยังท้ายสวนทีไรภาพของเด็กผู้หญิงที่มีรอยยิ้มสดใสก็ยังปรากฏเด่นชัดขึ้นมาในความทรงจำของเขา..
ราเมศได้พักอยู่ที่บ้านสวนไม่กี่วันก็ถูกคุณหญิงรวิเรียกตัวกลับบ้าน ชายหนุ่มเริ่มทำงานตั้งแต่สัปดาห์แรกที่กลับมา เขาไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับบ้านดึก บางวันก็นอนค้างที่ไซต์งานไม่กลับบ้านเพราะเร่งงานให้ตรงตามกำหนด บางวันงานเรียบร้อยดีไม่มีปัญหาอะไรให้แก้ เขาก็แวะไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้างตามปกติตามประสาหนุ่มโสด เขายังโสดก็มีสิทธิ์ที่จะเที่ยวสนุกบ้างก็เป็นธรรมดา แต่คุณหญิงรวิไม่ได้คิดเหมือนอย่างราเมศ
หัวอกคนเป็นแม่กำลังหวั่นใจกับข่าวที่เธอได้ยินมา เช้านี้รวิวรรณถึงกับต้องมาดักรอคุยกับบุตรชายเพียงคนเดียวของท่านตั้งแต่เช้าก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน
“ตาเมศมาคุยกับแม่หน่อยสิลูก” คุณหญิงรวิวรรณเรียกบุตรชายเมื่อเห็นเขาเดินลงมาจากชั้นบนกำลังจะออกไปทำงาน
“ครับแม่” ราเมศก้าวมานั่งข้างๆผู้เป็นแม่
“ช่วงนี้แม่ไม่ค่อยได้เห็นหน้าเห็นตาเลยนะลูก”
“ผมงานยุ่งน่ะครับ”
“งานยุ่งหรือว่าไปเที่ยวผับเที่ยวบาร์ติดผู้หญิงคาราโอเกะกันแน่”
“ผมไปทำงานจริงๆครับแม่ อาจจะแว๊บไปผับบ้างคลายเครียดก็เป็นเรื่องปกติของผู้ชาย โดยเฉพาะหนุ่มโสดอย่างผม”
“แต่ข่าวที่แม่ได้ยินมา ทำให้แม่เครียดจนนอนไม่หลับ แม่กลัวว่าลูกจะไปพลาดท่าคว้าผู้หญิงอย่างว่ามาเป็นเมีย หรือไปทำพวกหล่อนท้องขึ้นมา แม่ไม่หัวใจวายเหรอลูก”
“โธ่! แม่จะกังวลอะไรกันครับ ผมโตแล้วนะครับแม่ ผมรู้จักป้องกัน”
“แต่แม่ไม่ไว้ใจไม่เชื่อใจหนิลูก แม่อยากให้เมศหยุดเที่ยวเสเพลผู้หญิงไปทั่วจนเป็นข่าวแบบนี้ มันดูไม่ดี ลูกก็โตพอจะออกเรือนมีครอบครัวเป็นของตัวเองได้แล้วนะ”
“ผมยังไม่คิดถึงเรื่องมีครอบครัวเลยนะครับแม่”
“เอาอย่างนี้มั้ยลูก เพื่อนสนิทของแม่มีลูกสาวอยู่คนนึงเป็นหมอ นิสัยดีเก่งน่ารักมากเชียวล่ะ แม่จะทาบทามขอมาเป็นคู่ครองให้ลูก”
“ผมไม่เอาครับแม่ ผมจริงจังกับเรื่องนี้นะครับ ถ้าไม่ใช่คนที่ผมรัก ยังไงผมก็ไม่แต่ง ผู้หญิงคนนั้นหาแฟนไม่ได้หรือไงครับ เป็นถึงหมอ หรือว่าจะอ้วนฉุหน้าตาจืดชืดเหมือนเต้าหู้ยี้ แค่คิดผมก็ไม่มีอารมณ์แล้วล่ะครับ"
“แล้วลูกจะควงผู้หญิงรายวันอยู่แบบนี้ให้แม่หัวใจวายไปก่อนอย่างนั้นเหรอลูก”
“ข่าวก็แค่ข่าวน่ะครับแม่ ผมไม่ได้สำส่อนไม่เลือกถึงขนาดนั้นซะหน่อย”
“ลูกจะลองนัดเจอน้องก่อนมั้ย เย็นนี้แม่นัดกับเพื่อนไว้พอดี จะได้ให้น้องมาเจอเราด้วย”
“อย่าเลยครับแม่ ผมต้องทำงาน ผมไปทำงานก่อนนะครับ” ราเมศหอมแก้มคุณหญิงรวิแล้วรีบก้าวออกไปจากบ้าน
นี่เธอคิดถูกหรือคิดผิดนะเนี่ยที่ส่งลูกไปเรียนไปอยู่ต่างประเทศ นิสัยและพฤติกรรมลูกชายของเธอจะเป็นอย่างฝรั่งหรือเปล่า เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้วเธอก็อดที่จะคิดถึงสามีไม่ได้ ถ้าเขายังอยู่ลูกชายก็คงจะดูเขาเป็นแบบอย่างในเรื่องรักเดียวใจเดียวมั่นคงกับความรักเหมือนอย่างพ่อ รวิวรรณครุ่นคิดหาวิธีจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง..
ราเมศกลับมาถึงบ้านไม่ถึงเดือนเขาก็ถูกบังคับให้หาคู่ครอง อย่าคิดว่าจะจับเขาคลุมถุงชน ถ้าเขายอมก็บ้าแล้ว ให้แต่งกับใครหน้าตานิสัยใจคอเป็นยังไงก็ไม่รู้ เขาไม่แต่ง! หัวเด็ดตีนขาดเขาก็ไม่แต่ง! เขารักชีวิตโสด มีอิสระไม่อยากผูกมัดกับใคร เขาไม่เคยรักหรือคิดจะมีใครจริงจัง ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไร เขาอาจจะยังไม่เจอคนที่คิดว่าใช่ หรือเพราะในใจลึกๆแล้วเขายังรู้สึกผูกพันมีสัญญาใจกับเด็กผู้หญิงคนนั้นอยู่ในใจมาตลอด เขาก็ตอบไม่ได้ ที่เขาเที่ยวกลางคืนบ้างก็เป็นเรื่องปกติตามประสาชายโสดและเพื่อผ่อนคลายจากงาน แต่เขาก็ไม่เคยมั่วหรือว่ามีความสัมพันธ์อะไรลึกซึ้งมากกว่านั้น..” ราเมศขี่รถไปทำงานก็คิดไปตลอดทาง
เช้าวันนี้คุณหญิงรวิวรรณแต่งตัวเตรียมจะออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า เมื่อราเมศออกมาเห็นก็เอ่ยถามแม่ด้วยความแปลกใจ
“แม่จะออกไปไหนตั้งแต่เช้าครับ”
“แม่จะไปดูบ้านสวนหน่อยน่ะลูก งานยุ่งๆ แม่ไม่ได้ไปบ้านสวนมาหลายเดือนแล้ว ไปกับแม่มั้ยล่ะ ตาเมศ”
“ผมก็อยากกลับไปบ้านสวนอีกเหมือนกัน แต่วันนี้คงจะไม่ได้ครับ น่าเสียดายที่ผมติดนัดกับผู้รับเหมาไว้ที่ไซต์งานพอดี ผมไปทำงานก่อนนะครับแม่” ราเมศหอมแก้มแม่ เขารู้สึกเสียดายที่ช่วงนี้งานเขายุ่งมากจนไม่สามารถไปบ้านสวนกับแม่ได้
“จ้ะลูก ไว้โอกาสหน้าค่อยไปก็แล้วกัน”
ราเมศขี่รถบิ๊กไบค์คู่ใจออกจากบ้านไปที่ไซต์งาน ระหว่างทางเขาก็นึกถึงอดีต 15ปีที่เขาจากบ้านสวนไป ป่านนี้เด็กผู้หญิงคนนั้น..”ตัวเล็ก” เธอยังอยู่ที่บ้านสวนหรือเปล่านะ เมื่อเดือนก่อนที่เขาเพิ่งเดินทางกลับมาถึงเมืองไทย มีโอกาสได้ไปบ้านสวนของคุณยายในคราวนั้น เขาถามจากลุงกับป้าที่เฝ้าบ้านก็ไม่มีใครรู้ หรือว่าเธอจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้วตามประสาคนชนบทที่มักจะแต่งงานเร็วกว่าคนเมือง คิดแล้วเขาก็อยากกลับไปซึมซับบรรยากาศดีๆที่นั่นอีก เขาจะต้องหาเวลาไปบ้านสวนอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่าเธอยังอยู่ที่นั่นเหมือนเดิมหรือเปล่า..
ก่อนเดินทางไปอัมพวา คุณหญิงรวิวรรณสั่งให้คนขับรถพาเธอไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่ง..
เมื่อเธอมาถึงร้านอาหารที่นัดหมายกับเพื่อนเอาไว้ มัทนาก็นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว รวิวรรณกลับมาอยู่ประเทศไทยก็ได้มัทนาเป็นเพื่อนคู่ใจ เธอพบปะพูดคุยกับมัทนาและลูกสาวของเพื่อนทุกสัปดาห์
“มาถึงนานหรือยัง มัท” รวิวรรณเอ่ยถามทักทายมัทนา
“ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่นี่เอง วิ”
“เธอสั่งอาหารหรือยัง” รวิวรรณนั่งลงก่อนจะเอ่ยถามเพื่อน
“ยังเลย วันนี้เธอจะทานอะไรดี”
“วันนี้ฉันรู้สึกเครียดๆ ขอเป็นสเต็กปลากับสลัดผักผลไม้จะดีกว่า” รวิวรรณบอกกับเพื่อนรัก
“ขอสเต็กปลากับสลัดผักผลไม้อย่างละ 2ที่นะคะ” มัทนาหันไปสั่งอาหารกับบริกรแล้วหันมาคุยกับรวิวรรณ
“เธอเครียดเรื่องอะไรกัน วิ” มัทนาเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
“จะเรื่องอะไร ก็เรื่องพ่อลูกชายตัวดีของฉันนั่นแหละ”
“ลูกชายของเธอก็เรียนจบกลับมาทำงานแล้วไม่ใช่หรือ มีเรื่องอะไรให้เธอต้องเครียดให้กังวลใจอีก”
“ฉันอยากให้ลูกได้คู่ครองที่ดีน่ะ ฉันกลัวว่าลูกจะไปคว้าผู้หญิงไม่ดีหรือฝรั่งมาเป็นสะใภ้ฉันน่ะสิ ฉันทำใจไม่ได้”
“แล้วเธอจะทำยังไง”
“ฉันขอพูดตรงๆเลยนะมัท ถ้าฉันจะขอหนูริสาให้ตาเมศ เธอจะว่ายังไงมั้ย หนูริสาก็เรียนจบทำงานแล้ว” รวิวรรณเอ่ยทาบทามลูกสาวของมัทนาให้กับลูกชายของเธอทันที
“เธอว่าอะไรนะ วิ..” มัทนาตกใจ อึ้งจนพูดไม่ออก ไม่รู้ว่าจะตอบเพื่อนยังไง
“ฉันน่ะเห็นหนูริสามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย เธอก็รู้ว่าฉันรู้สึกถูกชะตาและรักหนูริสามากเหมือนกับลูกคนนึง”
“ฉันรู้และเข้าใจและขอบใจเธอมากที่รักและเมตตาลูกสาวของฉัน”
“แล้วเธอคิดยังไง เธอว่าหนูริสาจะยอมมั้ย"
“แล้วลูกชายของเธอ เขาจะยอมให้เธอหาคู่ให้อย่างนั้นเหรอ”
“ก็นี่แหละที่ฉันกำลังกลุ้มใจ”
“ฉันน่ะไม่ขัดหรอก แต่เรื่องใหญ่แบบนี้..เราก็ต้องถามความสมัครใจของลูกๆ ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ ปลูกอู่ตามใจผู้นอน ฉันขอถามลูกสาวก่อนนะ วิ”
บริกรนำอาหารมาเสิร์ฟ รวิวรรณกับมัทนาต่างคนต่างทานเงียบๆและครุ่นคิดไปด้วย รวิวรรณคิดหาวิธีให้ราเมศยอมทำตามในสิ่งที่เธอหมายมั่นปั้นมืออย่างที่คิดไว้ ส่วนมัทนานั้นวิตกกังวลว่าเธอจะเอ่ยปากพูดกับลูกยังไง ในเมื่อเธอรู้ดีว่าลูกสาวของเธอปิดกั้นและเกลียดผู้ชายเพราะเจ็บปวดฝังใจกับเรื่องชีวิตคู่ของแม่แค่ไหน เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วต่างคนก็แยกย้ายกันไปหาวิถีหว่านล้อมลูกๆ
มัทนากลับมาบ้าน รอจนมาริสาเลิกงานกลับมาบ้านในตอนค่ำก็ไม่กล้าพูดกับลูก แต่เธอรู้ว่าลูกไม่เคยขัดใจเธอ เธอจึงตัดสินใจโทรไปหารวิวรรณ
“วิ..ฉันโทรมาบอกเธอเรื่องนั้นน่ะ”
“ว่าไง หนูริสายอมตกลงมั้ย”
“เธอมีบุญคุณกับเราสองคนแม่ลูกขนาดนี้..ลูกสาวของฉันไม่ปฏิเสธหรอก” มัทนาบอกรวิวรรณแล้วนึกขอโทษลูกในใจ รวิวรรณมีบุญคุณกับเธอและลูกมากจนเธอไม่รู้จะตอบแทนยังไง และเพื่อนของเธอก็ไม่เคยปริปากทวงบุญคุณเลยสักครั้ง ตรงกันข้ามคือเธอยังให้ความเป็นกันเองไม่เคยดูถูกเหยียดหยามหรือทำให้เธอกับลูกต้องลำบากใจเลยสักครั้ง
รวิวรรณอยู่ที่บ้านสวน เธอวางสายจากมัทนาก็รีบต่อสายไปหาราเมศด้วยความดีใจ
“ตาเมศ..”
“ครับแม่”
“เรื่องที่แม่คุยกับเมศไว้เมื่อหลายวันก่อนน่ะ ฝ่ายหญิงเขาไม่มีปัญหาอะไรนะ ก็เหลือแต่ลูก”
“เรื่องอะไรครับแม่”
“ก็เรื่องแต่งงานของลูกไง แม่หาลูกสะใภ้ที่ถูกใจได้แล้ว”
“ผมไม่เอาด้วยหรอกครับแม่ ผู้หญิงอะไร ยุคนี้แล้วยังจะยอมให้คลุมถุงชน ให้เธอแต่งไปคนเดียวเถอะ ไม่มีความคิดเป็นของตัวเองหรือไง หรือว่าหน้าตาจะขี้เหร่มากจนหาแฟนเองไม่ได้แน่เลย ถึงแม้ว่าผมไม่ได้ยึดติดกับหน้าตาก็จริงแต่รูปร่างหน้าตาก็เป็นความประทับใจแรกนำไปสู่การคบหาศึกษาจิตใจกันนะครับ”
“แต่คนนี้เป็นคนดีสวยน่ารักจริงๆนะลูก แม่เห็นมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว”
“ถึงหน้าตาจะดี แต่ผมก็คิดว่าเธอต้องมีอะไรบางอย่างผิดปกติอย่างแน่นนอน ยังไงผมก็ไม่ยอม ถ้าแม่จะโทรมาคุยเรื่องนี้ก็แค่นี้นะครับ สวัสดีครับ” พูดจบราเมศก็กดวางสายในทันที
“ตาเมศ! เดี๋ยวก่อน ฟังแม่ก่อนสิลูก เฮ้อ!”?คุณหญิงรวิวรรณถอนหายใจออกมาเมื่อราเมศไม่ยอมฟังเธอ และวางสายไปเสียแล้ว
“นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันวะ” ราเมศพึมพึมออกมาอย่างหัวเสีย
“ฉันจะทำยังไงให้ลูกคนนี้ยอมแต่งงานนะ” คุณหญิงรวิวรรณบ่นออกมาอย่างหนักใจ..