ทพญ.มาริสา วาลาภา ทันตแพทย์สาววัย 25ปี เธอเป็นคนเงียบขรึม ใบหน้านิ่งเฉย ค่อนข้างจะพูดน้อย เก็บตัว แววตาเศร้า หญิงสาวเรียนจบทันตแพทย์ได้ไม่ถึงปีก็ได้ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่แห่งหนึ่งย่านใจกลางเมือง ตอนเช้าเธอทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน ตอนบ่ายไปทำงานที่คลินิก ”รักษ์ทันตกรรม” คลินิกของกิตตินันท์ซึ่งเป็นทั้งรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยและลูกชายของอาจารย์ที่สอนเธอที่คณะทันตแพทย์ศาสตร์ เช้านี้มาริสากำลังจะออกไปทำงานที่โรงพยาบาลตามปกติ มัทนาก็เอ่ยเรียกเธอไว้
“นิ..แม่ขอคุยกับหนูสักครู่หนึ่งสิลูก”
“คะแม่ มีอะไรหรือเปล่าคะ” มาริสาสังเกตสีหน้าแววตาของแม่ดูวิตกกังวล
“คือ..เอ่อ..คุณหญิงรวิ เธอทาบทามขอหนูให้ลูกชายของเธอ”
“อะไรนะคะ!” มาริสาถามแม่ด้วยความตกใจกับสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าในชีวิตนี้เธอจะได้ยิน
“คุณหญิงรวิอยากให้หนูแต่งงานกับลูกชายของเธอน่ะลูก”
“แม่ก็ทราบว่านิ..เอ่อ..แล้วแม่..ตอบคุณหญิงท่านไปว่ายังไงคะ”
“แม่รู้ว่าลูกรู้สึกยังไง แต่ลูกก็รู้ใช่มั้ยว่าคุณหญิงรวิมีบุญคุณกับเราสองคนมากแค่ไหน เธอช่วยชีวิตแม่ไว้แล้วยังดูแลเราสองคนอย่างดีมาโดยตลอด แม่ก็เลยไม่กล้าที่จะบอกปฏิเสธเธอ”
“นิเข้าใจแม่ค่ะ แล้วแต่แม่จะเห็นสมควร” มาริสาหน้าเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่ารู้สึกยังไง
“ลูกไม่โกรธแม่ใช่มั้ย”
“นิจะโกรธแม่ จะโกรธคุณหญิงท่านได้ยังไงละคะ ท่านทำให้เราได้อยู่ด้วยกันอย่างสุขสบายและมีความสุขมาจนถึงทุกวันนี้..” มาริสาโน้มตัวเข้าไปสวมกอดมัทนา
“ขอบใจมากนะลูกที่เข้าใจแม่” มัทนาน้ำตาคลอกอดลูกสาวไว้แน่น
“นิขอตัวไปทำงานก่อนนะคะแม่”
“จ้ะลูก” มัทนาหอมแก้มลูกสาวก่อนจะคลายอ้อมแขนออก
มาริสาออกมาทำงานเธอก็คิดไปต่างๆนานา เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น เธอไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจกับเรื่องนี้มาก่อนเพราะเธอตั้งใจแน่วแน่ว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานไม่มีครอบครัว เธอไม่อยากเป็นเหมือนแม่ที่ต้องเจ็บปวดทุกข์ทรมานเพราะความรัก แล้วการแต่งงานที่ปราศจากความรักมันจะเป็นยังไง ไม่เลวร้ายไปยิ่งกว่าอย่างนั้นหรือ เธอไม่อยากจะคิดเลย แม้ใบหน้าเธอจะนิ่งเฉยแต่แววตาและจิตใจนั้นทั้งวิตกกังวล ทั้งเศร้าและว้าเหว่?
ราเมศขี่รถมาถึงไซต์งาน 8 โมง เขาเดินตรวจหน้างานคร่าวๆ1 รอบ แล้วกลับมานั่งดื่มกาแฟในตู้คอนเทนเนอร์รอคุณนวัตผู้รับเหมาคุมงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม ราเมศนั่งอ่านเอกสาร ตรวจแบบ สรุปแผนงานไม่นานนวัตก็เดินเข้ามาหาเขา
“สวัสดีครับคุณราเมศ มาแต่เช้าทุกวันเลยนะครับ”
“สวัสดีครับคุณนวัต ผมอยากเช็คงานให้ละเอียดน่ะครับ งานจะได้ผิดพลาดน้อยที่สุด มีปัญหาอะไรจะได้แก้ไขให้เร็วได้ทันท่วงที ทุกฝ่ายจะได้ไม่เสียเวลา"
“คุณราเมศจริงจังและตั้งใจทำงานแบบนี้นี่เองถึงมีแต่คนแย่งกันจะให้คุณออกแบบและควบคุมการสร้างอาคาร”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ผมก็ทำงานเต็มที่ตามหน้าที่ของผม แล้วงานที่วางไว้เรียบร้อยดีมั้ยครับ”
“เรียบร้อยอย่างที่คุณราเมศสั่งไว้ครับ”
ราเมศเดินนำนวัตกลับไปหน้างาน กางแบบ กางแผนงาน เช็คความคืบหน้าจนกระทั่งเวลาล่วงเลยเที่ยงวัน
“นี่ก็จะบ่ายแล้ว เราออกไปทานข้าวกันก่อนดีกว่านะครับ แล้วค่อยกลับมาลุยงานกันต่อ” ราเมศเอ่ยขึ้นเมื่อก้มมองนาฬิกาบนข้อมือ
“ได้ครับคุณเมศ ใกล้ๆนี้มีร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง คุณเมศพอจะกินได้มั้ยครับ”
“กินได้สิครับ ผมเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายสบายๆครับ”
นวัตเดินนำราเมศไปยังร้านอาหารที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเยื้องกับคอนโดที่กำลังสร้างไม่มากนัก เดินไปก็คุยงานกันไป
มาริสาออกมาทานมื้อเที่ยงกับจินตนาผู้ช่วยที่คลินิก หญิงสาวเดินออกมาจากร้านอาหารก็มัวแต่หันไปมองและฟังจินตนาพูดโดยที่ไม่ได้มองไปเบื้องหน้า จนไหล่ของเธอไปชนเข้ากับใครคนหนึ่ง
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ” ทั้งสองเอ่ยขอโทษออกมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายก็ต่างก้าวเดินพูดคุยกับคู่สนทนาโดยไม่ได้มองทาง ราเมศหันไปมองตามเสียงหวานนั้น..หัวใจของเขาก็กระตุกเหมือนจะหยุดเต้นไปชั่วขณะก่อนที่จะเต้นถี่รัวขึ้นอย่างตื่นเต้นและตะลึงในความสวยน่ารักสะดุดตาสะดุดใจของหญิงสาวที่เขาบังเอิญเดินชนเธอเข้าแค่เพียงเสี้ยววินาที
“Love at first sight..” ราเมศพึมพำออกมาเบาๆ
มาริสาเมื่อเอียงหน้าหันมาขอโทษแล้วก็หันกลับก้าวเดินต่อไปทันที ราเมศยืนนิ่งงันเหมือนถูกมนต์สะกด เมื่อเขารู้สึกตัวเห็นว่าหญิงสาวเดินห่างออกไปเรื่อยๆ เขาก็หันไปบอกกับนวัตทันที
“คุณนวัตเข้าไปสั่งอาหารรอผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมมา"
“ได้ครับคุณเมศ”
ราเมศบอกกับนวัตแล้วก็รีบสาวเท้าเดินตามหญิงสาวคนนั้นไป
“เดี๋ยวก่อนครับคุณ..”
มาริสากับจินตนาได้ยินเสียงมีคนเรียกก็หยุดชะงักเท้าและหันกลับมามองยังต้นเสียง..
“มีอะไรหรือเปล่าคะ..” จินตนาเป็นคนเอ่ยถามขึ้น
“เอ่อ..เราเคยรู้จักกันหรือเปล่าครับ” ราเมศจ้องมองใบหน้าของมาริสาพร้อมกับเอ่ยออกมา
“คุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ” จินตนาเอ่ยถามชายหนุ่มกลับไป
“เปล่าครับ! ผมหมายถึงคุณคนสวยคนนี้ต่างหาก” ราเมศยังคงจ้องมองใบหน้างามไม่วางตา
“คุณคงจะจำคนผิดค่ะ ฉันมั่นใจว่าไม่เคยเจอคุณมาก่อน เรากลับกันเถอะค่ะพี่จิน” มาริสาบอกออกมาด้วยเสียงเรียบใบหน้านิ่งเฉยก่อนที่เธอจะเอ่ยชวนจินตนากลับ แล้วก้าวเดินต่อไปโดยไม่สนใจชายหนุ่ม
“เดี๋ยวสิครับคุณ..”
“นี่ของคุณคนสวยหรือเปล่าครับ” ราเมศหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นไปตรงหน้า
“ไม่ใช่ของฉันค่ะ” มาริสาหันมามองแล้วตอบกลับไป
“แต่มันตกอยู่..”
“มันน่าจะเป็นของคุณมากกว่านะคะ” หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างรู้ทัน
“อุ๊ย! โคตะระหล่อเลยอ่ะ ยิ่งมองยิ่งหล่อ เราน่าจะเคยรู้จักกันนะคะ ฉันคุ้นหน้าคุ้นตาคุณจังเลย” จินตนาที่ยืนมองใบหน้าหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างเคลิ้มฝัน เธอก็เอ่ยขึ้น
“ไม่เคยครับ!” ราเมศรีบตอบแล้วหันไปมองหญิงสาวคนสวย
“เห่อะ! เสียเซลฟ์เลยฉัน” จินตนาแบะปากมองบนทำหน้าเซ็งๆ
“นี่ครับ..” ราเมศหยิบนามบัตรในกระเป๋าเสื้อของตัวเองยื่นให้กับหญิงสาว เขาอยากจะลองดูว่าเมื่อเธอเห็นนามสกุลของเขาแล้วจะยินดีคุยกับเขาดีๆหรือเปล่า
“นามบัตร..” มาริสามองนามบัตรตรงหน้าอย่างนิ่งเฉย ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปรับนามบัตรมาอ่านดู ราเมศยืนลุ้นแต่เธอกลับยื่นนามบัตรใบนั้นส่งคืนให้เขา ใบหน้าก็ยังคงเรียบเฉยไม่บ่งบอกว่าเธอคิดหรือรู้สึกยังไง
“ฉันต้องขอตัวค่ะ ต้องรีบกลับไปทำงาน”
“เดี๋ยวสิครับคุณชื่ออะไรครับ..” ราเมศถามแต่มาริสากับจินตนาก็ก้าวเดินออกไปโดยไม่หันกลับมาสนใจเขาอีก
“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนหัวใจหล่นหาย เธอสวยน่ารักเป็นธรรมชาติ ท่าทางฉลาด แม้ใบหน้าจะนิ่งเฉยดูเย่อหยิ่งแต่ก็น่าค้นหา..” ราเมศยืนพึมพำมองตามหญิงสาวไปจนสุดสายตา เขาเห็นเธอเดินเลี้ยวเข้าไปในอาคารสีฟ้าขาว เขาก็เงยหน้าขึ้นมองป้ายด้านบน “คลินิกรักษ์ทันตกรรม”
(“ทำไมเขารู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนนะ..อยู่ใกล้ๆกับไซต์งานแค่นี้เอง เราต้องได้เจอกันอีกแน่นอน..คนสวย”) ราเมศคิดอย่างมีความหวัง..