ธรรมรัฐ

2174 Words
บ้านของคุณหลวงกษิสิน เป็นบ้านทรงยุโรปโอ่อ่า สมฐานะด้านหน้าประดับไฟสีส้มมีสระน้ำรายล้อม รอบสระน้ำเป็นโต๊ะสำหรับวางอาหารคาวหวานงานเลี้ยงเป็นแบบบุฟเฟ่ต์แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีบริการซึ่งเป็นคนรับใช้ในบ้านคุณหลวงนั่นเองผู้คนชั้นสูงนิยมความสะดวกสบายจึงขาดไม่ได้ที่จะมีสาวใช้คอยรับใช้หรือปรนนิบัติพัดวี ผู้คนในงานเลี้ยงต่างแข่งกันแต่งองค์ทรงเครื่อง เรากลับมาจากสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน ประพาพรกับคุณหลวงเดินเข้าไปในงานที่มากมายด้วยผู้คนมากหน้าหลายตาบ้างกำลังถือแก้วเครื่องดื่มคุยกันอย่างออกรส บ้างก็กำลังเลือกตักอาหารและกับแกล้ม แต่มีหลายคนที่จับจ้องมาที่ประพาพรที่เดินเข้ามาในงาน สวยเด่นกว่าใครอีกทั้งดอกกุหลาบมอญบนลอนผมมันวาวยิ่งสะดุดตาพาให้ใบหน้างามยิ่งงามยิ่งๆ ขึ้นไป หญิงแช่มช้อยคนนึงเดินตรงมายังคุณหลวงกับคุณหญิงเล็กที่คล้องแขนกันเข้ามา “ ต๋ายคุณหญิงเล็ก คุณหญิงเล็กใช่ไหมนั่น ไม่เจอกันเสียนานสวยขึ้นเป็นกองเลยค่ะ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผม แหมถ้ามาคนเดียวคงนึกว่าสาวโสดเป็นแน่ คุณหลวงก็ดูดีสมกันจริงๆ ค่ะ จำฉันได้ไหมคะฉันสายสมรอย่างไรเล่าคะ” ประพาพรยิ้มหวานหยดได้ทีพูดถึงงานแต่งพระราชทาน “อ๋อค่ะ คุณสายสมรไปอยู่ที่ไหนมาไม่ได้เจอกันเสียนานเล็กเพิ่งจะรับพระราชทานน้ำสังข์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ส่งการ์ดเชิญไปก็ไม่เห็นคุณสายสมรมางานพระราชทานสมรส”สายสมรยิ้ม “เพิ่งไปทัวร์ยุโรปมาค่ะ ที่นั่นสวยงามน่าอยู่ เลยอยู่นานไป เพิ่งจะกลับมาได้เมื่อ 2-3 วันพอดีก็มีรับเชิญให้มางานเลี้ยงต้อนรับที่บ้านกษิสิน เจ็ทแล็คน่าดูค่ะแต่ก็อย่างว่าคนเคยๆกันไม่มาก็คงไม่ได้ คุณหญิงเล็กไม่ลองไปเที่ยวยุโรปดูบ้างเหรอคะกลางๆ เดือนสมรว่าจะไปอีก” ประพาพรหน้าเจื่อนด้วยตามไม่ทันกับคำโอ้อวดของสายสมร “เขาว่าที่ยุโรปยังหนาวอยู่เลยใช่ไหมครับคุณสายสมร”คุณหลวงธิตินันท์ถามยิ้มๆ “อ๋อค่ะก็ยังพอมีสวมเสื้อกันหนาวกันอยู่บ้างช่วงนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิถนนหนทางเขียวขจีหิมะละลายไปหมดแล้วดิฉันไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไปเลยต้องไปเดินShopping เลือกเสื้อกันหนาวเสียทั้งวันหมดไปก็หลายตังค์” มุจรินทร์ส่ายหน้าให้กับความโอ้อวดนั้น แต่ประพาพรเหมือนจะเบื่อเต็มทนกับบทสนทนาที่มีแต่คำอวดร่ำอวดรวย “ไว้มีโอกาสกระผมคงต้องรบกวนคุณสายสมรให้เป็นไกด์นำเที่ยวให้เราสองคน”สายสมรยิ้มหวานหยด นึกชื่นชม ความหล่อสมาร์ทของธิตินันท์ไม่น้อย “ตายไม่บังอาจหรอกค่ะสมรเองก็เพิ่งเคยไปมาครั้งแรกแค่ติดใจและอยากไปอีกคุณหญิงอย่าอิจฉาเลยค่ะอย่างคุณหญิงอ่ะไปได้สบายๆ แค่มีเงินสมรยังไม่ต้องมีสามีเลยค่ะ อยู่คนเดียวอยากไปอยากมาก็สบายๆ”ธิตินันท์โค้งให้เบาๆ “ค่ะขอบคุณค่ะแต่คงไม่ละค่ะ” “แล้วนี่พาใครมาด้วยคะน้องสาวหรือเปล่าเอ่ย ตายหน้าตาน่าเอ็นดูแต่ไม่สวยเท่าคุณหญิงเล็กหรอกค่ะ”พูดเอาใจในตอนท้าย “เปล่าค่ะก็แค่เด็กรับใช้ที่ที่คุณพ่อเก็บมาเลี้ยงแล้วอาศัยได้ติดสอยห้อยตามอีกครั้งยังส่งให้เล่าเรียนเห็นแบบนี้สาวใช้ของเล็กอ่านออกเขียนได้ แล้วยังแต่งหน้าทำผมได้ดีที่สุด” ได้ทีโอ้อวดคืนบ้างโดยการอาศัย กดมุจรินทร์ให้ต่ำลงไป “มิน่าล่ะคุณหญิงเล็กจึงดูสวยสะดุดตา จะว่าสวยที่สุดในงานก็ว่าได้แบบนี้คุณหลวงคงจะห่างไม่ได้ในเมื่อมีภรรยาสวยแต่เอ๊ะไว้โอกาสหน้าพี่จะให้เด็กรับใช้ของคุณหญิงช่วยแต่งหน้าทำผมให้บ้างคงไม่หวงใช่ไหมคะ” “ไม่ค่ะเชิญที่บ้านได้ตลอดเวลา นางจิกมีหน้าที่คอยรับใช้เล็กอย่างเดียวส่วนงานอื่นคนที่บ้านของคุณหลวงก็มีออกพะเรอเกวียน” สายสมรเบ้ปากนึกอิจฉาวาสนาของประพาพรที่ได้สามีหล่อเหลาแล้วยังร่ำรวย ในพระนครใครบ้างไม่รู้บ้างคุณพระธนายงพ่อของคุณหลวงธิตินันท์ร่ำรวยแค่ไหนถึงกลับมีไร่นาไปทั่วพระนคร “เล็กขอตัวดีกว่าค่ะคุณสายสมรรู้สึกกระหายน้ำ” ประพาพรตัดบท กระตุกแขนธิตินันท์เข้าไปข้างใน อย่างไม่แคร์สายตาสายสมรนัก มุจรินทร์เดินตามช้าๆ ถือกระเป๋าของประภาพรในมือ งานเลี้ยงหรูหราไม่ต่างจากในละครที่มุจรินทร์เคยเห็นช่วงเวลานี้ ผู้คนที่นี่คงมีความสุขไม่น้อยโดยเฉพาะคนชั้นสูงที่ในแต่ละวันจะต้องรับเชิญไปยังงานเลี้ยงสังสรรค์ผิดกับชนชั้นกลางที่ต้องปากกัดตีนถีบและขวานขวายเพื่อให้ตัวเองมีเงินทองจับจ่ายใช้สอยและขยับชนชั้นของตัวเองขึ้นมาเป็นคนชั้นสูง ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ฐิตินันท์รีบประนมมือไหว้และยังสะกิดให้ประภาพรประนมมือไหว้ “ คุณหลวงธิตินันท์วันนี้พาภรรยามาด้วยจนได้ ก่อนหน้านั้นเคยได้ยินแต่ใครๆ เขาพูดกันว่าคุณหลวงหนุ่มมากความสามารถที่สุดในพระนครมีภรรยาแสนสวยเพิ่งจะมาเห็นกับตาไม่ต่างจากเสียงร่ำลือแม้แต่น้อย” ประภาพรยิ้มหวานดวงตาเป็นประกายซุกหน้ากอดแขนฐิตินันท์ไว้แน่น “ขอรับกระผมคุณหญิงของกระผม ไม่ค่อยได้ไปไหน วันนี้จึงถือว่าเปิดตัวความจริงก็ผมก็ชวนออกบ่อยๆ แต่คุณหญิงไม่ถนัดงานสังคมจะมีก็งานนี้ที่ค่อนไปทางงานเลี้ยงสังสรรค์ไม่ได้มีพิธีรีตองมากมายแล้วกระผมมีความเชื่อว่าสามีภรรยามีความเท่าเทียมกันไม่เคยได้หวงห้ามหากคุณหญิง จะออกงานสังคมเพียงลำพัง”คุณหลวงกษิสินยิ้มอ่อนโยน “บ้านเมืองของเรามีคนหนุ่มไฟแรงที่มีความคิดแตกต่างเช่นนี้นับว่าดีไม่น้อยประเทศชาติจึงจะเจริญ เชิญข้างในครับคุณหลวงเครื่องดื่มและอาหารมากมายมีทั้งอาหารไทยอาหารฝรั่งและอาหารจีนหวังว่าคุณหลวงกับภรรยาจะเพลิดเพลินกับงานเลี้ยง” ธิตินันท์โค้งศีรษะ แล้วล้วงหยิบซองเอกสารสีน้ำตาลยื่นส่งให้คุณหลวงกษิสิน ที่รับเอาแล้วยัดเข้าไปในอกเสื้อ “ขอรับกระผม บางทีผมจะแวะมาจิบน้ำชายามบ่ายที่บ้านคุณอาสักคราเร็วๆ นี้” คุณหลวงกษิสินเอื้อมมือตบที่ไหล่เบาๆ “ยินดีต้อนรับเสมอ” บนเวทีที่ถูกทำขึ้นชั่วคราวโฆษกในงานประกาศเชิญให้คุณธรรมนูญลูกชายของคุณหลวงกษิสินขึ้นไปกล่าวอะไรกับแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย “จิกเดินไปกับฉันไปช่วยกันยกอะไรมาให้คุณหญิงภรรยาฉันที่นี่” มุจรินทร์วางกระเป๋าของประพาพรบนเก้าอี้เหมือนเป็นการจองที่นั่งประพาพรขมวดคิ้ว “ไม่แกจะมานั่งร่วมวงกับพวกเราได้ยังไงนู่นแน่ะแม่จิกแกควรจะไปช่วยเสริฟและช่วยเขาจัดการเรื่องอาหารจะมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเหมือนเป็นแขกคนหนึ่งได้อย่างไร”มุจรินทร์ ถอนหายใจเดิน “จิกก็แค่กลัวว่าจะทำอาหารและเครื่องดื่มเลอะกระเป๋าใบสวยของคุณหญิง” ยกกระเป๋าขึ้นวางบนโต๊ะข้างหน้าประพาพร เดินตามธิตินันท์ไปยังซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม ธิตินันท์ที่จู่ๆ ก็ชะลอฝีเท้าให้เดินข้างมุจรินทร์ “ฉันรู้ว่าคงลำบากไม่น้อยจิก คุณหญิงก็เป็นเสียแบบนี้จิกทนมาตั้งนานต่อไปก็แค่ยอมตามใจคุณหญิงหน่อย” มุจรินทร์ยิ้มเจื่อนๆ ทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจที่ธิตินันท์พูด เขามาพูดเรื่องนี้เพื่ออะไรกันเขาควรจะไม่พูดเพราะจิกเป็นคนของประพาพรอยู่แล้วทนมาได้ตั้งนานก็ควรทนต่อไป หรือว่าพูดเพราะอยากแสดงความเห็นใจ "ค่ะ"รับคำสั้นๆ "เอาแบบนี้ เลือกหยิบของกินกับเครื่องดื่มที่ชอบ แล้วออกไปนั่งรอด้านนอกกินอะไรเสีย จิกคงหิวแย่แล้ว"มุจรินทร์ยิ้มเจื่อนๆ "แล้วถ้าคุณหญิงเรียกใช้เล่าค่ะ" ธิตินันท์หยิบอาหารวางบนจานสองสามอย่างส่งให้มุจรินทร์ด้วยท่าทีเรียบเฉยไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ “คุณหญิงภรรยาฉันคงเพลิดเพลินกับงานเลี้ยง และฉันจะบอกคุณหญิงเองว่าจิกเข้าไปช่วยงานในครัว” ใจดีแปลกๆ มุจรินทร์สงสัยแต่เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉย ก็เลยพาลให้คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก ก้าวเดินออกจากงานพร้อมเครื่องดื่มสีแดงสวยคงเป็นน้ำหวานกลิ่นสละหรือสตอเบอรรี่ ข้างนอกที่เป็นพื้นกรวดข้างลานจอดรถกว้างขวาง มีม้านั่งจากท่อนไม้มหึมา บ่งบอกรสนิยมของเจ้าของบ้านว่านิยมงานไม้ มุจรินทร์วางจานของกินลงบนขอนไม้แสงไฟสลัวสีเหลืองทองพอให้ไม่มืดจนเกินไป ใช้มือหยิบอาหารสองสามอย่างที่เป็นของทอดเข้าปาก มื้อแรกในปี2473 พ่อกับแม่คงห่วงมุจรินทร์ไม่น้อยป่านนี้ยังไม่กลับบ้านการเรียกร้องของนักศึกษาเริ่มเป็นรูปธรรมชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มุจรินทร์ดื้อรั้นไม่ยอมฟังพ่อที่วันๆ เอาแต่บ่นด่า ว่าให้ไปเรียนไม่ได้ให้ไปเรียกร้องอะไร นานวันเข้าพ่อก็คงระอา เมื่อเห็นว่าพูดไปก็ไม่มีประโยชน์มุจรินทร์ก็ยังไปทุกครั้งที่มีการชุมนุม น้ำตาร่วงพล่อยเมื่อคิดว่าป่านนี้พ่อกับแม่จะห่วงแค่ไหนหรือบางทีตามที่เคยอ่านนิยายมาร่างของมุจรินทร์ที่กำลังเรียกร้องอยู่อาจตายไปแล้ว และมาเข้าร่างของจิกแทน “นี่แม่คุณมานั่งทำอะไรที่นี่คนเดียวไม่เห็นรึว่าเขาสนุกสนานกัน ในงานเขากำลังจะเต้นรำ กันวันนี้มีลีลาศจะมานั่งอมทุกข์ทำไม” จิกหันไปมองร่างสูงโปร่งที่ผอมไปนิดยืนมองจิกจากทางด้านหลัง “เธอ เป็นใครนามสกุลว่าอย่างไรกัน ฉันไม่เคยได้คุ้นหน้าเธอ” ใบหน้าขาวที่ไม่ได้มีท่าทีว่าคบไม่ได้ยังพูดเจื้อยแจ้ว คุณธรรมรัฐลูกชายคนรองของบ้านกษิสินนั่นเองหากคะเนอายุคร่าวๆ คงเท่าๆ กับมุจรินทร์ “แล้วนายเล่าลูกบ้านไหนนามสกุลว่าอย่างไร” มุจินทร์ที่กำลังเศร้าๆ เปลี่ยนเป็นอารมณ์โกรธที่อีกคนถามไถ่ถึงพ่อแม่นามสกุลอย่างไร้มารยาท ธรรมรัฐอมยิ้มใบหน้าซีดขาวก็น่ามองเมื่อยิ้มเต็มบรรทัดขนาดนั้น “ฉัน นามสกุลประโยชน์การชื่อธรรมรัฐคงไม่ต้องบอกนะว่าลูกบ้านไหน ถึงคราวเธอต้องบอกบ้างแล้ว”เอาซี้อยากรู้ก็จะบอกแล้วอย่างงไปล่ะ “ฉันชื่อมุจรินทร์ นามสกุลศิริธนารมณ์” หารู้ไม่ว่านี่คือมุกจีบหญิงของหนุ่มพระนครในสมัยนั้นถ้าเจอสาวสวยถูกใจ จะอวดนามสกุลและลงท้ายด้วยการอยากรู้จักชื่อและบ้านเผื่อว่าจะได้แวะเวียนไปหา คิ้วดกขมวดเข้าหากัน “อยู่ฝั่งธนบุรีดอกหรือ”มุจรินทร์ยิ้ม “ฉันอยู่บางประกง” หยิบของกินเข้าปากไม่มีท่าทีเนียมอายเหมือนหญิงยุคก่อน “ว่าแล้วเชียวไม่คุ้นแต่ช่างเถอะ เรามาพบกันแบบนี้แสดงว่าเธอพอจะรู้จักกับบ้านฉันอยู่บ้าง ไว้ฉันถามเจ้าคุณพ่อว่านามสกุลนี้อยู่กันแถบไหนจะได้แวะเยี่ยมเยือนแสดงความขอบคุณที่มาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับพี่มนูญ” มองตาม ของกินชิ้นสุดท้ายที่มุจรินทร์หยิบเข้าปากพร้อมกับดื่มน้ำหวานสีแดงลงคอ ธรรมรัฐยิ้มแบบเห็นขำผู้หญิงทั่วไปในพระนครนี้มักจะถือตัวไว้ตัวไม่กินไปคุยไปเหมือนมุจรินทร์สักคน ก้มลงโค้งคำนับมุจรินทร์ “อิ่มแล้วใช่ไหม เพลงขึ้นแล้วฉันอยากเต้นรำกับคุณมุจรินทร์” ยื่นมือมาคว้ามือมุจรินทร์เข้าไปในงานทันที ไม่สนใจว่าอีกคนยกมือขึ้นเช็ดปาก และกำลังจะพูดปฏิเสธ ธราดลที่ก้าวเข้ามาในงานในชุดสูทรีดเรียบสีขาวขมวดคิ้วเมื่อเห็นเพียงด้านหลังของมุจรินทร์และจำได้ทันที “กล้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ มาพลอดรักกับหนุ่มน้อยข้างนอกนี่” ก้าวเดินฉับๆ เข้าไปในงานสาวน้อยสาวใหญ่ต่างชม้ายชายตาเมื่อเห็นท่าเดินที่บอกยี่ห้อว่าเป็นนักเรียนนอกอีกทั้งเสื้อผ้าหน้าผมที่ดูดีกว่าหนุ่มๆ ในพระนครทั่วไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD