“ทำไมฉันถึงร้อนแบบนี้ อ่ะ! อือ!"
กิ่งมณีบิดตัวไปมาด้วยความอึดอัดและร้อนในช่องท้อง มันเหมือนคืนนั้น เหมือนคืนที่ได้อยู่กับขุนพิทักษ์ แล้วหล่อนก็เบิกตากว้าง เมื่อคนตัวใหญ่ผละห่างปลดกระดุมถอดเสื้ออก มือเล็กที่อ่อนแรงก็กลับมามีเรี่ยวแรงทันที เมื่อได้เห็นแผงอกของบุรุษแข้งแรง
“อูว์! แม่เจ้า! เพอร์เฟกต์อีกแล้ว”
หล่อนแพ้อีกครั้ง เหมือนครั้งที่แล้วหล่อนหลงใหลกล้ามเนื้อแข็งแรงของบุรุษผู้นี้เหลือเกิน ผิวสีแทนที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของคนสุขภาพดี มือเล็กอ่อนแรงยกขึ้นลูบไล้หน้าอกของชายหนุ่มด้วยความเผลอไผล ร่างที่นอนราบก็ขยับลุกขึ้นนั่งลูบไล้แผงอกแล้วที่ทำให้ขุนพิทักษ์ยิ้มขำคือเจ้าหล่อนเอาหน้าแนบอิงถูไถกับหน้าอกของเขาพร้อมกับมือลูบไล้เล่นไปมา
“หื่นน้อยเอ๊ย! พี่รู้แล้วว่าเวลาเราพยศพี่จะทำยังไง หึหึ”
**เอ่ยอย่างชอบใจ พลางโอบรัดร่างน้อยแนบแน่นเบียดกลืนกินกับร่างตน ทรวงงามบดเบียดแนบถูไปกับร่างใหญ่จนทำให้ส่วนขยายตัวได้ตื่นตัวพร้อมทำหน้าที่ หรือที่เจ้าหล่อนตั้งฉายาให้มันว่า ***“ปลิงทะเล”*
นั้นเอง
ตอนนี้กิ่งมณีไม่ได้สนใจคำพูดหรือสนใจร่างกายตัวเองเลยว่าตนเองนั้นกำลังเปลือยท่อนบนอยู่ หล่อนโอบกอดขุนพิทักษ์ตอบแล้วลูบไล้แผ่นหลังกว้างผิวสีแทนไปมา
“หุ่นแซ่บมากเลยพ่อคุณ...อ่า” หล่อนชื่นชมดวงตาสวยเก็บความประทับใจไม่ได้เลย มันส่องประกายระยิบระยับ กิ่งมณีผละห่างจากร่างใหญ่มาจ้องมองหน้าอกกำยำอีกครั้ง
“อ่า! อย่าเล่นตรงนี้กิ่ง” เขาคำรามพร่าพร้อมจับมือเล็กให้หยุดการกระทำ ก็เธอเล่นเอานิ้วคลึงยอดอกสีกาแฟของเขาน่ะสิ
“มันใหญ่กว่าของฉันอีกนะคุณ ว้าย!" แล้วก็ต้องร้องตกใจเอามือปิดหน้าอกของตน เพราะหล่อนเพิ่งนึกได้ว่าตนนั้นก็เปลือยเหมือนกันกับอีกฝ่าย
“เลว! ฉันเกลียดคุณ” เมื่อสติกลับมาหล่อนก็กลับมาเป็นม้าพยศเหมือนเดิม
“ไม่ใช่มั้ง เมื่อกี้ใครกันนะทำแบบนี้กับพี่”ไม่ใช่แค่พูดเฉย ๆ แต่เขายังยกมือขึ้นไปทาบทับมือที่ปิดกุมหน้าอกของตนไว้แล้วนวดคลึงไปมา แม้ว่าจะมีมือของเธอปิดกั้นมือของเขาก็ตาม
กิ่งมณีอยากห้ามแต่หล่อนรู้สึกดีและสบายเมื่อถูกมือใหญ่นวดคลึงเต้าของตนผ่านมือตัวเอง ใบหน้าสวยเหม่อลอยเคลิบเคลิ้มไปกับความวาบหวิวที่ชายหนุ่มส่งยื่นให้ ปากน้อยครวญครางพร่าออกมา
“อ่ะ! อ่า! อื้อ!"
"หึหึ"
ขุนพิทักษ์ชอบเหลือเกินเวลาที่สาวเจ้าเอนเอียงไปกับตน เข้าเคลื่อนกายเข้าไปใกล้เธอกว่าเดิม ใบหน้าหล่ออยู่ห่างจากใบหน้าสวยเพียงแค่ลมหายใจรดใบหน้า
“พ่อขุนก็เหมือนลูกชายน้าไม่ต้องมากพิธีหรอกจ้ะ แค่นี้นะจ๊ะ”
“ครับ”
วางสายเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป้ากางเกงพลางคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในตึกด้วยใบหน้าเรียบนิ่งเหมือนปกติ ทั้ง ๆ ที่ในหัวนั้นมีเรื่องราวมากมายให้ขบคิด
“มันอะไรกันกิ่ง ขิตงงไปหมดแล้ว” ลิขิตด้วยความมึนงง
ไม่เข้าใจทำไมกิ่งมณีถึงได้ลากตัวเองออกมาแบบปัจจุบันทันด่วนแบบนี้
“เราขอโทษขิต ว่าแต่ไม่ยุ่งใช่ไหม”
“ไม่ยุ่งแล้ว ตอนนี้ว่าง แต่ขิตไม่เข้าใจ”
“คือจะบอกยังไงดี คือกิ่งโดนโรคจิตตามน่ะ พอดีเขาตามมากิ่งกลัวเลยลากขิตขึ้นรถออกมาด้วยนี่ไง” หล่อนไม่ได้โกหกแค่พูดความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง
“ไปแจ้งความรึยังกิ่ง แบบนี้...”
“เดี๋ยวก่อนขิตแม่กิ่งโทร.มาน่ะ ขอรับสายก่อนนะ ว่ายังไงคะ คุณเกดคนสวยของลูก” หล่อนทักคนในสายทันทีเมื่อกดรับสาย
“เย็นนี้มาทานข้าวบ้านนะลูก ยกเลิกทุกนัด นี่คือคำสั่ง”
“กิ่งนัดกับยัยแอลแล้วนะคะแม่”
“บอกหนูแอลว่าเป็นวันหลัง วันนี้ที่บ้านเรามีแขกจ้ะ พ่อขุนจะมาทานข้าวด้วยที่บ้าน”
“อีกแล้วเหรอคะแม่ อะไรก็ไอ้...คุณขุนพิทักษ์ ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับลูกเลยนะคะแม่เกด”
หล่อนอยากจะบ้าตาย จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะมันคือคำสั่งของคุณกานดาเขาแหละ ยังไงก็ต้องไป ถ้าไม่ไปตายแน่ ๆ ชีวิตที่สุขสบายอยู่คอนโดฯ ก็จะไม่มี เพราะคุณนายท่านจะสั่งให้ย้ายกลับมาอยู่บ้าน ซึ่งหล่อนยอมไม่ได้แน่ ๆ
“เจอกันที่บ้านลูกสาวแม่”
“ค่ะ” แล้วเธอก็ตัดสายไป “คือ...ขิต เดี๋ยวกิ่งขับรถกลับไปส่งเอารถนะ พอดีว่ากิ่งต้องกลับบ้านน่ะ วันนี้ไม่ได้ไปไหนแล้วแหละ”
“ไม่เป็นไร ไหน ๆ ก็มาด้วยกันแล้วขิตขอไปบ้านกิ่งด้วยได้ไหม ไม่ได้เจอแม่กิ่งนานมากแล้ว”
“คือ...”
“ถ้าไม่สะดวกก็ไม่เป็นไรกิ่ง” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคิดนานเขาเลยเอ่ยตัดประโยคความของหล่อน
“ได้สิ งั้นไปบ้านกิ่งเลย ไหน ๆ ก็เจอกันแล้วเนาะ กินข้าวด้วยกันดีกว่า กิ่งมีเรื่องอยากถามและเมาท์กับขิตเยอะเลย” หล่อนยิ้มหวานให้อีกฝ่ายแล้วตั้งใจขับรถมองถนนเบื้องหน้า ถึงบ้านค่อยโทร.บอกกีรณาว่าตนไปไม่ได้แล้ววันนี้
เมื่อมาถึงบ้านก็โทร.ไปบอกว่าตนไม่ได้ไปตามที่นัดแล้ววันนี้
คือหล่อนได้เทกีรณาแล้วในวันนี้ และดูเหมือนว่าเพื่อน ๆ ทุกคนจะเทเพื่อนรักของเธอด้วยเช่นกัน หล่อนยิ้มขำจ้องมองจอโทรศัพท์ที่เพิ่งกดวาวงไปแล้วเปิดประตูรถลงจากรถไปพร้อมกับลิขิต