“อย่าท้าทายพี่”
เงียบ!
มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาและเสียงหัวใจที่เต้นสั่นระรัวราวกับกลองรัวไม่มีผิดในตอนนี้ ขุนพิทักษ์ก้าวเดินมาหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของสาวเจ้าพร้อมกระชากดึงแฟ้มเอกสารที่เจ้าหล่อนเพิ่งดึงมาดูก่อนเขาจะเดินมาถึงออก
กิ่งมณีเป็นผู้หญิงไม่ชอบโวยวาย เมื่อถูกกระชากแฟ้มไปหล่อนก็ทำได้แค่เพียงแหงนมองคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง แต่ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา เพราะภายในของหล่อนเจ็บและฝืนทนเหลือเกินกับความจริงที่ตนรู้ก่อนหน้านั้น
“เป็นใบ้เหรอ? ทำไมไม่พูด?”
คนนิ่งขรึมเริ่มจะสุดทนกับความเฉยชาและเงียบของอีกฝ่ายเต็มทนเสียแล้ว อยากดึงมาบดจูบสั่งสอนเหลือเกิน เขารึคิดถึงกินไม่ได้นอนไม่หลับตั้งหลายวันที่ไม่ได้เจอหน้าเธอ แต่พอกลับมากลับได้รับความเย็นชาและเมินเฉยแบบนี้ มันใช่เรื่องที่ต้องมาเสียเวลาใช้อารมณ์ด้วยไหม
เงียบ!
หล่อนไม่ตอบอีกเช่นเคย
ฮึ! จะให้ตอบเรื่องอะไรกัน ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
หล่อนค้อนแขวะชายหนุ่มในใจ แล้วลุกขึ้นเก็บข้าวของใส่กระเป๋าจะออกไปข้างนอก
“มันจะมากไปแล้วนะกิ่ง! พี่ถามและพูดด้วยกิ่งทำไมไม่ตอบพี่ อีกอย่างจะไปไหน?” มือใหญ่คว้าข้อมือเล็กที่เดินก้าวผ่านตนไว้ พร้อมกับออกแรงบีบข้อมือหล่อนแรง ๆ ให้รู้สึกเจ็บ
ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ เจ็บข้อมือไม่เท่าไร แต่สิ่งที่เจ็บกว่าคือหัวใจ ดวงตาคู่สวยหม่นเศร้าจ้องมองมือข้อมือของตนก่อนจะสะบัดแรง ๆ ให้หลุด แต่ก็ไม่หลุดจนต้องเปิดปากพูดออกมา
“ปล่อยค่ะ”
"หึหึ"
ขุนพิทักษ์ขำยิ้มมุมปากแล้วทำตรงข้ามกับคำสั่งของกิ่งมณี มือใหญ่กระตุกดึงรั้งร่างบางเข้ามากอดแนบแน่น ปลายจมูกโด่งซุกไซ้ซอกคอระหงอย่างถือวิสาสะ
“อื้อ! อย่าทำแบบนี้กับฉัน” หล่อนผลักร่างใหญ่ออกห่าง
ขุนพิทักษ์ยอมคลายกอดของตนปล่อยเธอออกห่าง แต่ก็ยังคงฉุดรั้งจ้อมือเล็กไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเดินหนีตน
“ทำไม? รังเกียจพี่ขนาดนั้นเชียวเหรอ”
“ใช่! รังเกียจ และเกลียดมากด้วย เลิกทำแบบนี้กับฉันสักทีเถอะ ลูกเมียก็มีแล้ว ไม่รู้สึกผิดบาปในใจรึไงกัน สนุกมากเหรอที่มาปั่นหัวฉันน่ะ” สุดจะทนจะกลั้นแล้ว หล่อนจึงพรั่งพรูความอึดอัดออกมาให้หมด เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคนตัวโตจะโตอบปฏิเสธออกมายังไง
“หึหึ หึงเหรอ หรือว่าหวงที่เป็นแบบนี้” แทนที่เขาจะโกรธ ๆ ไม่พอใจ แต่เขากลับขำคนตัวเล็ก เขาชอบที่กิ่งมณีเป็นแบบนี้ มันยิ่งทำให้หลงในตัวเธอ
“จะบ้ารึไง ใครเขาจะไปหึงไปหวงสามีคนอื่น”
หล่อนไม่ชอบเลยที่เขายิ้มมุมปากเหมือนตอนนี้ และแววตาที่เฉยชาก็แปรเปลี่ยนมีชีวิตชีวา ตั้งแต่เมื่อไรกันที่แววตาเขาดูสดใส ไม่หม่นหมอง หรือจะตั้งแต่คราที่ภรรยากับลูกสาวของเขามาหากันแน่
“จะสามีคนอื่นได้ยังไงกัน พี่เป็นของกิ่งคนเดียวเท่านั้นนะ หรือว่าจำไม่ได้แล้ว” มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้แก้มนวลเนียนที่เอียงหลบตาตน
มือเล็กปัดมือใหญ่ออกจากแก้ม แต่มือใหญ่ก็คว้าหมับและดึงมาลูบไล้แก้มสากของเขาแทน
“ปล่อยนะ” สั่งน้ำเสียงแผ่วเบา
“พี่ว่าเราควรคุยกันให้รู้เรื่องนะกิ่ง”
“ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับของของคนอื่น ปล่อยได้แล้วฉันต้องไปที่อื่นต่อ” พยายามดึงมือตนออกจากมือใหญ่ แต่ก็เสียแรงเปล่า
“จะไปหาผัวใหม่น่ะเหรอ ฝันไปเถอะ ผัวคนนี้ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วจะไปหาใหม่ทำไม อีกอย่างหาใหม่คงยากหน่อยนะ นมก็ไม่มี หน้าก็ไม่สวย แต่สำหรับพี่ กิ่งสวยที่ใจน่ะ หน้าตาดีไปก็เท่านั้นแหละ”
หนุ่มใหญ่ไม่รู้จะพูดยังไง เขาไม่เคยจีบใครเลย แต่ต้องมาจีบ
“เมีย!"
เมียที่เขาปรารถนาและต้องการทุกคืนวันที่ไกลห่าง และตอนนี้เขาก็ต้องการความเป็นขุนพิทักษ์ได้ตื่นตัวขึ้นมาเสียแล้ว หรือจะเรียกง่าย ๆ คือปลิงทะเลน้ำลึกของเขาเริ่มขยับร้าวหนึบกลางหว่างขาเสียแล้วสิ
“คนบ้า...” หล่อนว่าเสียงเบา เพราะหล่อนเขิน แม้ว่าต้นประโยคจะทำให้เคืองใจแต่ท้ายประโยคมันทำให้หล่อนระทวย เกิดมาไม่เคยโดนจีบ พอโดนจีบก็โดนแบบไม่เหมือนใคร แต่สำหรับหล่อนมันทำให้เขินม้วนอายได้ แต่ก็ต้องแสร้งตีหน้านิ่งแล้วพูดต่อ
“คุณไม่ใช่ของฉัน เพราะคุณมีเจ้าของแล้ว”
“นี่ไง! ไม่ถามอะไรชอบคิดไปเอง พี่ก็บอกแล้วว่าจะพูดกับเรา อย่าให้เพื่อนมาพูดแทน โตแล้วนะ อายุเยอะแล้วไม่ใช่เด็กที่อะไรจะต้องพ่อแม่หรือเพื่อน ต้องหัดพึ่งตัวเองบ้าง มีผัวแล้วด้วยจะทำตัวเหมือนเด็กอีกไม่ได้นะ”
อยากสั่งสอนคนดื้อนัก มีอะไรน่าจะไม่ถาม ทำไมต้องส่งเพื่อนมาด้วย เขาพร้อมตอบเธอทุกคำถามและทุกเรื่อง เพียงแค่คำถามทุกคำถามออกจากปากเล็ก ๆ ของเจ้าหล่อน
“ได้ งั้นก็ปล่อยก่อนสิ จะคุย จะถาม และจะถามทุกเรื่องที่มาคุอยู่ในอกของฉัน” หล่อนใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ทุบอกตนแรง ๆ “พร้อมตอบ ถามมาเลย”