ราเมธอมยิ้มกับกิริยาของเธอ คราแรกเขาแค่เห็นเธอเอาแต่ก้มหน้า เลยพูดแหย่ยั่วให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองเขาพูดบ้าง ก็แค่นั้นเอง
“จะไปไหน ยังไปไหนไม่ได้ พี่ยังไม่อนุญาต” เขาพูดเสียงวางอำนาจเต็มที่เมื่อเห็นว่าเธอกำลังจะเดินหนี แต่เธอยังไม่หยุด เขาเลยตามมากระชากร่างบางจนร่างน้อยเซไปปะทะกับอกกว้าง ไม่นานเธอก็ตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ปล่อยนะคนบ้า ไม่ต้องมาสั่ง ไม่ทำ ไม่ทำ ไม่ทำอะไรทั้งนั้น” หญิงสาวเถียงอย่างไม่ยอมแพ้
“ก็คอยดูไปว่าจะทำหรือไม่ทำ อย่ามาอวดดีกับพี่” ราเมธพูดอย่างเหลืออด อารมณ์อยากแหย่หายไปหมดสิ้น เขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“ต่อไปนี้จะทำอะไรต้องคิดถึงหน้าพี่บ้าง จะควงกับผู้ชายคนไหนก็ให้คิดว่าตัวเองมีคู่หมั้นอยู่แล้ว วายเป็นคู่หมั้นของพี่ต้องสำนึกเอาไว้ ถ้าเรายังเป็นคู่หมั้นกันอยู่ก็ช่วยรักษาหน้าพี่ไว้บ้าง แล้วไอ้เรื่องเที่ยวกลางคืน พี่ขอสั่งห้ามเด็ดขาดเป็นผู้หญิงออกไปเที่ยวกลางคืนได้อย่างไรกัน มันไม่ดีเข้าใจไหม” ราเมธสั่งเสียงเข้ม รั้งร่างบางให้เดินไปที่โต๊ะทำงาน ซึ่งเคยเป็นสมรภูมิรักของเขาและเธอเมื่อสักครู่
“ทำไมต้องมาห้ามโน่น ห้ามนี่ วายไม่กลัวพี่รามหรอก ไม่ต้องมาสั่งมาข่มขู่กันเลย คนเผด็จการ” หญิงสาวเถียงไม่ลดละ นิสัยที่ไม่เคยยอมแพ้ใครของเธอแสดงออกมาอีกครั้ง
ราเมธไม่สนใจประโยคแง่งอนของเธอ...
“คุณรัชนีเข้ามานี่หน่อย” ชายหนุ่มกดเครื่องติดต่อถึงเลขา ไม่ถึงนาทีเลขาที่วาโยเจอตอนเข้ามาในห้องทำงานของ
ราเมธก็เข้ามายืนอยู่ข้างๆ โต๊ะ ในขณะที่เธอพยายามผลักไสราเมธแต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อเขายังกอดเธอเอาไว้แน่นต่อหน้าเลขาของเขา แถมยังทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อีกแน่ะ
“เอาเอกสารที่ผมสั่งมาให้คุณวาโยทั้งหมดนะครับ” รัชนีเลขาของราเมธรีบเอาเอกสารที่เจ้านายหนุ่มสั่งเข้ามาให้เขาอย่างรวดเร็วทันใจโดยไม่ต้องให้รอนาน
วาโยอยากจะบ้าตายเสียจริงๆ เมื่อราเมธให้เลขาขนเอกสารมาให้เธอจนเต็มโต๊ะไปหมด แถมยังให้เธอกลับไปอ่านเป็นการบ้านเสียอีก บอกว่าพรุ่งนี้จะสอบถามความคืบหน้าว่าเธอสนใจงานแค่ไหน ถ้าเธอตอบไม่ได้เขาจะทำโทษเธออย่างหนัก เธอไม่ใช่พวกอัจฉริยะนะจะบ้าหรือไง เล่นให้อ่านแฟ้มหมดนี่ ได้ช็อกตายคาแฟ้มกันพอดี เรื่องอะไรเธอจะต้องทำตามเขาด้วย หญิงสาวคิดในใจอย่างไม่ยอมแพ้ แอบเถียงเขาอยู่ในใจและต่อต้านอย่างไม่คิดก้มหัวให้ แต่ไม่พูดออกมา กลัวเขาจะทำมิดีมิร้ายกับเธออีก
“วันนี้กลับไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาเริ่มทำงาน” ราเมธปล่อยแขนคู่หมั้นสาว ก่อนเดินไปนั่งทำงานที่โต๊ะตัวเดิมเก็บเอกสารที่หล่นจากพื้นขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะดังเดิม และไม่สนใจเธออีกเลย
วาโยย่นจมูกใส่คู่หมั้นหนุ่มอย่างหมั่นไส้ก่อนจะกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้อง รัชนีซึ่งเป็นเลขาของราเมธรีบหอบแฟ้มวิ่งตามไปใส่ท้ายรถให้หญิงสาว ราเมธมองตามร่างบางที่ออกจากประตูไปแล้วลูบหน้าตัวเองแรงๆ เขาหวนนึกถึงอดีต
‘น้องวาย’ ราเมธเรียกชื่อคู่หมั้นแสนสวย นึกไปถึงเมื่อสมัยเด็กๆ ก่อนที่เธอจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก เธอติดเขามากกว่าพี่ชายแท้ๆ เสียอีก
‘พี่รามสัญญานะคะ ว่าจะรอน้องวาย’ ราเมธนึกถึงคำพูดของเด็กสาวที่เคยขอเขาก่อนไปเมืองนอก
‘พี่สัญญา’ ราเมธที่ขณะนั้นเริ่มเป็นหนุ่มน้อยเกี่ยวก้อยสัญญากับคู่หมั้นตัวน้อย แต่เมื่อเธอไปเรียนต่อ เหตุใดกลับมาถึงได้เป็นเช่นนี้กันคำสัญญาที่เธอเคยเอ่ยมันออกมาไม่มีความหมายเลยหรืออย่างไรกัน
วาโยเปิดประตูรถอย่างแรงด้วยความโมโหที่ทำอะไรเขาไม่ได้เลย
“บ้าที่สุด” หญิงสาวได้แต่ก่นด่าในรถยนต์ส่วนตัวเมื่อกระแทกร่างบางเข้าไปนั่งในที่คนขับ โดยไม่กลัวว่าจะเจ็บ เพราะตอนนี้เธอเจ็บใจมากกว่า ถึงจะด่าเขามากแค่ไหนแต่หาทำอะไรเขาได้ไม่
“แล้วจะให้ทำยังไงล่ะนี่ บ้าหรือยังไง จะให้อ่านเข้าไปหมด ไม่อ่าน ไม่ทำอะไรทั้งนั้น คอยดูเถอะว่าจะทำอะไรคนอย่างเธอได้ คนบ้า เผด็จการ โรคจิต” หญิงสาวบ่นอุบ กระชากรถขับออกจากลานจอดรถของบริษัทด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน
พอกลับถึงบ้าน หน้าตาบูดบึ้งของบุตรสาวทำให้คุณวีรยุทธ์ต้องเอ่ยถาม “เป็นอะไรลูกวาย อารมณ์ถึงได้ไม่ดี”
“จะให้เป็นอะไรอีกล่ะคะ ก็พี่รามจอมวางอำนาจ ให้หนูอ่านแฟ้มงานอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด หนูได้ตายก่อนแน่เลย แค่แฟ้มเดียวก็ตาลายแล้วค่ะ” หญิงสาวบ่นกับบิดาอย่างหงุดหงิด ทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดแรง
“ไปว่าพี่เขาทำไมลูก ดีแล้ว...หนูจะได้ศึกษางาน ราเมธคู่หมั้นของเราน่ะเขาเก่ง เราต้องเรียนรู้งานกับเขาให้มากๆ รู้ไหม ต่อไปจะได้ช่วยกันบริหาร” วาโยมองบิดาอย่างขัดใจ พูดถึงราเมธทีไรก็เห็นดีเห็นงามไปเสียทั้งหมด จะรู้ไหมว่าเขาน่ะลวนลามเธอในห้องทำงาน
“คุณพ่อขา...ยกเลิกเถอะค่ะ อย่าให้หนูไปทำงานกับเขาเลย” หญิงสาวเข้าไปออดอ้อนผู้เป็นบิดา กอดแขนเขย่าเบาๆ ตามความเคยชิน เมื่อต้องการหรืออยากได้อะไรจากบิดาก็จะออดอ้อนแบบนี้เป็นประจำ
“ถ้าหนูทำแค่นี้ไม่ได้ พ่อจะไม่ยกอะไรให้หนูเลย ยกให้ราเมธให้หมด มีลูกก็ไม่ได้เรื่องสักคนเดียว” หญิงสาวอึ้งไปทันทีที่ได้ยินบิดาพูดเช่นนั้น นี่ราเมธสำคัญขนาดนี้เชียวหรือ บิดาถึงอยากยกทรัพย์สมบัติและตัวเธอให้ คิดแล้วมันน่าน้อยใจนัก
“คุณพ่อ!!!” หญิงสาวขัดใจอย่างที่สุด
“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พรุ่งนี้เตรียมตัวไปทำงาน” วีรยุทธ์ออกคำสั่งกับบุตรสาวคนเดียวแล้วเดินจากไปทิ้งให้หญิงสาวหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่คนเดียว
วายุแสดงสีหน้าเซ็งจัดเมื่อบิดาจะให้คู่หมั้นแสนจืดชืดมาทำงานกับเขาด้วย แถมยังจะต้องทำงานทั้งหมดแทนบิดา ถึงเขาจะไม่เคยทำงานแต่ก็ไม่เคยละทิ้งความสนใจในเรื่องธุรกิจของบิดา ดังนั้นเมื่อเข้ามาทำงานแทนบิดาจึงไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะคนสนิทของท่านคือวิชิต คอยให้ความช่วยเหลืออยู่ตลอดในปัญหาที่เขาสงสัย บิดาก็ยังไม่วางมือเสียทั้งหมด วายุจึงปวดหัวน้อยลง
ร่างบางของคู่หมั้นสาวนามว่ารามาวดีก้าวเข้ามายืนนิ่งหน้าโต๊ะทำงานของเขา วายุเอนกายพิงพนักเก้าอี้ทอดสายตามองคู่หมั้นหน้าหวานที่บิดาชื่นชมหนักหนา ขณะนี้เธอกำลังยืนสงบนิ่งอยู่เบื้องหน้า
“นั่งสิ” เขาออกคำสั่งมากกว่าจะเชิญนั่ง รามาวดีนั่งตามคำสั่ง รู้สึกเกร็งๆ อยู่มาก วายุกวาดสายตามองใบหน้าเรียวรูปไข่ เค้าโครงหน้าคล้ายราเมธเพื่อนรักคนละขั้วของเขาโดยสิ้นเชิง ก่อนที่หญิงสาวจะทรุดนั่งตรงกันข้ามกับเขา วายุใช้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในเรื่องผู้หญิงมองสำรวจร่างอรชรอย่างรวดเร็ว
ร่างโปร่งบางที่ดูยังไงก็เต็มไม้เต็มมือถ้าได้สัมผัส ผิวขาวตัดกับเสื้อสีดำรัดรูปทันสมัย ใบหน้าของเธอหมดจด
ริมฝีปากเป็นกระจับรับกับจมูก แก้มแดงระเรื่อตกแต่งบางเบา ต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยควงอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มคิดถึงคำพูดที่เคยพูดกับบิดาในตอนแรกว่าเธอช่างจืดชืดนั้นหายไปโดยสิ้นเชิง คู่หมั้นของเขาก็น่าสนใจอยู่ไม่น้อย วายุขยับร่างลุกขึ้นมาค้ำข้อมือบนโต๊ะทำงานอยู่เหนือศีรษะของคู่หมั้นหน้าหวาน เธอพอจะรู้กิตติศัพท์ของเขาอยู่บ้างว่าเขาเจ้าชู้เพียงใด รามาวดีจึงเตรียมป้องกันตัวเองอย่างเต็มที่ เธอลุกหนีตามสัญชาตญาณ
“จะไปไหน” วายุฉุดแขนคู่หมั้นหน้าหวานเอาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะลุกหนีเขาไปได้
“ปล่อยค่ะพี่วา” หญิงสาวเรียกเขาว่า ‘พี่’ เหมือนตอนเด็กๆ ไม่มีผิด
“ทำไมล่ะ เป็นคู่หมั้นกัน จับมือถือแขนแค่นี้ไม่ได้หรือไง” วายุสาวเท้าเข้ามารวบร่างหญิงสาวเอาไว้อย่างรวดเร็ว ด้วยความชำนาญก่อนที่จะหอมแก้มแดงระเรื่อนั้นฟอดใหญ่