ซุ่ยกวนได้ฟังคำบอกเล่าจากหลานสาว ใบหน้าที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายปีผุดรอยยิ้ม ยิ่งรู้จากปากของอาหยวนว่างานมงคลนี้จะเกิดขึ้นในอีกสี่วันข้างหน้า ยิ่งทำให้ซุ่ยกวนตื่นเต้นเอ่ยออกมาว่าควรจะเตรียมอะไรบ้าง พิธีมีอะไรบ้างโดยมีถงอวี้ที่คอยดูแลจินชิงกินข้าวฟังอยู่ห่างๆ
หม่าหย่งเต๋อฟังถึงขั้นตอนการแต่งจนถึงช่วงที่เจ้าบ่าวเข้าห้องหอ เขาฟังไปด้วยความละอายใจที่ก่อเกิดขึ้นมาเป็นระลอกเหมือนคลื่นซัดเข้าหาฝั่งเกิดร่องรอยบนผืนทราย
‘ข้าขอเส้นผมของท่านได้ไหม?’ หญิงสาวไม่พ้นวัยปักปิ่นเอ่ยด้วยเสียงประหม่าตะกุกตะกัก เขาตวัดหน้ามองด้วยความดุดัน เขาไม่ได้เชิญแขกมาร่วมพิธี ไม่มีแม่สื่อหรือแม้แต่เกี้ยวยังไม่ให้เข้าประตูหน้า
‘คะ...คือ ข้าได้ยินมาว่า...’ เขาไม่แม้แต่จะฟัง เมื่อนางอยากได้อะไรก็เอาไป ไหนๆ ตำแหน่งฮูหยินน้อยตระกูลหม่านางก็ได้ไปแล้ว... แค่เส้นผม เขาดึงเส้นผมของตนออกมาเพียงไม่กี่เส้นแบมือส่งให้นาง ถงอวี้ยื่นมือรับมือที่สั่นเทาพร้อมกับดึงเส้นผมของตนเองมาผูกปมเข้ากับเขาและใส่ในถุงผ้าที่ตนได้เตรียมไว้
‘คะ...คนบ้านข้าเชื่อว่าผูกปมผมจะ...จะทำให้สามี...’
“สามีภรรยาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” ซุ่ยกวนเอ่ยออกมาด้วยความเปี่ยมสุข น้ำเสียงกระจ่างใสคงจะมีแต่อาหยวนที่ลอบมองถงอวี้เป็นระยะ นางใจไม่กล้าพอที่จะห้ามผู้เฒ่าซุ่ยหยุดเล่าเรื่องนี้แม้จะมีประโยชน์ต่อตนเองก็ตามที ถงอวี้รับรู้ถึงสายตาของอาหยวนที่กำลังลอบมองตน นางจึงผินหน้ามามองอาหยวนเอ่ยเสียงแกมดุ
“พี่ฟังท่านตาแล้วจดจำให้ดี เป็นเพราะข้าไม่ทำอย่างนั้นไงเล่า พี่สือเป็นชายที่ดีแค่ไม่มีฐานะ ในเมื่อพี่คว้ามาได้แล้วก็อย่าปล่อยให้หลุดมือ ข้าจำเป็นต้องใช้แรงชายร่างบึกบึนผู้นั้นอยู่” หม่าหย่งเต๋อที่ฟังอยู่อดกำหมัดไม่ได้
‘เจ้าทำ! เจ้าโกหก!’
“คุณหนู...” อาหยวนก้มหน้างุดอย่างขวยเขิน
“หึ! ทำเป็นเขินหน้าแดง หลังจากพี่เข้าหอ สิ่งที่พี่ต้องทำก็ทำเสีย แล้วมารายงานด้วยว่าสามีพี่แรงดีแค่ไหน รูปร่างเป็นอย่างไร อุ้ย! แค่คิดยังขนลุก” แน่นอนว่าทั้งท่าทางและคำพูดของนางทำให้ทั้งอาหยวนและ
ซุ่ยกวนหันมามองนางเป็นตาเดียว ไม่แม้แต่วิญญาณชายหนุ่มยังมองด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองเพราะท่าทางนางร่าเริงกับการหยอกเอินอาหยวนยิ่งนัก
“กินข้าว!” ถงอวี้เอ่ยไม่ตอบว่าเหตุใดถึงต้องมารายงานด้วย ก็แหม... เรื่องบนเตียงเป็นเรื่องชวนขำขันและคลายเครียดไม่ใช่หรือทำไมต้องมองนางอย่างแปลกประหลาดด้วย ทำอย่างไม่เคย!
งานแต่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดเลิศหรู มีแขกมาร่วมเป็นสักขีพยานคือคนในหมู่บ้านเพียงเล็กน้อย ไม่มีการจัดงานเลี้ยงสุราอาหารชั้นเลิศเพียงแต่อาหารง่ายๆ พร้อมกับสุรารสแรงบาดคอทว่าความรู้สึกของคนในจวนนั้นก่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ ถงอวี้ไม่ยอมให้ขาดไปแม้แต่พิธีเดียว นางมองพิธีด้วยหัวใจที่อิ่มเอมเปี่ยมล้นด้วยความสุข ภาพบ่าวสาวตรงหน้าส่งผลให้น้ำซึมออกมายังหางตาแต่เมื่อรู้สึกตัวนางรีบปาดน้ำตาเพราะกลัวว่าจะถูกผู้พบเห็นเอ่ยสัพยอกได้ ทุกอากัปกิริยาของนางล้วนอยู่ภายใต้สายตาของหม่าหย่งเต๋อโดยสิ้น
“ท่านป้าของเจ้ามีความสุขแล้วนะ วันนี้เรามากินให้เต็มที่ไปเลยนะชินจิง”
“ขอรับ ข้าจะกินให้ท้องแตกเลย” เด็กน้อยตอบรับหน้าบาน ส่วน
ถงอวิ้นั้นยิ้มไม่หุบ นางในภพนั้นใฝ่ฝันใส่ชุดเจ้าสาว ทำพิธีศักดิ์สิทธิ์ในโบสถ์ สัญญาต่อหน้าบาทหลวงและผู้ที่มาร่วมงานเป็นสักขีพยาน โยนดอกไม้ช่องามให้เพื่อนเจ้าสาว มีงานจัดเลี้ยงที่โรงแรมแล้ว...แล้วเข้าหอแค่คิดใบหน้านางก็พลันแดงก่ำอย่างขวยเขิน แต่แล้วความฝันก็สิ้นสุดเพราะชายแต่ละคนมักรักเผื่อเลือก นางเองก็เลือกมากสุดท้ายตนเองนั้นกลายเป็นสาวสะพรั่งวัยสามสิบต้นๆ เพิ่งได้ศึกษาดูใจกับคนที่มาจีบอย่างจริงจังแต่สุดท้ายดันมาตกน้ำตายสิงร่างสตรีหม้ายหน้าสวยร่างงามแต่เสียดายชีวิตแทนที่จะสุขี สามีดันไม่ต้องการ คิดไปก็อนาถใจเหลือแสน
ความสุขตรงหน้ามาพร้อมกับความทุกข์ใจในอนาคตนี่คือสัจธรรมเพียงแต่จะทุกข์เพราะเรื่องใดเท่านั้น แขกเหรื่อกินดื่มกันพอเป็นพิธีชาวบ้านต่างแยกย้ายกันกลับ ถงอวี้ยังรู้สึกไม่หนำใจนางคว้าสุราที่อาหยวนหมักไว้กอดแนบอกเข้าห้องของตนเองดื่มด่ำสุราดีกรีอ่อนลิ้มรสชาติหวานล้ำที่ไม่ได้ชิมมานาน
น้ำตาค่อยไหลซึมออกมาด้วยอาการเซื่องซึม นางไร้เพื่อน...
ไร้งาน... ไร้เงิน... และที่สำคัญไร้อนาคต... ความคิดในยุคที่ตนจากมาเข้าแทรกในห้วงความคิด ถงอวี้กระดกสุราหมักอึกใหญ่จนหมด นางเมาแล้ว... เมาแล้วจริงๆ คำพูดใดที่อยากพูดนางล้วนหลุดออกมาหมด ทว่าส่วนใหญ่มักจะจับต้นชนปลายไม่ถูก
“เอาชีวิตข้าคืนมา ไอ้คนเฮงซวย!” หม่าหย่งเต๋อที่ยืนดูนางอดหน้าชาไม่ได้ที่ถูกนางชี้หน้าต่อว่าทว่าที่จริงแล้วนางเห็นท่านประธานชีกอผู้ยื่นกุญแจความตายให้ ส่งผลให้นางสูญเสียทุกอย่าง เมื่อได้ระบายอารมณ์นิดหน่อยนางก็ยิ้มหน้าระรื่นด้วยใบหน้าแดงตาเยิ้มจนวิญญาณมองไม่กะพริบตา “พี่หยวน พี่หยวนข้าดีใจกับท่านด้วยนะ.... ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกินบัญชีของข้า”