บทที่3. องค์หญิงไฮโซ

1823 Words
นิ้วเรียวพรมอยู่บนแป้นคีย์บอร์ดอย่างชำนาญ ข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการปรากฏขึ้นตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวนจนน่ากลัวนักลงทุนต่างโยกย้ายเงินลงทุนไปซื้อทองคำเป็นจำนวนมาก จัสมิน ขมวดคิ้วอย่างไม่รู้ตัวเมื่ออ่านข่าวในอินเตอร์เนทจากทั่วทุกมุมโลกเช่นทุกเช้า “มีข่าวระเบิดพลีชีพที่ไหนรึครับคุณจัสมิน” “เอ๋…ระเบิดพลีชีพที่ไหน?” จัสมินเงยหน้ามององครักษ์ร่างยักษ์มีถาดกาแฟและขนมปังปิ้งที่ดูจะไม่เข้ากันกับคนตัวโตเลยสักนิด “ก็คุณจัสมินทำหน้าเครียดนี่ครับ” “ฉันดูข่าวเศรษฐกิจต่างหากละ” จัสมินเบ้ปากพลางเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ เมื่อมองไปด้านหลังกีวอนถึงรู้ว่าไนรายืนอยู่ด้านหลัง ตอนนี้ก็เลยเข้าใจว่าถาดอาหารเช้านั้นเป็นของไนราต่างหาก “มันจะกระทบประเทศของเราด้วยเหรอคะ” ไนราถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มันกระทบไปทั่วโลกนั่นแหละ แต่ขึ้นอยู่กับว่าใครจะมีสติมากกว่ากัน” จัสมินยิ้มพลางยกกาแฟรสเข้มขึ้นจิบแล้วใบหน้าก็คลายกังวลลงทันที “คุณจัสมินนี่ชอบกาแฟดำเป็นชีวิตจิตใจจริงๆ นะครับ” กีวอนอดแซวไม่ได้ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเจอผู้หญิงดื่มกาแฟดำขนาดนี้ “กาแฟอย่างอื่นฉันก็ชอบจ๊ะ” หญิงสาวเอียงคอแล้วยิ้ม “แล้วพวกคุณตื่นมาทำอะไรแต่เช้าเนี่ย แค่กาแฟฉันไปเอาในครัวเองก็ได้” “การตื่นสายเป็นสิ่งไม่เหมาะไม่ควรอยู่แล้ว แต่คุณจัสมินตื่นเช้านี่ค่ะทั่งที่เมื่อคืนก็นอนดึก” ไนราอดเป็นห่วงไม่ได้ “ตอนอยู่ลอนดอนก็เป็นอย่างนี้แหละ ตื่นเช้านี่ซิดีอากาศสดชื่นจะตาย” “แต่ตื่นมาอ่านข่าวเครียดๆ แต่เช้าก็ไม่ดีนะครับ” กีวอนดักคออย่างรู้ทัน “ก็เผื่อจะมีข่าวคนหายบ้างไง” จัสมินยิ้มอย่างมีเลศนัย “น่าแปลกนะ ขนาดหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นยังไม่มีข่าวเลย” “ครับน่าแปลกมาก” กีวอนก้มศีรษะยอมรับความคิดของผู้เป็นนาย ฉันจำได้ดี วันนั้นมีศพกลาดเกลื่อนเต็มไปหมด” หญิงสาวพึมพำออกมาแต่ภาพผู้คนล้มตายไม่ต่ำกว่าสามสิบศพทำให้เธอไม่อาจลืมได้ง่ายๆ จะว่าไปนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นภาพคนตายมากมายต่อหน้า “ครับ...พอย้อนกลับไปดูกลับไม่เหลือร่องลอยอะไรเลย” แม้ว่ากีวอนจะชินชากับสภาพศพทุกรูปแบบแต่ก็อดแปลกใจไม่ได้ที่มีคนจัดการเก็บหลักฐานตรงนั้นเสียเกลี้ยง “คุณจัสมินสงสัยคุณเลโอใช่มั๊ยคะ...เขาเป็นคนไม่ดีหรือเปล่า” ไนราอดหวาดๆ ไม่ได้ ท่านพ่อสอนเสมอว่าเดี๋ยวคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจไม่ควรเชื่อใจใครทั้งสิ้น “เป็นคนดีหรือเปล่าฉันไม่รู้หรอกแต่ที่แน่ๆ จะทำยังไงให้เขาคายความจริงออกมาต่างหาก” จัสมินยิ้มทะเล้นออกมาแล้วลุกขึ้นยืน “ฉันว่าเราเปลี่ยนที่กินกาแฟดีไหม” ซาคีล อัล ดาเร ขยับตัวลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มือใหญ่ทาบที่อกซึ่งมีผ้าพันแผลพันคาดทับตัวของเขาราวกับมัมมี่ แต่ยิ่งเห็นบาดแผลก็อดโมโหไม่ได้และทุกครั้งที่ความโกรธแค้นเต้นริ้วในกระแสเลือดเขาจะต้องเจ็บปวดที่บาดแผลทุกครั้ง “ลุกขึ้นมาทำไมนะเลโอ เดี๋ยวแผลก็เปิดหรอก” จัสมินส่งเสียงดังไปก่อนที่ร่างเพรียวจะก้าวพรวดไปถึง สองมือพยายามจะกดไหล่ให้คนตัวใหญ่ลงนอนแต่เขากลับโบกมือห้ามเสียก่อน ในวินาทีที่จัสมินเงยหน้าขึ้นก็ถูกดวงตาสีควันบุหรี่จ้องมอง ริมฝีปากหยักเหมือนจะคลี่ยิ้มเมื่อปลายจมูกโด่งของชายหนุ่มได้สัมผัสแก้มเนียนเบาๆ “คราวหน้าผมคงต้องมานอนเฝ้า เพื่อว่าคุณจะเอาอะไรจะได้ไม่ลำบากนายของผม” เสียงของกีวอนกับใบหน้าราบเรียบไร้ความรู้สึกทำให้จัสมินรีบผละออกมายืนห่างๆ หญิงสาวแปลกใจตัวเองที่จิตใจสั่นไหวเพียงแค่สัมผัสกันโดยบังเอิญ แถมลมหายใจอุ่นๆ ปนกลิ่นยากลับทำให้เธอร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ หรือเธอกำลังจะเป็นคนป่วยเสียเอง? “มิได้...เราเป็นเพียงผู้อาศัยจะทำตัวอย่างนั้นได้อย่างไร” เลโอก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างเจียมตัว แต่ซ่อนรอยยิ้มไว้ เขารู้ฐานะที่แท้จริงของหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ย่อมเข้าใจหน้าที่ขององครักษ์ดี แต่คำพูดคำจาที่กล่าวออกมาราวกับพี่ชายที่หวงน้องสาวช่างน่าขันนัก หรือคนในราชวงค์อัจฟาห์ชอบทำอะไรแปลกๆ อย่างนี้ “หิวหรือยังคะ เดี๋ยวไนราไปเตรียมอาหารเช้าให้ดีกว่าไหม” ไนรายิ้มกว้างออกมา เมื่อเห็นคนเจ็บอาการดีขึ้นแล้ว ก็ตอนที่ท่านจัสมินพามานั้นร่างกายของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดจนไม่คิดว่าจะยังหายใจได้อีก “ยกมากินที่นี่แหละ...ทั้งสี่คนเลยนะ” กีวอนสั่งแทนนายอย่างรู้ใจ ไนราสะดุ้งเพราะเสียงอันดังจนต้องลนลานออกไป “กีวอน” องค์หญิงลากเสียงยาว “อย่าเสียงดังกับผู้หญิงสิ” “นี่เสียงปกติของผมครับ” เขาตอบรับหน้าตาเฉย “แล้วคุณเลโอพอจะให้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับตัวคุณเองบ้างหรือยัง” ใบหน้าคมเข้มเงยหน้าขึ้นเผยดวงตาสีควันบุหรี่ที่ดูลึกลับราวกับซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้ แม้ผมยาวจะรุยร่ายไม่เป็นทรงนักแต่ก็ไม่อาจปิดบังรัศมีอำนาจบางอย่างออกมา “ผมเป็นพ่อค้าบังเอิญเจอกลุ่มโจรทะเลทรายเข้าดักปล้นชิงสินค้า” “หน้าตาไม่เหมือนพ่อค้าเลยสักนิด” กีวอนดักคอจนจัสมิน ต้องแกล้งกระเอมไอเป็นการเตือน “ลำบากหน่อยนะคะ ฉันส่งคนของฉันไปดูไม่พบร่องลอยอะไรเลย” จัสมินรีบตัดบทก่อนที่องครักษ์จะทำเสียงเรื่องอีก “ไม่...ไม่พบใครเลยหรือ” “แทบไม่มีร่องรอยอะไรเลย ว่างเปล่าราวกับไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้น” ‘บัดซบ! พวกมันทำลายหลักฐานเกลี้ยงเลยอย่างนั้นเรอะ!’ ซาคีล ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโหและอารมณ์โกรธทำให้เขาเจ็บแผลจนต้องคู้ตัวงอลงไป “ว้าย!เลโอ คุณเจ็บตรงไหน ให้ฉันตามหมอไหม!” จัสมินผวาเข้าไปประคอง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำของเธอทำให้ผิวเนียนนุ่มภายใต้เสื้อเชิ้ตนั้นสัมผัสกับร่างคนเจ็บราวกับไม่มีสิ่งใดขวางกั้น “ไม่เป็นไร เจ็บแค่นี้” ‘ยิ่งเจ็บเท่าไหร่ จะต้องเอาคืนอย่างสาสม’ เขากัดฟันด้วยความโกรธแค้น “ผมขอบคุณในความเมตตาของคุณ ขอให้ผมแข็งแรงสักหน่อยจะเดินทางกลับบ้านของตัวเอง” “ได้ ถ้าอยากให้ติดต่อญาติก็ได้นะ ฉันจะช่วยเอง”รอยยิ้มจริงใจแต้มบนใบหน้าหวานทำให้หญิงสาวงดงามรามเทพธิดาก็ไม่ปาน “ไม่เป็นไรขอแค่บาดแผลทุเลาผมจะไป” ซาคีลหรือเลโอไม่ค่อยคุ้นกับการที่จะพูดจาอ่อนน้อมกับใครนัก ก็เมื่อครู่หญิงสาวได้บอกไปแล้วว่า ‘อย่าเสียงดังกับผู้หญิง’ “แล้วทำไมหญิงสาวสวยอย่างคุณถึงไปแทบนั้นพอดี” “คุณจัสมินไปดูสถานที่เพื่อจะสร้างโรงเรียน” กีวอนชิงตอบก่อน แต่เพียงเอ่ยได้เท่านั้น ไนราและคนรับใช้ก็นำอาหารชุดใหญ่เข้ามา สายตาของกีวอนจับจ้องร่างเล็กที่ขยับจัดวางอาหารอย่างคล่องแคล้วแล้วก็อดชื่นชมไม่ได้ ‘ปกติเห็นซุ่มซ่ามเป็นประจำ’ “ทานอาหารเช้ากันเถอะ คุณเลโอจะได้ทานยาด้วย” “ดีจริงด้วย ไนรามาทานพร้อมกันซิ นั่งข้างกีวอนนั้นแหละ” ถึงแม้เธอจะไม่ใช่กามเทพ แต่พอจะดูออกว่าไนรามีใจให้องครักษ์ข้างกายเธอขนาดไหน “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับคำอย่างเอียงอายแต่พอหันไปสบตาคนที่นั่งหน้าตึงอยู่ข้างๆ ก็ได้แต่สะดุ้งจนตัวลีบ “ผมยังเจ็บแผลอยู่คงทานไม่ได้เยอะนัก” ซาคีลออกตัว เขาเองก็ไม่ค่อยได้ทานมือเช้านัก และบรรยากาศทานอาหารร่วมกันเต็มโต๊ะแบบนี้เกิดขึ้นแทบนับครั้งได้ ชีวิตเขาเคยชินกับความโดดเดี่ยวมากกว่า แม้กระทั่งอยู่ในสนามรบก็ยังไม่เคยได้ทานอาหารร่วมกับพลทหารคนอื่นๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ทานสักหน่อยอย่างน้อยยาจะได้ไม่กัดกระเพาะ” จัสมินพูดปนยิ้มแล้วเลื่อนอาหารมาตรงหน้าคนเจ็บ “อยากได้อะไรบอกได้นะคะ” “อยากได้หนังสือพิมพ์ครับ” ประโยคของซาคีลทำเอากีวอนหลุดหัวเราะพรืดออกมา “ทานมื้อเช้าพร้อมหนังสือพิมพ์ระวังจะเครียดนะครับ”คนตัวใหญ่สุดตั้งใจประชดผู้เป็นนาย “ขอโทษนะฉันมันพวกเสพติดข่าวสารบ้านเมือง” จัสมิ-นค้อนวงใหญ่เข้าให้ทำให้ไนราหัวเราะออกมาเบาๆ “ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่เราก็รู้ว่าโลกเคลื่อนไหวยังไง” “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องมาถึงบาเรียลก็ได้นี่ครับนั่งอยู่วังเอ๊ย บ้านก็รับทราบข้อมูลได้เหมือนกัน” กีวอนย้อนกลับเข้าให้ “แต่ถ้าเราไม่มาเห็นกับตาเราจะรู้ได้ไงว่าสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านแทบนี้เป็นยังไง” จัสมินแอบแลบลิ้นใส่องครักษ์ของตัวเอง มันเป็นบรรยากาศแปลกๆ ที่ซาคีล อัล ดาเร หรือฉายาราชสีห์ทะเลทราย ผู้ปกครองประเทศ อาเนียดาเร ไม่ค่อยได้พบนัก นอกจากอาหารจะหอมกรุ่นแล้วรอบข้างยังอบอุ่นจนเขาไม่อยากนึกถึงบาดแผลที่เกิดที่ร่างกายของตนเองเลย โดยเฉพาะเสียงหัวเราะสดใสขององค์หญิงจัสมินที่กังวานราวกับระฆังในมหาวิหาร น่าแปลก! ข่าวที่เขาได้มา องค์หญิงพระองค์นี้แสนจะเปรี้ยวและโฉบเฉี่ยวอยู่ในแวดวงไฮโซที่อังกฤษ แม้จะยังเป็นนักศึกษาก็ควงหนุ่มๆ ไม่ซ้ำหน้า กระทั่งในงานเลี้ยงคืนนั้น...เขาก็เห็นเต็มสองตาว่าเธอเต้นรำกับทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่จนน่าเมื่อยขาแทน การที่เธอเดินทางมาเมืองชายแดนที่ไม่มีอะไรน่าท่องเที่ยวหรือชอปปิ้งนั้นเล่า เพียงเพื่อจะมาดูสถานที่สร้างโรงเรียนจริงหรือ? มันใช่ตัวตนตนที่แท้จริงของเธอหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ เพราะหญิงสาวเจ้าของเรือนผมหยักศกสีแดงเพลิงคนนี้ คือคนช่วยชีวิตเขาจากค่ำคืนแห่งการทรยศหักหลัง!.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD