ตอนที่3

1726 Words
ระวังแพ้ทางสิงห์ ตอนที่ 3 ห้องพักเชียร์หลีดเดอร์ บรรยากาศในสนามบาสวันนี้ค่อนข้างคึกคักเนื่องจากมีการคัดตัวนักบาสใหม่ เหล่าบรรดาตัวท็อปของทีมบาสอย่างเฮียเหม และรุ่นพี่คนอื่นที่จบออกไปแล้ว ก็มาเข้าร่วมการแข่งในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งยังมี ทิวเขา ดาราหนุ่มหน้าใส เจ้าของรอยยิ้มสดใสอย่างทิวเขา หนึ่งในสมาชิกทีมบาสก็มาร่วมด้วยเช่นกัน ซึ่งการคัดตัวนักบาสนั้นจะมีแค่ปีละครั้ง แถมยังเป็นวันรวมตัวท็อปของทีมบาส เลยทำให้การแข่งขันเพื่อคัดตัวนักบาสมีคนสนใจจำนวนมาก รวมถึงสาวห้าวอย่างกวางด้วย “กายจะตามมาทำไมวะ ชอบดูบาสตั้งแต่เมื่อไหร่” กวางหันไปถามพี่ชาย ที่อยู่ๆก็โผล่มาหาเธอที่สนามบาส “กูก็ไม่ได้อยากมาหรอก แต่ผัวทูนหัวของมึงบังคับให้กูตามมาดูแลมึงไง” กายบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย กวาง น้องสาวของเขาพึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาซึ่งเขาเองก็เป็นห่วงเธอแต่ไม่ได้เกินจริงเหมือนเดลต้า คนรักของกวาง วันนี้เดลต้าไม่ว่าง เดลต้าจึงบังคับให้กายมาดูแลกวางแทนตนเอง “กายก็ไปเชื่อเดลต้าเนอะ” “เออ ๆ เลิกพูดมาก ไปนั่งไป กูไปห้องน้ำแป๊บ” อันที่จริง เหตุผลที่กายยอมมาในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเดลต้าบังคับหรอกแต่เขามีนัดกับคุกกี้ เชียร์ลีดเดอร์สาวสวย นี่ต่างหากเป็นเหตุผลที่คนอย่างกายยอมเสียเวลามาที่นี่ กายเดินตรงมายังห้องพักเชียร์หลีดเดอร์ทางด้านหลัง เขาหันมองซ้าย ขวาแล้วยกยิ้มมุมปาก บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าทำไมคุกกี้ถึงนัดเขามาที่นี่ “จ๊ะเอ๋พี่กาย” สาวสวยในชุดเชียร์หลีดเดอร์โผล่เข้ามาเกาะแขนกาย เธอจงใจบดเบียดเต้าอวบเข้าหาท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่ม กายก้มลงมองแล้วคลี่ยิ้มเมื่อเห็นชุดที่หญิงสาวกำลังใส่อยู่ ชุดเชียร์หลีดเดอร์ตัวนี้ค่อนข้างรัดรูป เผยให้เห็นทรวดทรงอวบอิ่ม และส่วนเว้าโค้งชัดเจน “เล่นอะไรเป็นเด็ก” “คุกกี้ไม่เด็กสักหน่อย พี่กายก็รู้” คุกกี้เบียดความอวบอิ่มเข้าหาชายหนุ่ม เธอช้อนตามองเขาอย่างยั่วยวน กายกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมทั้งเชยคางเล็กขึ้นให้มองหน้าเขา “หึ จริงเหรอ” “พิสูจน์เองเลยสิคะ” สาวสวยในชุดเชียร์พูดอย่างยั่วยวน ————— หลังจากเลิกเรียนผักบุ้ง บิว และแตงโมจึงพากันมายังสนามบาสโดยสองคนที่บอกในตอนแรกว่าไม่อยากดู ตอนนี้กลับวิ่งตรงไปยังสนามบาส ความเร็วนั้น เร็วยิ่งกว่านักกีฬาเสียอีก “เร็วสิยะยัยบุ้ง เดี๋ยวก็ไม่มีที่นั่งหรอก” “ไม่ต้องห่วงหรอก พี่กวางจองไว้ให้แล้ว” ผักบุ้งรู้จักกวางเนื่องจากกวางเป็นพี่รหัสของเธอ ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันเนื่องจากกวางมักจะชวนเธอออกไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง “อย่างนั้นก็เถอะ ฉันต้องรีบไปให้กำลังใจน้องทิวเขาอยู่ดี” “ฉันเองก็ต้องรีบไปให้กำลังใจเฮียเหมนะ ถึงเขาจะมีแฟนแล้วก็เถอะ” ผักบุ้งมองเพื่อนทั้งสองคนพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ เธอกำลังจะออกวิ่งตามเพื่อนแต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน หญิงสาวล้วงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากระโปรง ชื่อของปลายสายที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เธอยิ้มออกมาแล้วรีบตะโกนบอกเพื่อน “พวกแกไปก่อนเลย ขอคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง” บิว และแตงโมพยักหน้ารับแล้วพากันวิ่งตรงไปยังสนามบาส ส่วนผักบุ้งนั้นก้มลงมองโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบกดรับสายของ ‘ต้องเต’ “ฮัลโหลพี่ต้องเต” “ผักบุ้งเลิกเรียนรึยัง” “ค่ะ เลิกแล้ว พี่ต้องเตมีอะไรรึเปล่า” “พี่ฝากไปเอาของที่ห้องพักนักกีฬาให้รุ่นน้องพี่หน่อยสิ” คิ้วสวยเลิกขึ้น เธอค่อนข้างงุนงงกับสิ่งที่ต้องเตพูด เลยทวนถามซ้ำอีกครั้ง “ยังไงนะคะ?” “คือรุ่นน้องพี่เป็นนักบอลของมหาวิทยาลัยบุ้ง เขารีบมาซ้อมมวยเลยลืมของไว้ในห้องพักนักกีฬา” “แล้ว?” “ยังไงบุ้งก็อยู่มหาลัยอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ไปเอาของแล้วเอามาให้ที่ค่ายมวยหน่อยนะ” ผักบุ้งยิ้มแกน ๆ ออกมา ความรู้สึกชา วูบวาบไปทั้งใจตอนนี้นั้นบอกไม่ได้เลยว่าเธอกำลังมองสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร เมืื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้า เธอดีใจที่เห็นชื่อต้องเตโทรเข้ามาแต่ตอนนี้เธอกลับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเหตุผลของการโทรมา เขาไม่ได้โทรมาถามไถ่เรื่องราวของเธอแต่กลับโทรมาขอให้เธอช่วยเรื่องรุ่นน้องของเขาทั้งที่วันนี้เขาหายไป ไม่ตอบแชตเธอมาทั้งวัน ต้องเตมักห่วงใยคนอื่นเสมอ เขาคอยดูแลทุกคนแต่ทำไมเธอกลับรู้สึกว่า เธอเป็นคนเดียวที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นให้เลย “พี่ไปซ้อมก่อน อย่าช้านะ” “อือค่ะ” ผักบุ้งตอบรับเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจออกมา หลังจากอีกฝ่ายวางสายไป เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วหลับตาลง พูดกับตัวเองแผ่วเบา “ตกลง พี่ต้องเตเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่นะ” หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเส้นทาง เดินไปยังห้องพักนักกีฬา บริเวณโซนห้องพักนักกีฬาตอนนี้นั้นไม่มีคนอยู่เลยซึ่งผักบุ้งเองไม่รู้ว่าห้องพักนักบอลนั้นอยู่ตรงไหน แต่จากรูปที่ต้องเตส่งมาให้ ก็ควรอยู่บริเวณนี้นั่นแหละ “ทำไมเงียบอย่างนี้นะ” ผักบุ้งหันมองซ้าย มองขวาด้วยความระแวง บรรยากาศที่เริ่มมืดครึ้มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุนั้นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกขนลุก ช่วงหลังมานี้ เธอรู้สึกแบบนี้บ่อยครั้ง ทั้งที่ได้รอยยิ้มจากต้องเตที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเกือบทุกวันแล้วแท้ ๆ แต่ความสามารถในการมองเห็นวิญญาณของเธอเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้น หรือนี่อาจเป็นเพราะใกล้ถึงวันเกิดเธอแล้ว หญิงสาวคิดในใจ “หวังว่าคงไม่มีอะไรโผล่มาตอนนี้หรอกนะ” “กรี๊ดดด!!” พูดไม่ทันขาดคำ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากด้านหลัง เสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ และโกรธแค้นแบบนี้ ไม่ต้องหันไปมอง ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงจากสิ่งที่ไม่ใช่คนแน่นอน “นั่นไง ว่าแล้ว” ท้องฟ้ามืดครึ้มกว่าเดิม บรรยากาศรอบข้างชวนขนหัวลุกจนหญิงสาวอยากร้องไห้ออกมา เธอหลับตาลงเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งตรงหน้า อย่างที่เธอทำเป็นประจำเวลาเจอสิ่งที่กลัว มือเล็กกำเข้าหากันแน่น สวดมนต์ในใจให้ความน่ากลัวตรงหน้าหายไป “สวดให้ตาย กูก็ไม่ไปหรอก” เสียงกระซิบดังขึ้นบริเวณข้างใบหูของเธอ ความรู้สึกตอนนี้นั้นเย็นยะเยือก เหมือนมีใครกำลังยืนแนบชิดเธอ และพูดคำพูดเหล่านั้นใส่หูเธอ ผักบุ้งหลับตาปี๋ก่อนจะรีบวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต “กรี๊ด กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังไล่หลังมาแต่เธอไม่คิดจะลืมตามอง ยังคงวิ่งทั้งหลับตาอยู่อย่างนั้น ตึก ตึก ตึก สองร่างชาย หญิงกำลังนัวเนียกันอยู่ในห้องพักเชียร์หลีดเดอร์ เสื้อรัดรูปกำลังถูกดึงรั้งออกจากอกใหญ่แต่แล้วชายหนุ่มต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังตรงมาทางนี้ คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาผละออกจากซอกคอของหญิงสาวตรงหน้าแล้วถามขึ้น “ไหนบอกไม่มีใครไง?” “วันนี้วันหยุด ไม่มีหรอกค่ะ” “แล้วเสียงนั่นคืออะไร” กายหันหน้าไปมองทางประตู เขามั่นใจว่าเสียงที่เขาได้ยินนั้นคือเสียงคนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ไม่ผิดแน่ “ไม่เห็นได้ยินเลย” “ฉันว่า….” “อย่าสนใจเลยค่ะ เรามาต่อเรื่องของเรากันดีกว่า” คุกกี้วางมือลงบนแก้มชายหนุ่ม แล้วจับให้เขาหันกลับมาสนใจเธอ กายเบือนหน้าหนี แล้วผละออกจากคุกกี้นั่นทำเอาหญิงสาวชักสีหน้าอย่างขัดใจ เธอตั้งใจจะจับกายให้อยู่หมัดแท้ ๆ แต่กายกลับสนใจเสียงด้านนอกนั่นมากกว่าเธอเสียได้ “พี่กายจะไปไหนเหรอคะ” “ฉันจะออกไปดูหน่อย” คุกกี้มองตามแผ่นหลังหนาอย่างนึกเสียดาย แต่จะทำอย่างไรได้ เธอไม่กล้าทำตัวเอาแต่ใจกับคนอย่างกายหรอก ประตูถูกเปิดออก ด้านนอกยังคงมืดสนิทไร้ซึ่งผู้คน กายหันมองความมือพลางขมวดคิ้วยุ่ง เขาเดินออกจากห้องแล้วสำรวจรอบบริเวณอีกครั้งแต่กลับไม่พบใคร อีกทั้งเสียงวิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้วด้วย “หรือกูหูฝาดวะ” ขณะที่กายกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่นั่นเอง ใครบางคนก็วิ่งตรงมาทางเขา กายหันไปมองตามเสียงก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อหญิงสาวคนนั้นวิ่งหลับหู หลับตามาทางเขา ยังไม่ทันได้หลบร่างของเธอก็กระแทกเข้ากับร่างของเขาเข้าอย่างจัง ไม่รู้ว่าด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรดลใจ กายถึงได้คว้าเอวบางของเธอไว้ และใช้ตัวเองเป็นเบาะรับร่างเธอเพื่อไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ปกติแล้ว เขาไม่ใช่คนที่แคร์คนอื่นที่ไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย “โอ๊ย! ชนอะไรเนี่ย” มือเล็กจับหมับเข้าที่หน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม เธอลูบไล้แผงอกหนาพร้อมทั้งจับขยำมันคล้ายกำลังพิสูจน์สิ่งตรงหน้าว่าคืออะไร ทั้งที่ยังหลับตาอยู่ กายแหงนหน้าขึ้น สะกดกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้เมื่อเกิดความรู้สึกเสียววูบวาบยามที่หญิงสาวสัมผัส “อืม แม่ง ลืมตาสิวะ ยัยปลาทอง!” ————— วร้าย มีคนวูบวาบค่า อิอิ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD