ระวังแพ้ทางสิงห์
ตอนที่ 3 ห้องพักเชียร์หลีดเดอร์
บรรยากาศในสนามบาสวันนี้ค่อนข้างคึกคักเนื่องจากมีการคัดตัวนักบาสใหม่
เหล่าบรรดาตัวท็อปของทีมบาสอย่างเฮียเหม และรุ่นพี่คนอื่นที่จบออกไปแล้ว ก็มาเข้าร่วมการแข่งในครั้งนี้ด้วย อีกทั้งยังมี ทิวเขา ดาราหนุ่มหน้าใส เจ้าของรอยยิ้มสดใสอย่างทิวเขา หนึ่งในสมาชิกทีมบาสก็มาร่วมด้วยเช่นกัน
ซึ่งการคัดตัวนักบาสนั้นจะมีแค่ปีละครั้ง แถมยังเป็นวันรวมตัวท็อปของทีมบาส เลยทำให้การแข่งขันเพื่อคัดตัวนักบาสมีคนสนใจจำนวนมาก
รวมถึงสาวห้าวอย่างกวางด้วย
“กายจะตามมาทำไมวะ ชอบดูบาสตั้งแต่เมื่อไหร่” กวางหันไปถามพี่ชาย ที่อยู่ๆก็โผล่มาหาเธอที่สนามบาส
“กูก็ไม่ได้อยากมาหรอก แต่ผัวทูนหัวของมึงบังคับให้กูตามมาดูแลมึงไง”
กายบอกด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย กวาง น้องสาวของเขาพึ่งผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมาซึ่งเขาเองก็เป็นห่วงเธอแต่ไม่ได้เกินจริงเหมือนเดลต้า คนรักของกวาง
วันนี้เดลต้าไม่ว่าง เดลต้าจึงบังคับให้กายมาดูแลกวางแทนตนเอง
“กายก็ไปเชื่อเดลต้าเนอะ”
“เออ ๆ เลิกพูดมาก ไปนั่งไป กูไปห้องน้ำแป๊บ”
อันที่จริง เหตุผลที่กายยอมมาในวันนี้ ไม่ใช่เพราะเดลต้าบังคับหรอกแต่เขามีนัดกับคุกกี้ เชียร์ลีดเดอร์สาวสวย นี่ต่างหากเป็นเหตุผลที่คนอย่างกายยอมเสียเวลามาที่นี่
กายเดินตรงมายังห้องพักเชียร์หลีดเดอร์ทางด้านหลัง เขาหันมองซ้าย ขวาแล้วยกยิ้มมุมปาก บรรยากาศเงียบสงบแบบนี้ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าทำไมคุกกี้ถึงนัดเขามาที่นี่
“จ๊ะเอ๋พี่กาย”
สาวสวยในชุดเชียร์หลีดเดอร์โผล่เข้ามาเกาะแขนกาย เธอจงใจบดเบียดเต้าอวบเข้าหาท่อนแขนแกร่งของชายหนุ่ม กายก้มลงมองแล้วคลี่ยิ้มเมื่อเห็นชุดที่หญิงสาวกำลังใส่อยู่
ชุดเชียร์หลีดเดอร์ตัวนี้ค่อนข้างรัดรูป เผยให้เห็นทรวดทรงอวบอิ่ม และส่วนเว้าโค้งชัดเจน
“เล่นอะไรเป็นเด็ก”
“คุกกี้ไม่เด็กสักหน่อย พี่กายก็รู้”
คุกกี้เบียดความอวบอิ่มเข้าหาชายหนุ่ม เธอช้อนตามองเขาอย่างยั่วยวน กายกระตุกยิ้มมุมปากพร้อมทั้งเชยคางเล็กขึ้นให้มองหน้าเขา
“หึ จริงเหรอ”
“พิสูจน์เองเลยสิคะ”
สาวสวยในชุดเชียร์พูดอย่างยั่วยวน
—————
หลังจากเลิกเรียนผักบุ้ง บิว และแตงโมจึงพากันมายังสนามบาสโดยสองคนที่บอกในตอนแรกว่าไม่อยากดู ตอนนี้กลับวิ่งตรงไปยังสนามบาส ความเร็วนั้น เร็วยิ่งกว่านักกีฬาเสียอีก
“เร็วสิยะยัยบุ้ง เดี๋ยวก็ไม่มีที่นั่งหรอก”
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่กวางจองไว้ให้แล้ว”
ผักบุ้งรู้จักกวางเนื่องจากกวางเป็นพี่รหัสของเธอ ทั้งคู่ค่อนข้างสนิทกันเนื่องจากกวางมักจะชวนเธอออกไปเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง
“อย่างนั้นก็เถอะ ฉันต้องรีบไปให้กำลังใจน้องทิวเขาอยู่ดี”
“ฉันเองก็ต้องรีบไปให้กำลังใจเฮียเหมนะ ถึงเขาจะมีแฟนแล้วก็เถอะ”
ผักบุ้งมองเพื่อนทั้งสองคนพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ เธอกำลังจะออกวิ่งตามเพื่อนแต่เสียงโทรศัพท์กลับดังขึ้นเสียก่อน
หญิงสาวล้วงหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋ากระโปรง ชื่อของปลายสายที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้เธอยิ้มออกมาแล้วรีบตะโกนบอกเพื่อน
“พวกแกไปก่อนเลย ขอคุยโทรศัพท์แป๊บหนึ่ง”
บิว และแตงโมพยักหน้ารับแล้วพากันวิ่งตรงไปยังสนามบาส ส่วนผักบุ้งนั้นก้มลงมองโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มก่อนจะรีบกดรับสายของ ‘ต้องเต’
“ฮัลโหลพี่ต้องเต”
“ผักบุ้งเลิกเรียนรึยัง”
“ค่ะ เลิกแล้ว พี่ต้องเตมีอะไรรึเปล่า”
“พี่ฝากไปเอาของที่ห้องพักนักกีฬาให้รุ่นน้องพี่หน่อยสิ”
คิ้วสวยเลิกขึ้น เธอค่อนข้างงุนงงกับสิ่งที่ต้องเตพูด เลยทวนถามซ้ำอีกครั้ง “ยังไงนะคะ?”
“คือรุ่นน้องพี่เป็นนักบอลของมหาวิทยาลัยบุ้ง เขารีบมาซ้อมมวยเลยลืมของไว้ในห้องพักนักกีฬา”
“แล้ว?”
“ยังไงบุ้งก็อยู่มหาลัยอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ไปเอาของแล้วเอามาให้ที่ค่ายมวยหน่อยนะ”
ผักบุ้งยิ้มแกน ๆ ออกมา ความรู้สึกชา วูบวาบไปทั้งใจตอนนี้นั้นบอกไม่ได้เลยว่าเธอกำลังมองสถานการณ์ตอนนี้อย่างไร
เมืื่อหนึ่งนาทีก่อนหน้า เธอดีใจที่เห็นชื่อต้องเตโทรเข้ามาแต่ตอนนี้เธอกลับพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเหตุผลของการโทรมา เขาไม่ได้โทรมาถามไถ่เรื่องราวของเธอแต่กลับโทรมาขอให้เธอช่วยเรื่องรุ่นน้องของเขาทั้งที่วันนี้เขาหายไป ไม่ตอบแชตเธอมาทั้งวัน
ต้องเตมักห่วงใยคนอื่นเสมอ เขาคอยดูแลทุกคนแต่ทำไมเธอกลับรู้สึกว่า เธอเป็นคนเดียวที่เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนั้นให้เลย
“พี่ไปซ้อมก่อน อย่าช้านะ”
“อือค่ะ”
ผักบุ้งตอบรับเสียงเบา ก่อนจะถอนหายใจออกมา หลังจากอีกฝ่ายวางสายไป
เธอเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตัวเอง แล้วหลับตาลง พูดกับตัวเองแผ่วเบา
“ตกลง พี่ต้องเตเห็นฉันเป็นอะไรกันแน่นะ”
หญิงสาวยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเส้นทาง เดินไปยังห้องพักนักกีฬา
บริเวณโซนห้องพักนักกีฬาตอนนี้นั้นไม่มีคนอยู่เลยซึ่งผักบุ้งเองไม่รู้ว่าห้องพักนักบอลนั้นอยู่ตรงไหน แต่จากรูปที่ต้องเตส่งมาให้ ก็ควรอยู่บริเวณนี้นั่นแหละ
“ทำไมเงียบอย่างนี้นะ”
ผักบุ้งหันมองซ้าย มองขวาด้วยความระแวง บรรยากาศที่เริ่มมืดครึ้มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ทราบสาเหตุนั้นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกขนลุก
ช่วงหลังมานี้ เธอรู้สึกแบบนี้บ่อยครั้ง ทั้งที่ได้รอยยิ้มจากต้องเตที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงเกือบทุกวันแล้วแท้ ๆ แต่ความสามารถในการมองเห็นวิญญาณของเธอเหมือนจะยิ่งเพิ่มขึ้น หรือนี่อาจเป็นเพราะใกล้ถึงวันเกิดเธอแล้ว หญิงสาวคิดในใจ
“หวังว่าคงไม่มีอะไรโผล่มาตอนนี้หรอกนะ”
“กรี๊ดดด!!”
พูดไม่ทันขาดคำ เสียงกรีดร้องก็ดังมาจากด้านหลัง เสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ และโกรธแค้นแบบนี้ ไม่ต้องหันไปมอง ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นเสียงจากสิ่งที่ไม่ใช่คนแน่นอน
“นั่นไง ว่าแล้ว”
ท้องฟ้ามืดครึ้มกว่าเดิม บรรยากาศรอบข้างชวนขนหัวลุกจนหญิงสาวอยากร้องไห้ออกมา
เธอหลับตาลงเพื่อไม่ให้เห็นสิ่งตรงหน้า อย่างที่เธอทำเป็นประจำเวลาเจอสิ่งที่กลัว มือเล็กกำเข้าหากันแน่น สวดมนต์ในใจให้ความน่ากลัวตรงหน้าหายไป
“สวดให้ตาย กูก็ไม่ไปหรอก”
เสียงกระซิบดังขึ้นบริเวณข้างใบหูของเธอ ความรู้สึกตอนนี้นั้นเย็นยะเยือก เหมือนมีใครกำลังยืนแนบชิดเธอ และพูดคำพูดเหล่านั้นใส่หูเธอ
ผักบุ้งหลับตาปี๋ก่อนจะรีบวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต
“กรี๊ด กรี๊ด” เสียงกรีดร้องดังไล่หลังมาแต่เธอไม่คิดจะลืมตามอง ยังคงวิ่งทั้งหลับตาอยู่อย่างนั้น
ตึก ตึก ตึก
สองร่างชาย หญิงกำลังนัวเนียกันอยู่ในห้องพักเชียร์หลีดเดอร์ เสื้อรัดรูปกำลังถูกดึงรั้งออกจากอกใหญ่แต่แล้วชายหนุ่มต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังตรงมาทางนี้
คิ้วเข้มเลิกขึ้น เขาผละออกจากซอกคอของหญิงสาวตรงหน้าแล้วถามขึ้น “ไหนบอกไม่มีใครไง?”
“วันนี้วันหยุด ไม่มีหรอกค่ะ”
“แล้วเสียงนั่นคืออะไร”
กายหันหน้าไปมองทางประตู เขามั่นใจว่าเสียงที่เขาได้ยินนั้นคือเสียงคนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้ ไม่ผิดแน่
“ไม่เห็นได้ยินเลย”
“ฉันว่า….”
“อย่าสนใจเลยค่ะ เรามาต่อเรื่องของเรากันดีกว่า”
คุกกี้วางมือลงบนแก้มชายหนุ่ม แล้วจับให้เขาหันกลับมาสนใจเธอ
กายเบือนหน้าหนี แล้วผละออกจากคุกกี้นั่นทำเอาหญิงสาวชักสีหน้าอย่างขัดใจ เธอตั้งใจจะจับกายให้อยู่หมัดแท้ ๆ แต่กายกลับสนใจเสียงด้านนอกนั่นมากกว่าเธอเสียได้
“พี่กายจะไปไหนเหรอคะ”
“ฉันจะออกไปดูหน่อย”
คุกกี้มองตามแผ่นหลังหนาอย่างนึกเสียดาย แต่จะทำอย่างไรได้ เธอไม่กล้าทำตัวเอาแต่ใจกับคนอย่างกายหรอก
ประตูถูกเปิดออก ด้านนอกยังคงมืดสนิทไร้ซึ่งผู้คน กายหันมองความมือพลางขมวดคิ้วยุ่ง เขาเดินออกจากห้องแล้วสำรวจรอบบริเวณอีกครั้งแต่กลับไม่พบใคร อีกทั้งเสียงวิ่งที่ได้ยินก่อนหน้านี้ก็หายไปแล้วด้วย
“หรือกูหูฝาดวะ”
ขณะที่กายกำลังพึมพำกับตัวเองอยู่นั่นเอง ใครบางคนก็วิ่งตรงมาทางเขา กายหันไปมองตามเสียงก่อนจะต้องเบิกตากว้างเมื่อหญิงสาวคนนั้นวิ่งหลับหู หลับตามาทางเขา ยังไม่ทันได้หลบร่างของเธอก็กระแทกเข้ากับร่างของเขาเข้าอย่างจัง
ไม่รู้ว่าด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรดลใจ กายถึงได้คว้าเอวบางของเธอไว้ และใช้ตัวเองเป็นเบาะรับร่างเธอเพื่อไม่ให้เธอได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ปกติแล้ว เขาไม่ใช่คนที่แคร์คนอื่นที่ไม่รู้จักเลยแม้แต่น้อย
“โอ๊ย! ชนอะไรเนี่ย”
มือเล็กจับหมับเข้าที่หน้าอกแกร่งของชายหนุ่ม เธอลูบไล้แผงอกหนาพร้อมทั้งจับขยำมันคล้ายกำลังพิสูจน์สิ่งตรงหน้าว่าคืออะไร ทั้งที่ยังหลับตาอยู่
กายแหงนหน้าขึ้น สะกดกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้เมื่อเกิดความรู้สึกเสียววูบวาบยามที่หญิงสาวสัมผัส
“อืม แม่ง ลืมตาสิวะ ยัยปลาทอง!”
—————
วร้าย มีคนวูบวาบค่า อิอิ