“อ๊า...” นิ่มอุทานแล้วอุดปากตัวเองเอาไว้
“ไหนพี่ดูหว่างขาของน้องนิ่มหน่อยสิคะ ถ้าบวมพี่จะไล้ให้เบาๆ แม่นิ่มน้อยของพี่จะได้สบาย” เขาลูบไล้สะโพกงอนงามของเธอ นิ่มหนีบขาเข้าหากันด้วยความอาย
“ไม่เอาค่ะ” เธอปฏิเสธ อยู่ด้วยกันสองต่อสองเขาชอบพูดชอบทำอะไรแบบนี้ เธอทั้งอายทั้งทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย
“แยกขาให้พี่หน่อยสิคะ พี่จะได้ดูว่ามันบวมมากแค่ไหน” คนคนพูดยังลูบสะโพกของเธอไม่หยุดหย่อน
“น่าอายจะตายไปค่ะพี่โมกข์” เธอใช้มือปิดซอกกายสาวเอาไว้ รู้สึกสยิวทุกครั้งที่เขาลูบมือไปกับสะโพกเนียน
“ชู่... นิดเดียวรับรองว่าไม่ทำอะไร”
“ไม่ทำอะไรจริงๆ นะคะ” สาวน้อยเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“ไม่ทำค่ะ” โมกข์รับปากเสียงหวาน จับสาวน้อยแหวกเรียวขาออกจากกันจนกว้าง เขามองกลีบเนื้อนวลแดงฉ่ำบวมเป่งอย่างห่วงใย เมื่อตอนกลางวันนั้นกลีบสาวปิดสนิทแต่ตอนนี้มันแย้มออกมานิดหน่อยเพราะโดนเขาฝังกายเข้าไปจนเกือบมิด
“บวมนิดหน่อยเดี๋ยวพี่ทำให้สบายตัวนะคะ” เขาบอกเสียงนุ่มหู ก้มลงไปเลียไล้ให้อย่างอ่อนโยน
“อื้อ... ไหนพี่โมกข์บอกว่าไม่ทำอะไรยังไงคะ” นิ่มร้องครางเมื่อโดนเขาลงลิ้นหนักๆ แทรกแซะความสากร้อนเปียกชุ่มเข้าหาเพื่อแนบชิดสนิทเนื้อ
“อ๊าย... พี่โมกข์ไม่เอาแบบนี้นะคะ”
“ไม่เอาแบบนี้แล้วจะเอาแบบไหนคะ หรือว่าเอาแบบนี้” เขาถอนปากออกห่างเล็กน้อยก่อนจะสอดแทรกนิ้วเข้าไปแทนที่ ทันทีที่นิ้วแกร่งเสียดสีกับผนังอ่อนนุ่ม กล้ามเนื้อสาวภายในก็บีบรัดนิ้วแกร่งของเขาอย่างแนบแน่น
“แม่นิ่มน้อยของพี่รัดนิ้วของพี่เสียแน่นเลย ถ้าแบบนี้ต้องโดนพี่กินแล้วค่ะ” เขาบอกเสียงแหบพร่า
“พี่โมกข์ขา... ไม่เอาแล้วค่ะนิ่มกลัวเจ็บ”
“นิดเดียวค่ะ” โมกข์คุกเข่าบนส้นเท้าก่อนจะเสียดสีส่วนปลายของความแข็งแกร่งกับร่องสาวอันหยาดเยิ้ม เขาแทรกกายเข้าหาทำเอาเธอจำต้องเปิดขารับการฝากฝังของเรือนกายแกร่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“พี่โมกข์ขา” นิ่มจิกมือกับไหล่กว้างของโมกข์พลางซู้ดปากคล้ายกินแกงเผ็ดเข้าไปเต็มๆ คำ
“น้องนิ่มคนดี” ขยับศีรษะให้เธอได้ดูกลางลำตัว นิ่มถึงกับหน้าแดงเบือนหน้าหนีเมื่อร่างกายอันแสนบอบบางของเธอกำลังถูกความเป็นชายของเขาฝากฝังเข้ามาจนหมดสิ้น
“พี่จะขยับแล้วนะคะ” เขากระซิบบอกเสียงแหบพร่า เธอไม่กล้าตอบรับหรือปฏิเสธ เอาแต่กัดปากด้วยความอายและความเสียวซ่าน
“แน่นมากเลยรู้ไหมคะ”
“พี่โมกข์ขา อ๊า... เสียวจังค่ะ” พูดออกมาก็กระดากปากแต่เสียวจนต้องร้องครางเสียงหลงเมื่อความเป็นชายเสียดสีกับร่องสาวจนเธอต้องตอดรัดอย่างห้ามไม่อยู่
“อ๊ะ!” นิ่มหลุดอุทานเมื่อเขาถอนกายออกไปเกือบสุด ก่อนจะฝังเข้ามาใหม่จนเตียงกว้างสั่นสะเทือน
“น้องนิ่มคนดีของพี่” เขาเรียกชื่อเธอด้วยเสียงเอ็นดูไม่น้อย นิ่มครางเบาๆ ไม่กล้าครางเสียงดัง หล่อนกัดปากเอาไว้หลายต่อหลายครั้งเพราะกลัวเสียงจะหลุดลอยออกไปให้บ่าวไพร่ได้ยิน โมกข์จับหัวเตียงแน่นก่อนจะขยับกายจนเตียงใหญ่ไหวโยกเป็นจังหวะ
นิ่มดึงผ้าแพรมากัดด้วยความเสียวสะท้าน ซอกทางรักของเธอหยาดเยิ้มไปด้วยน้ำรัก หยดหยาดน้ำรักไหลซึมไปตามพื้นเตียงทุกครั้งที่กายเนื้อแข็งแกร่งรุกล้ำเข้าหา ไม่นานเธอก็เสร็จสมอยู่ใต้ร่างสูงใหญ่ที่ยังซอยกายถี่กระชั้น
“แม่นิ่มน้อยของพี่เสร็จแล้วหรือคะ รอพี่อีกครู่นะคนดี” โมกข์ร้องบอกเสียงแหบพร่า ลมหายใจฟืดฟาดของเขาดังอยู่ตลอดเวลา ร่างของเขาโซมไปด้วยเหงื่อ ในขณะที่ร่างสูงเร่งขยับสะโพกถี่รัว นิ่มเสียวซ่านจนขนลุกชันไปหมดทั้งร่าง ก่อนที่จะเกร็งกระตุกเสร็จเป็นรอบที่สองพร้อมกันกับเขา
โมกข์ครางยาวบดจูบปากน้อยแสนหวานอย่างดูดดื่มก่อนจะจูบซับเหงื่อให้อย่างเบามือ
“แม่นิ่มน้อยของพี่น่ารักน่าใคร่ที่สุด” เขาหยิบผ้ามาซับเหงื่อให้อย่างอ่อนโยนแล้วขยับตัวออกห่างเล็กน้อย นิ่มหน้าแดงร้อนผ่าว รีบจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวก่อนจะเอ่ยถามเขาเสียงนุ่มตามนิสัย
“พี่โมกข์กระหายน้ำหรือเปล่าคะ”
“คอแห้งมากเลยจ้ะ” นิ่มจัดการนำน้ำฝนเย็นๆ โรยดอกมะลิมาให้เขาจนถึงเตียง
“คืนนี้ให้พี่นอนกอดให้ชื่นใจนะคะ” เขาดึงร่างน้อยมากอดรัดแนบอก ปลดชุดนอนออกอีกครั้งแล้วฟอนเฟ้นปทุมถันอวบอิ่มไม่ยอมละห่าง
“อื้อ... พอแล้วค่ะพี่โมกข์” เธอประท้วงเสียงสั่นๆ เพราะเพิ่งจะเสร็จสมอารมณ์หมายกันไปเมื่อครู่นี่เอง
“ได้กลิ่นตัวหอมๆ ของน้องนิ่มแล้วพี่อดใจไม่ไหว” เขาซุกหน้าเข้าหา กลิ่นกายของเธอหอมกรุ่น ทั้งน้ำอบน้ำปรุงที่ยังไม่จางหายทำเอาโมกข์ต้องขึ้นคร่อมร่างคู่หมั้นสาวน้อยอีกครั้งแล้วโยกกายจนคนใต้ร่างครางเสียงสะท้าน
เขากกกอดเธอแนบแน่นรัดรึงตลอดทั้งค่ำคืน เฝ้าวนเวียนจุมพิตและลูบไล้เรือนร่างอย่างเสน่หา
แม้จะนอนดึกแค่ไหน แต่เพราะเป็นคนตื่นเช้า นิ่มจึงลุกขึ้นมาจัดการเข้าครัวเพื่อเตรียมอาหารให้โมกข์ตามหน้าที่ของตนเอง รวมถึงเตรียมอาหารถวายพระด้วย
“อุ๊ย!” นิ่มอุทานเมื่อมือหนาเอื้อมมาจับมือของเธอเพื่อตักข้าวถวายพระ ร่างสูงแนบชิดมาทางเบื้องหลัง เธอไม่กล้าปลุกเขาเพราะเห็นว่ากำลังนอนหลับสบาย ไม่คิดว่าเขาจะตื่นทันมาใส่บาตรด้วย พระภิกษุให้พรขณะที่ทั้งสองยกมือไหว้ รับศีลรับพร
“ทำไมไม่ปลุกพี่บ้างคะ” เขากระซิบถาม
“นิ่มเห็นว่าพี่โมกข์กำลังนอนหลับสบายอยู่น่ะค่ะเลยไม่กล้าปลุก”
“ถ้าน้องนิ่มจะมาทำบุญใส่บาตรก็ขอให้ปลุกพี่ด้วย พี่อยากมาทำบุญกับน้องนิ่ม พี่อยากใส่บาตรให้คุณพ่อกับคุณแม่ด้วยค่ะ” เขาเอ่ยบอกเสียงหวาน
“ค่ะ” นิ่มรับคำด้วยท่าทีเอียงอายเหมือนเช่นเคย “พี่โมกข์จะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ”
“ค่ะ กินข้าวพร้อมกันนะ” เขาพยักหน้าให้สาวน้อย
“วันนี้มีข้าวต้มทรงเครื่องนะคะ”
“ของโปรดพี่ค่ะ” โมกข์เดินตามสาวน้อยขึ้นเรือนต้อยๆ ส่งผลให้บ่าวไพร่และคนรับใช้ในเรือนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับท่าทีของเจ้านายหนุ่ม
โมกข์รับข้าวต้มจนอิ่มก็ออกมานั่งอ่านหนังสือรับลมเย็นๆ เขาเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีที่ไม่คุ้นเคยมาที่บ้านจึงมองด้วยความสงสัย นิ่มให้การต้อนรับเป็นอย่างดี นัยว่าอีกฝ่ายเป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับคู่หมั้นของเขา
“บรรจงค่ะพี่โมกข์ เป็นเพื่อนวัยไล่เลี่ยกับนิ่ม บ้านอยู่ละแวกนี้ พี่โมกข์จำบรรจงได้ไหมคะ” โมกข์ทำท่าคิด ก่อนจะนึกออกเพราะวัยเด็กเขาก็มีโอกาสได้เล่นกับบรรจงอยู่บ้าง
“เราเอาขนมตาลมาฝากนิ่มน่ะ” บรรจงยื่นขนมตาลให้ด้วยรอยยิ้มหวานหยด โมกข์รู้สึกขัดหูขัดตายิ่งนักเมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับคู่หมั้นคู่หมายของเขา นิ่มรับมาด้วยรอยยิ้มแถมยังไปยกขนมและเครื่องดื่มมาต้อนรับเสียดิบดี เพราะโมกข์นั่งตาขวางอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกับสาวน้อยที่เขาหลงรัก บรรจงเลยไม่กล้าอยู่นาน ต้องล่าถอยขอตัวลากลับในที่สุด เขาแค่มาแจ้งนิ่มว่าจะไปเรียนในเมืองอีกไม่ช้าไม่นานนี้
“บรรจงมาบ่อยเหรอ” เด็กหนุ่มกลับไปแล้ว โมกข์จึงเอ่ยถามคู่หมั้นของตนเอง
“ก็ไม่บ่อยค่ะ”
“เขามองน้องนิ่มตาหวานเชียว พี่ไม่ชอบ” โมกข์พูดอย่างหึงหวง
“พี่โมกข์โกรธอะไรนิ่มหรือคะถึงได้ทำหน้าบึ้งนัก”
“ไม่ชอบให้ไปสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายคนอื่น หัวร่อต่อกระซิกกันอีก พี่ยิ่งไม่ชอบค่ะ” เขาทำท่าว่าหึงหวงเอาการ
“พี่โมกข์หึงหรือคะ” พอโดนถามแบบนั้นโมกข์ก็กระแอมกระไอทำเสียงดุใส่ทำเอานิ่มต้องอมยิ้ม