“พี่ไม่ชอบ วันหลังห้ามทำอีกนะคะ” เขาเดินตึงตังจากไป นิ่มยิ้มขำกับท่าทีหึงหวงนั้นก่อนจะลงครัวไปทำบัวลอยน้ำขิงของโปรดให้เขา จำได้ว่าตอนเด็กๆ โมกข์ชอบรับประทานบัวลอยน้ำขิงนัก
“พี่โมกข์ขา... นิ่มทำบัวลอยน้ำขิงมาให้ค่ะ” เธอพยักหน้าให้สาวใช้ยกมาเสิร์ฟ โมกข์ที่อยู่ตรงศาลาท่าน้ำผินหน้ามามอง เห็นหน้าหวานๆ ของสาวเจ้าก็ใจอ่อนยวบ
“หอมชื่นใจ” เขาตักมาชิมพลางเอ่ยชม เธอโรยดอกมะลิมาด้วย ทำให้เขารู้สึกสดชื่นขึ้นมาในทันทีที่ตักเข้าปาก ได้ทั้งกลิ่นหอมและรสชาติแสนอร่อย
“อร่อย” เขาชมอีก
“อร่อยก็รับประทานเยอะๆ นะคะ นิ่มทำสุดฝีมือเลยค่ะ จำได้ว่าพี่โมกข์ชอบรับประทานบัวลอยน้ำขิง” นิ่มยิ้มหวานให้เขา ความใส่ใจและช่างจดจำนั้นทำให้โมกข์รู้สึกรักใคร่สาวน้อยตรงหน้ายิ่งขึ้น
“บ่ายๆ แบบนี้ได้ซดบัวลอยน้ำขิงแล้วคล่องคอนัก”
“มื้อเย็นพี่โมกข์อยากรับประทานอะไรคะ นิ่มจะได้ทำให้”
“แล้วน้องนิ่มจะทำเมนูอะไรบ้างคะ” เขาเอ่ยถามเสียงหวาน อยากรู้ว่าเธอคิดเมนูอาหารอะไรเอาไว้บ้างแล้วเพราะเขาเองก็ไม่ได้เรื่องเยอะอะไร ขอแค่สะอาดและอร่อยก็รับประทานได้แล้ว
“จะทำแกงเผ็ดเป็ดย่าง แกงเลียงผักรวมใส่ไข่มดแดง น้ำพริกและแกงอีกสามอย่างค่ะ มีปลาสลิดแดดเดียวด้วยค่ะ นิ่มว่าจะทอดกรอบให้พี่โมกข์ชิมดู ส่วนขนมเป็นช่อม่วงค่ะ เดี๋ยวคงต้องไปเด็ดดอกอัญชัญมาผสมเพื่อทำสีของขนมค่ะ” เธอบรรยายให้เขาฟังอย่างละเอียดลออ
“น่ากินทั้งนั้นเลยค่ะ พี่ไม่ได้กินแกงเผ็ดเป็ดย่างมานานมากแล้ว ไปอยู่เมืองนอกเมืองนาฝรั่งมังค่ากินแต่อาหารเลี่ยนๆ ขนมปัง เนย ชีส ไส้กรอกอะไรพวกนั้น พี่ว่าอาหารไทยอร่อยที่สุดแล้วค่ะ”
“หากพี่โมกข์อยากรับประทานอาหารอะไรก็ขอให้บอกนิ่มนะคะ นิ่มจะทำให้รับประทานสุดฝีมือเลยค่ะ” เธอยิ้มหวานก่อนจะขอตัวไปทำอาหารทั้งหมดที่พูดมา
“ฝีมือน้องนิ่มไม่เป็นสองรองใครทั้งอาหารคาวอาหารหวาน แกะสลักผักผลไม้ก็สวยงามทำให้อาหารน่ารับประทานยิ่งขึ้น เรื่องร้อยมาลัยไม่ต้องพูดถึง น้องนิ่มของพี่ร้อยมาลัยได้สวยและประณีตมากเชียวค่ะและมาลัยของน้องนิ่มก็หอมชื่นใจพี่เหลือเกิน” โมกข์เอ่ยชมเมื่อถึงมื้ออาหาร รับประทานแล้วติดอกติดใจรสมือของคู่หมั้นแสนสวยอยู่มากโข
“พี่โมกข์ชมกันเกินไปแล้วค่ะ” คนถูกชมหน้าแดงแต่ดวงตาเปี่ยมสุข
“แต่ที่พูดมาทั้งหมดคงไม่เท่าตัวน้องนิ่มเอง”
“ทำไมหรือคะ”
“น้องนิ่มของพี่หอมหวานน่ากินกว่าทุกอย่างที่พูดมา” เขาพูดอย่างมีนัยสำคัญในประโยคนั้น ดีที่บ่าวไพร่ไม่ได้คอยรับใช้อยู่ใกล้ๆ นิ่มจึงไม่ต้องอับอายกับประโยคชวนเสียวซ่านหยอกเอินของเขา
“พี่โมกข์ก็พูดไป เดี๋ยวบ่าวไพร่ได้ยินเข้าจะเอาไปนินทานะคะ” เธอต่อว่าสีหน้าเขินอายอย่างเห็นได้ชัด โมกข์ยิ้มหวานรับประทานอาหารต่ออย่างมีความสุข
“พี่โมกข์จะรับชาร้อนๆ หรือนมอุ่นๆ ดีคะ” นิ่มเอ่ยถามโมกข์ที่นั่งทอดอารมณ์มองท้องฟ้ากว้างเพื่อชมดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้า
“ชาร้อนก็แล้วกันค่ะ นมอุ่นๆ เอาไว้ให้เด็กน้อยมิใช่หรือคะ”
“นมอุ่นๆ โตแล้วก็ดื่มได้ค่ะ ดีต่อร่างกายทำให้นอนหลับสบายด้วยค่ะ”
“คุณพ่อกับคุณแม่ของพี่คงได้รับการดูแลจากน้องนิ่มเป็นอย่างดี พี่จำได้ว่าท่านจดหมายไปหาเล่าเรื่องน้องนิ่มให้พี่ฟังเสียทุกครั้ง”
“นิ่มทำเพราะรักและเคารพคุณลุงกับคุณป้าด้วยใจค่ะ พวกท่านพานิ่มมาชุบเลี้ยงแถมยังช่วยดูแลทรัพย์สินให้อีก ถ้านิ่มยังอยู่ที่บ้านคงโดนเอาสมบัติไปหมดแล้ว” ไม่อยากว่าร้ายญาติพี่น้องแต่ญาติๆ ของเธอไม่มีความรักความเมตตาให้แก่เธอเลย มีแต่จะขอส่วนแบ่งทรัพย์สมบัติ จิกทึ้งแย่งกันเหมือนอีแร้งแย่งเศษเนื้อ ทำให้เด็กสาวเศร้าใจยิ่งนัก
“น้องนิ่มแต่งงานกับพี่ พี่ก็จะช่วยดูแลทรัพย์สมบัติของน้องนิ่มให้ดี มิให้ผู้ใดมาเบียดเบียนน้องนิ่มได้ รอพี่ประเดี๋ยวเดียวนะคะ” โมกข์พูดแล้วเดินเข้าไปในบ้าน นิ่มมองตามร่างสูงไปอย่างสงสัย ก่อนที่โมกข์จะออกมาพร้อมกล่องกำมะหยีสีฟ้าทรงสี่เหลี่ยม
“อะไรหรือคะ”
“เปิดดูสิคะ ว่าน้องนิ่มชอบใจไหม”
นิ่มเปิดกล่องกำมะหยีออกดู ด้านในเป็นชุดเครื่องเพชรน้ำงามซึ่งประกอบด้วยต่างหูหนึ่งคู่ สร้อยคอ กำไลฝังเพชรและสร้อยข้อมือเส้นเล็กๆ กระจุ๋มกระจิ๋มอีกหนึ่งเส้น
“สวยจังเลยค่ะพี่โมกข์ ลายแปลกตามากเชียวค่ะ”
“เครื่องเพชรของคุณแม่ใหญ่เทอะทะ พี่ว่าแบบนี้เหมาะกับน้องนิ่มมากว่า พี่ให้น้องนิ่มเป็นของขวัญค่ะ”
“ขอบพระคุณพี่โมกข์มากค่ะ” เธอยกมือไหว้เขา
“เพื่อนๆ ของพี่ที่ไปเรียนด้วยกันที่อังกฤษนัดสังสรรค์กัน เราจะมีงานเลี้ยงน่ะค่ะ พี่จะพาน้องนิ่มไปออกงานนะคะ” งานจัดขึ้นที่บ้านของพฤกษ์ ซึ่งพฤกษ์นั้นมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดสงขลาซึ่งเป็นจังหวัดที่ติดกับจังหวัดปัตตานีขับรถไปไม่นานก็ถึง
“ค่ะพี่โมกข์”
“ตามพี่มานี่สิคะ” เขาดึงให้เธอเดินตามเข้าไปในห้องนอน รอบนี้ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแต่เป็นห้องนอนของเขา เธอเคยเข้ามาจัดแจกันดอกไม้และดูแลให้สาวใช้ทำความสะอาดห้องให้เขา อีกทั้งยังดูแลเสื้อเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มให้เขาเป็นอย่างดี
“ชอบไหม” เขาเอ่ยถามหลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว ชี้ให้เธอดูชุดราตรีที่แขวนอยู่ตรงหน้า
“ชุดสวยจังเลยค่ะ”
“แบบใหม่เลยนะ ไปงานเลี้ยงพรุ่งนี้สวมชุดนี้ไปนะคะ พี่เลือกสีฟ้าสดใสให้น้องนิ่ม” นิ่มเป็นสาวน้อยสดใสวัยแรกแย้มเขาจึงต้องการที่จะให้เธอแต่งตัวทันสมัยขึ้น แต่ยังคงความสดใสน่ารักอยู่เช่นเดิม ผู้ใหญ่ในยุคนี้หันมาใส่กางเกงยีนหรือกางเกงผ้ากันมากแล้ว ไม่ได้นิยมใส่ผ้าถุงเหมือนสมัยก่อน แต่คู่หมั้นของเขายังใส่ผ้าถุงกับกระโปรง รวมถึงไม่เคยสวมใส่กางเกงเพราะถูกสอนมาว่าไม่งาม แต่ในอนาคตเขาจะให้เธอลองสวมใส่กางเกงยีนหรือเสื้อผ้าทันสมัยกว่านี้ เวลาเดินทางไปไหนมาไหนจะได้คล่องตัวเพราะหลังจากนี้ เขาอาจจะพาเธอออกเที่ยวบ่อยๆ เขาไม่ได้อยู่ประเทศไทยนานหลายปี จึงอยากท่องเที่ยวเสียให้หนำใจ
บิดามารดาของเขามีทรัพย์สมบัติมาก ดังนั้นการส่งลูกชายคนเดียวไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นไม่ใช่ต้องการให้กลับมาเป็นลูกจ้างใคร แต่เพื่อเป็นหน้าเป็นตาเป็นเกียรติเป็นศรีแก่วงศ์ตระกูล รวมถึงได้นำความรู้ที่ได้เล่าเรียนกลับมาพัฒนาธุรกิจของครอบครัว พวกท่านอยากให้ลูกชายคนเดียวกลับมาช่วยดูแลทรัพย์สินที่มีอยู่ให้เจริญรุ่งเรืองมากขึ้น
ทรัพย์สินที่บิดามารดาทิ้งเอาไว้ให้ก่อนตายนั้นมากมายมหาศาล สิ่งที่สำคัญสำหรับโมกข์คือการดูแลรักษาและทำให้งอกเงย เขาจึงไม่ประมาทกับสิ่งที่ได้รับมาเพราะหากดูแลไม่ดีและไม่รู้จักใช้จ่ายมีเงินมากแค่ไหนก็หมดตัวได้เหมือนกัน
โมกข์เข้าใจในระบบเส้นสายของเมืองไทยดีจากการจดหมายเล่าสู่กันฟังรวมถึงในอดีตที่ได้สัมผัสมาบ้างจากผู้ใหญ่ แต่สำหรับเขาแล้วความสามารถเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเข้าทำงาน แต่กระนั้นเขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะเข้าไปทำงานในกระทรวงหรือบริษัทใหญ่ๆ ที่ไหนนอกจากการมีกิจการเป็นของตัวเอง
ในปีพ.ศ.นี้ คนที่เรียนจบเมืองนอกเมืองนาหรือได้เรียนสถาบันดีๆ ในประเทศจะเป็นลูกหลานคนมีเงินเสียส่วนใหญ่ คนส่วนมากไม่ได้เรียนหนังสือกันเท่าใดนัก คนที่จบป. ๗ ในสมัยนี้จึงออกมาทำงานและไม่ได้เรียนต่อกันอยู่มากโข
“ขอบคุณพี่โมกข์มากค่ะ ชุดสวยมากเชียวค่ะ”
“คืนนี้นอนห้องพี่นะแม่นิ่มน้อย” เขาเอ่ยชวนหน้าตาเฉย
“พี่โมกข์น่ะ” โมกข์ดึงร่างน้อยไปที่เตียงนอนกว้าง
“เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง จากห้องน้องนิ่มมาเป็นห้องของพี่ ต่อไปน้องนิ่มก็ต้องนอนห้องนี้นะคะ” เขาค่อยๆ กดร่างน้อยไปกับเตียงนอนกว้าง