“ไข่เค็มทำเองเหรอคะ” โมกข์ถามอย่างสนใจ
“ใช่ค่ะ นิ่มทำเอาไว้รับประทานเองค่ะ ไข่เป็ดที่ชาวบ้านนำมาขายน่ะค่ะ รับประทานได้แล้วค่ะ ถ้าเกินไปกว่านี้จะเค็มมากเชียวค่ะ”
“พี่ชอบกินไข่เป็ด ตอนเด็กๆ กินแต่ไข่แดง” เธอหัวเราะคิกๆ เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“หัวเราะพี่เหรอคะ”
“ก็พี่โมกข์ชอบแอบขโมยกินไข่แดงเหมือนนิ่มเลยค่ะ” เธอยิ้มขำก่อนจะหยุดมองใบหน้าหล่อหวานไม่ต่างจากผู้หญิงของเขา
“พี่รักน้องนิ่มนะคะ สัญญาว่าจะทำให้ผู้หญิงที่พี่รักมีความสุขมากที่สุด” เขาเดินเข้าหาก่อนจะไล้แก้มสาวเบาๆ ปัดปอยผมไปทัดอยู่ที่ริมหู น้ำคำแสนหวานและแววตาจริงใจของเขาทำให้หัวใจของเธออุ่นซ่านไปทั้งทรวง
“ทำต้มจืดกันดีกว่าค่ะ” เธอบอกอย่างขัดเขินเล็กน้อย เสเดินไปนั่งที่แคร่กลางห้องครัวกว้าง โมกข์มองตามไปอย่างเอ็นดู เธอจัดการทำต้มจืด มีผักสดผักลวกอีกหลายชนิดเพื่อรับประทานกับน้ำพริก รวมถึงอาหารคาวหวานอีกหลายอย่าง
“อุ๊ย!” นิ่มอุทานเบาๆ เมื่อเขายื่นมือมาเช็ดหน้าให้เธอ
“เหงื่อไหลเต็มหน้าแล้วค่ะ ทำอาหารนี่เหนื่อยนะคะ”
“ขอบคุณค่ะ เสร็จพอดีเลยค่ะ พี่โมกข์ไปอาบน้ำก่อนสิคะ จะได้สบายตัวเดี๋ยวให้สาวใช้จัดโต๊ะอาหารไว้รอ”
“ไปอาบด้วยกันสิคะ”
“ไม่เอาหรอกค่ะ” เธอปฏิเสธแล้วเดินหนี แต่เขาก็ตามมารั้งแขนเอาไว้ ก่อนจะตวัดอุ้มร่างน้อยของเธอขึ้นสู่อ้อมแขน
“ปล่อยเลยนะคะพี่โมกข์ ทำอะไรน่าอาย” เธอรู้ดีว่าถึงบ่าวไพร่ในบ้านจะไม่พูดแต่ก็เห็นว่าเขาทำอะไรกับเธอบ้าง พอเขาปล่อยเธอลงให้เหยียบยืนบนพื้น เธอก็หนีเข้าห้องเสียอย่างนั้น
“ว้า... หนีเข้าห้องไปเสียแล้ว พี่ไม่แกล้งแล้วครับ น้องนิ่มไปอาบน้ำเถอะ” เขาพูดแล้วเดินจากไป เสียงฝีเท้านั้นทำให้นิ่มแอบถอนใจอย่างโล่งอก
ด้านหลังเรือนเป็นที่อาบน้ำส่วนตัว นิ่มลงไปอาบน้ำเมื่อเห็นว่าโมกข์เลิกตอแยเธอแล้ว มีสาวใช้ที่เป็นหญิงคอยดูแลขัดเนื้อขัดตัวด้วยขมิ้นชันทำให้ผิวพรรณของหล่อนงดงามสวยผ่องอำพรรณไม่ต่างจากขมิ้น
โมกข์จุ๊ปากเมื่อสาวใช้หันมาเห็นเข้า ก่อนที่เขาจะโบกมือไล่สาวใช้ให้ออกไปก่อน
“สบายจังเลยจ้ะ” นิ่มหลับตา ครางเบาๆ เมื่อโดนขัดหลังให้อย่างเบามือ
“ผิวน้องนิ่มเนียนเช่นนี้เพราะขัดด้วยขมิ้นหรือคะ”
“อุ๊ย! พี่โมกข์” นิ่มหันมาก่อนจะหน้าแดงเมื่อเจอเข้ากับโมกข์ แต่ไร้แววสาวใช้ที่คอยขัดเนื้อขัดตัวให้
“พี่จะอาบน้ำให้แม่นิ่มน้อยของพี่เอง สาวใช้พี่ไล่ไปเองค่ะ ไม่ต้องหาใครแล้ว เขาไปเตรียมจัดสำรับอาหารเย็นคอยเราสองคนอยู่” เขาตักน้ำจากลำคลองที่ใสสะอาดราดรดไปตามเนื้อตัวของเธออย่างเบามือ สัมผัสที่ลูบไล้นั้นทะนุถนอมเหมือนเธอคือแก้วเจียระไนชั้นดี
ขมิ้นที่ขัดไปตามเนื้อตัวของสาวน้อยถูกสายน้ำชะล้างไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงแค่ผิวผุดผ่องเป็นยองใย
“ผิวแม่นิ่มน้อยของพี่หอมชื่นใจจนพี่อยากประทับจุมพิตอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก” เขาประทับปากลงไปบนลาดไหล่ละมุน นิ่มสะเทิ้นอายดันใบหน้าของเขาออกห่าง
“พอแล้วค่ะพี่โมกข์”
“พี่แค่ขอชื่นใจเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น” เขาพาเธอขึ้นเรือนหลังจากอาบน้ำเสร็จสิ้น ก่อนจะมารับประทานอาหารพร้อมกัน
“แกงมัสมั่นของน้องนิ่มหอมเหลือเกิน เนื้อก็นุ่มแทบไม่ต้องเคี้ยวเลยด้วยซ้ำ” เขาเอ่ยชมเมื่อรับประทานอาหารพร้อมกับเธอ
“หากอร่อยก็รับประทานเยอะๆ นะคะ” เธอตักแกงมัสมั่นของโปรดใส่จานให้เขาอย่างเอาใจ
โมกข์รับข้าวถึงสองจานเพราะเจริญอาหารเนื่องด้วยรสมือการทำอาหารนั้นอร่อยไม่เป็นสองรองใคร เธอใส่ใจกับการทำอาหาร ใส่ใจกับความสะอาดและรสชาติที่ปรุงเสมอ
“น้องนิ่มอย่าเพิ่งเข้านอนนะคะ ยังหัวค่ำอยู่อีก ดูดาวกับพี่สักหน่อยเถอะ” โมกข์รั้งร่างน้อยเอาไว้ด้วยประโยคทุ้มหวาน ก่อนจะพยักหน้าให้สาวใช้ไปพักผ่อน
“คืนนี้ดาวสวยมากนะคะ” โมกข์พูดกับสาวน้อย
“อาจเพราะพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวก็ได้ค่ะพี่โมกข์” คืนนี้เป็นคืนข้างแรมจึงเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ากว้างได้เด่นชัดกว่าคืนเดือนหงายนัก
“ไหนดาวลูกไก่” เขาเอ่ยถามขณะแนบใบหน้าเข้าชิดใกล้
“พี่โมกข์ลองภูมินิ่มหรือคะ” เธอถามกลับมองสบตาเขาแล้วสะท้าน ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดใบหน้าของเธออยู่ในระยะกระชั้นทำให้ใจสาวเต้นถี่รัว
“จำได้ไหม ตอนเด็กๆ เราชอบมานั่งดูดาวด้วยกัน”
“จำได้สิคะ พี่โมกข์คอยชี้ให้ดูว่ามีดาวอะไรบ้าง นั่นไงคะดาวลูกไก่”
“เก่ง” เขาเลื่อนมือมาวางประทับบนศีรษะของสาวน้อย เธอหันมามองเขาในจังหวะที่เขาเองก็หันมามองเธอเช่นเดียวกัน
“อุ๊ย!” นิ่มอุทานขัดเขินเมื่อได้สบสายตาร้อนแรงของโมกข์ ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กชายตัวโตเก้งก้างที่คอยปกป้องเธออีกแล้ว แต่เป็นหนุ่มฉกรรจ์ที่มีเลือดมีเนื้อและมีความปรารถนาอันร้อนแรง
“ไหนดาวจระเข้คะ” เขาเอ่ยถามอีก เธอหันไปมองท้องฟ้าก่อนจะชี้ให้เขาดู กลุ่มดาวจระเข้หรือดาวหมีใหญ่จะอยู่ทางทิศเหนือ เมื่อเริ่มขึ้นจะเริ่มขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือและตกทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ แต่การขึ้นและตกนั้นเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
กลุ่มดาวหมีใหญ่หรือดาวจระเข้ มีประโยชน์อย่างยิ่งในการหาทิศทางที่ถูกต้อง เพราะจากกลุ่มดาวนี้ เราใช้หาดาวเหนือได้
ตอนเด็กๆ โมกข์เป็นคนใฝ่รู้ใฝ่เรียนเขาชอบอ่านหนังสือหลากหลายเพื่อเพิ่มความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเอง บิดามารดาของโมกข์ก็สนับสนุนเรื่องการศึกษาเป็นอันมากที่บ้านจึงมีหนังสือมากมายให้อ่าน โมขก์อ่านแล้วนำมาถ่ายทอดให้เธอฟังอีกทอดหนึ่ง เธอฟังเขาเล่าเรื่องต่างๆ อย่างเพลิดเพลินจนในบางครั้งก็นอนหลับไปด้วยกัน
“จำได้ว่าตอนเด็กๆ พี่โมกข์เล่าเรื่องดาวลูกไก่ให้ฟัง น่าสงสารพวกมันนะคะยอมกระโดดลงไปตายในกองไฟตามแม่ของมันไป”
“ใช่ครับ” เขามองสาวน้อยที่เริ่มหาว วันนี้โดนเขารังแกเอาคงจะเหนื่อยมาก
“พี่จะอุ้มน้องนิ่มไปนอนนะคะ” โมกข์เป็นคนสุภาพเรียบร้อยและพูดจาไพเราะเสนาะหูตั้งแต่เด็ก เขาให้เกียรติคนอื่นและไม่เคยดุด่าบ่าวไพร่ในบ้านด้วยถ้อยคำหยาบคาย พอโตขึ้นจนไปเรียนอยู่เมืองนอกเมืองนานานหลายปี เขาก็ยังเป็นคนสุภาพเรียบร้อยต่อทุกๆ คน จะมีก็แค่ตอนกลางวันที่เธอได้เห็นมุมหนึ่งของความปรารถนาที่เขาแสดงออกต่อเธอเท่านั้น แต่ลึกๆ นิ่มเองก็ก็ยอมรับว่ามันเป็นไปด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมยามเมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปแล้ว
“อุ๊ย! ไม่ต้องหรอกค่ะ” แม้จะร้องห้ามออกไปเช่นนั้นแต่หล่อนก็ทนแรงทัดทานของเขาไม่ไหว โมกข์อุ้มร่างน้อยไปส่งถึงเตียงนอน ก่อนจะเดินไปปิดประตูลงกลอนอย่างแน่นหนา
“พี่โมกข์ไม่กลับไปนอนที่ห้องหรือคะ” นิ่มเอ่ยถามอย่างเอียงอายยามที่เขาเดินมาหาและคลานเข่าขึ้นมานอนอยู่บนเตียงด้วยกัน
“พี่อยากนอนกอดแม่นิ่มน้อยของพี่ให้ชื่นใจ” โมกข์เข้ากอดหอมจนสาวน้อยร่างสะท้าน
“ไหนให้พี่ดูสิว่าบวบเยอะไหม” เขาเลื่อนมือไปลูบไล้เนินสาวของเธอผ่านชุดนอนเนื้อบางเบาสีขาวสะอาดตา
“ไม่เอาค่ะ นิ่มอาย”
“อยู่กันสองคนอายอะไรคะ ไม่ต้องอายพี่หรอกนะ” เขาดึงรั้งชุดนอนของเธอออกจากกาย ทำให้ปทุมถันอวบอิ่มหลุดออกมาจากการรัดรึง
“อุ๊ย!” นิ่มอุทานเบาๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ ทำทุกวันเดี๋ยวแม่นิ่มน้อยของพี่ก็จะชินไปเอง” โมกข์ดันร่างน้อยไปที่หัวเตียง เขาอ้าปากงับยอดอกของสาวน้อยเบาๆ
“อื้อ... พี่โมกข์ขา... อย่างับสิคะ”
“เสียวหรือคะ” เขากระซิบถามเสียงนุ่มละมุนหู
“ค่ะ” คนตอบรับแก้มแดงระเรื่อ ก้มมองปากร้อนที่ดูดงับยอกอกแล้วต้องกัดปากหลับตาครางด้วยความกระสันซ่าน