7

1512 Words
สาวน้อยหอบหายใจจนสะท้าน โมกข์ถอดถอนเรือนกายออกห่าง ดึงคู่หมั้นตัวน้อยมากอดรัดแนบอก “พี่ช่วยสวมใส่เนื้อผ้าให้นะคะ...” เขาบอกเสียงหวาน ยินดีปรีดาที่ได้สาวน้อยเป็นเมีย “พี่โมกข์รังแกนิ่ม” นิ่มร้องไห้เบาๆ โมกข์ก็ปลอบไปตามประสา แต่เขารักของเขาจริงๆ ปากร้อนจุมพิตซับหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนด้วยความเอ็นดูรักใคร่ สัมผัสของเขาบางเบา ทะนุถนอมยิ่งกว่าอะไร “พี่ไม่ได้รังแกน้องนิ่ม แต่ทำไปด้วยความรัก น้องนิ่มก็รู้ว่าพี่ไม่ปันใจไปให้หญิงใดอีกแล้ว ให้ผ่านช่วงนี้ไปก่อน แล้วเราแต่งงานกันนะคะ” “ค่ะ” นิ่มตอบรับเสียงเบา เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าที่บิดามารดาของโมกข์ชุบเลี้ยงเอาไว้ แม้บิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วจะร่ำรวยเพียงใด ทิ้งมรดกเอาไว้ให้มากมายเพียงใด แต่เธอก็ยังเยาว์วัยนักที่จะดูแลรักษาทรัพย์สินเอาไว้ ถ้าไม่ได้บิดามารดาของโมกข์เธอคงเหลือแต่ตัว “กังวลหรือคะ ไม่ต้องกังวลหรอก พี่ไม่หลอกลวงให้แม่นิ่มน้อยของพี่ต้องเสียใจแน่นอน” โมกข์เชยคางสาวให้แหงนเงยขึ้น มองสาวน้อยด้วยความจริงใจ ก่อนจะประทับจุมพิตลงบนกลีบปากหวานอย่างดูดดื่มแล้วช่วยกันแต่งตัวจนเสร็จ โมกข์ประคองสาวน้อยลงเรืออย่างเป็นห่วงเป็นใย แม่นิ่มน้อยหน้ามนคนงามนั่งก้มหน้างุดไปบนเรือไม่กล้ามองสบตาคู่หมั้นคู่หมายของตนเลยแม้แต่น้อย พอไปถึงศาลาท่าน้ำโมกข์ก็รีบดึงร่างน้อยขึ้นจากเรือ หยิบดอกบัวมาถือเอาไว้และเดินตามสาวน้อยขึ้นไปบนเรือน นิ่มรีบหนีเข้าห้อง แต่คิดได้ว่าต้องเตรียมอาหารเย็น ไหนต้องพับดอกบัวบูชาพระอีกเลยรีบออกมาก็เจอเข้ากับโมกข์ที่นั่งอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของตัวบ้าน สาวน้อยก้มงุดเดินไปหยิบดอกบัวมาพับ สาวใช้รีบเข้ามาช่วยแต่โมกข์พยักหน้าให้สาวใช้ออกไปก่อน นิ่มได้แต่ก้มหน้าก้มตาพับอย่างเขินอาย ไม่รู้ว่าตอนนี้เหลือเธออยู่กับโมกข์แค่สองคนเท่านั้น “น้องนิ่มพับดอกบัวสวยเสียยิ่งกว่าอะไร” โมกข์หยิบดอกบัวขึ้นมาพิศมอง นิ่มอมยิ้มแต่ไม่พูดกระไรเพราะปกติเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว “แก้มของแม่นิ่มน้อยก็หอม” เขาอดใจไม่ไหวประทับจุมพิตกับแก้มนุ่มเบาๆ “อุ๊ย! พี่โมกข์ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เธอตกใจตามประสาคนรักนวลสงวนตัว แม้จะถูกเขาล่วงเกินมาแล้วก็ตามที “ไม่เห็นหรอกค่ะ พี่ไล่ไปแล้ว” โมกข์ขยับเข้าหา แนบชิดโอบกอดจากทางเบื้องหลัง ดึงผมนุ่มสลวยมาดอมดมด้วยความเสน่หา นิ่มเพิ่งรู้ว่าไม่มีใครเหลืออยู่แล้วก็ตอนเงยหน้าขึ้นมองนี่แหละ “เย็นนี้น้องนิ่มจะทำอะไรให้พี่กินหรือคะ” “พี่โมกข์อยากรับประทานอะไรหรือคะ นิ่มจะทำให้กิน” เธอเอ่ยถามอย่างใส่ใจ ท่าทียังสะเทิ้นอายอยู่ไม่คลาย “ไข่พะโล้เป็นยังไง น้องนิ่มคงทำได้” “ทำได้ค่ะ ง่ายนิดเดียว” เธอรับคำด้วยรอยยิ้ม “พี่เองก็อยากกินมัสมั่นเนื้อด้วยเหมือนกัน” “เดี๋ยวพับดอกบัวเสร็จนิ่มจะรีบลงครัวไปทำให้นะคะ” “ยังเจ็บอยู่ไหม” โมกข์เอ่ยถาม “พี่โมกข์ถามอะไรน่าอาย” เธอรู้ว่าเขาหมายถึงส่วนใดในร่างกายของเธอ “พี่เป็นห่วงน้องนิ่มมากนะคะ ถ้าไม่ไหวก็ให้แม่ครัวทำก็ได้” เขาพูดแล้วขยับมือไปไล้สะโพกงอนงามของสาวน้อยเบาๆ นิ่มตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนของเขา “นิ่มไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ” แม้จะเจ็บแปลบตรงนั้นแต่การทำอาหารให้โมกข์ถือเป็นหน้าที่สำคัญที่เธอจะต้องลงมือปรุงด้วยตัวเอง “พี่จะรอกินนะคะ” เขากระซิบเสียงหวานอยู่ตรงริมหู มองเธอพับดอกบัวอย่างเพลินตา “พี่โมกข์จะลองพับดูไหมคะ” เธอเอ่ยถามเพราะเห็นเขาสนใจการพับดอกบัวของเธอเสียเหลือเกิน “ก็น่าลองนะคะ พี่ไม่เคยทำมาก่อน ตอนเด็กๆ เคยเห็นคุณแม่พับบ่อยๆ” “ทำแบบนี้ค่ะ” เธอหยิบดอกบัวมาให้เขา แล้วพับให้ดู โมกข์มือเบาเขาก็ทำตามสาวน้อยอย่างว่าง่าย “ได้ไหมคะ” โมกข์ลองพับแล้วเอ่ยถาม “สวยเชียวค่ะ พี่โมกข์มือเบาเหมือนผู้หญิง” เธอเอ่ยชม ยิ้มหวานให้เขา นอกจากหล่อหวานหน้าสวยแล้ว เขายังมือเบาอีกด้วย โมกข์เป็นคนค่อนข้างเรียบร้อย ใจเย็น ใส่ใจกับสิ่งรอบกาย “ต่อไปพี่คงได้ช่วยพับ” เขาขยับมือเข้าไล้แก้มสาวเบาๆ นิ่มก้มงุดเหนียมอายร่างสะท้าน “ดอกสุดท้ายแล้วค่ะ” เขาวางดอกบัวลงในถาดที่รองใบตองเอาไว้ หลังจากช่วยพับจนเสร็จ “ค่ะ เดี๋ยวนิ่มไปทำอาหารให้พี่โมกข์นะคะ” “พี่อยากช่วยทำอาหารด้วยคน” “พี่โมกข์จะช่วยนิ่มทำอาหารจริงๆ เหรอคะ” “ใช่ค่ะ พี่อยากเป็นลูกมือน้องนิ่มค่ะ” “ค่ะ” เธอยิ้มและไม่ได้ปฏิเสธ สาวน้อยตอบรับก่อนจะเดินลงจากเรือนไปในครัวเพื่อจัดการปรุงอาหารคาวหวานหลายอย่าง มีน้ำพริกลงเรือ และพวกผักจิ้มรวมถึงต้มจืดอย่างครบครัน โมกข์โบกไม้โบกมือไล่แม่ครัวออกไปจนหมด นิ่มหันมาอีกคราก็มองหาบ่าวไพร่ในบ้านแต่ไม่เห็นเลยสักคนเดียว “หายไปไหนกันหมดแล้วคะพี่โมกข์” “พี่ให้ไปทำอย่างอื่นครับ พวกเขาเตรียมวัตถุดิบเอาไว้ครบครันแล้วแค่ปรุงเองไม่ใช่เหรอครับ” ป้าอาบเอ่ยบอกเมื่อเห็นเขากับนิ่มเดินเข้ามาในครัว “งั้นพี่โมกข์คงต้องเป็นลูกมือของนิ่มแล้วค่ะ” “พี่ยินดีค่ะ” เขายิ้มหวานให้เธอ “พี่ต้องทำอะไรก่อนคะ” เขาถูมือไปมาเตรียมพร้อมที่จะช่วยเธอทำอาหารอย่างเต็มที่ “ตอนอยู่ต่างประเทศพี่โมกข์ทำอาหารกินเองใช่ไหมคะ นิ่มจำได้ว่าพี่จดหมายเล่าว่าทำอาหารกินเองตั้งหลายอย่าง” “ความจำดี ใช่ค่ะ พี่ทำอาหารรับประทานเอง” “แสดงว่าต้องทำอาหารเก่ง” “ทำอาหารง่ายๆ ค่ะ แต่น่ารักแบบนี้ พี่ต้องให้รางวัลคนความจำดีนะคะ” เขาเดินเข้าหา เธอถอยไม่ทันเลยถูกรั้งไปจุ๊บหน้าผากเร็วๆ หนึ่งที  นิ่มยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองไปมา ยิ้มเขินแล้วรีบเดินไปนั่งบนแคร่ไม้ที่อยู่อีกมุมหนึ่ง โมกข์เดินไปนั่งลงใกล้ๆ เธอขยับเขาก็ดึงมากอด “พี่โมกข์น่ะ เดี๋ยวทำกับข้าวไม่เสร็จนะคะ” เธอช้อนสายตาขึ้นไปมอง “ก็อย่าหนีพี่สิคะ” เขาขยับเข้าไปพูดใกล้ๆ นิ่มหลบสายตา เอาอีกแล้วหัวใจสาวเต้นระรัวจนแทบจะโลดออกมานอกอกอีกแล้ว “พี่โมกตำน้ำพริกนะคะ นิ่มจะทำน้ำพริกลงเรือ” เธอรีบเปลี่ยนไปพูดเรื่องการทำอาหาร “น่ากินจัง” “พี่โมกข์อยากกินเหมือนกันเหรอคะ” “เปล่าครับ หมายถึงคนตรงหน้านี้แหละ น่ากินจัง” เขาจิ้มจมูกเล็กๆ ของเธอเบาๆ โมกข์ขยับเข้าใกล้ งับจมูกเล็กๆ ของเธอด้วยความเอ็นดู “อุ๊ย! พี่โมกข์น่ะ ตำน้ำพริกได้แล้วค่ะ” “คร๊าบ” เขารับคำ ยิ้มหวานให้เธอแล้วจัดการโขลกกระเทียม กะปิ และน้ำตาลปี๊บจนละเอียดเข้ากันดีแล้วใส่เนื้อมะดัน เนื้อมะอึก และพริกขี้หนู โขลกผสมจนเข้ากันอีกครั้ง นิ่มช่วยปรุงรสด้วยน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน ก่อนตักชิม “พี่โมกข์ลองชิมดูสิคะว่าอร่อยหรือยัง” เธอตักให้เขาลองชิมเผื่อต้องปรุงอะไรเพิ่ม “อร่อยแล้วครับ” เขาอ้าปากชิมแล้วพยักหน้าให้เธอ นิ่มจัดการเทน้ำมันพืชใส่ลงในกระทะ เปิดไฟปานกลางพอให้ร้อน แล้วจัดการตักเครื่องที่โขลกไว้ลงใส่ลงในกระทะผัดจนหอม “หอมจังค่ะ” โมกข์เข้ามากระซิบเบาๆ เธอก็ยิ้มให้เขา ก่อนเริ่มทำหมูหวานเพราะแม่ครัวหั่นเนื้อเตรียมเอาไว้ให้แล้ว นิ่มเทน้ำมันพืชลงในกระทะ โดยใช้ไฟปานกลาง ใส่หอมแดงลงไปเจียวจนหอม ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลาลงไป คนผสมให้เข้ากัน ใส่เนื้อหมูลงผัดจนสุกจนเนื้อหมูเงาสวย นิ่มชิมแล้วพยักหน้าว่าอร่อย แต่ไม่ลืมตักป้อนให้คนที่คอยตามติดเธอแจไม่ยอมห่างตัวได้ชิมด้วย เขาชิมแล้วพยักหน้าบอกว่าอร่อยเช่นเดียวกัน “เดี๋ยวทำปลาดุกฟูด้วยนะคะพี่โมกข์” เธอบอกเขาแล้วจัดการทอดปลาดุกฟูจนเหลืองกรอบ โมกข์ตามสาวน้อยไปอีกด้าน เห็นเธอหยิบไข่เค็มที่ดองเอาไว้ออกมาจากโถ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD