บทที่ 8 (กำลังใจของแม่)
“ ไปไหนมาวะเต เนี่ยลุงบอกว่าให้แกกับฉันกลับก่อนเลยไม่ต้องรอลุง เห็นว่าลุงจะเคลียร์งานอีกสักพักน่ะ ” อาทิตย์กลับเข้ามาหาชายหนุ่มในห้องแต่ก็ไม่เจอ เมื่อสักครู่เขาไปหาวิทวัสที่ห้องมาแล้ว อาทิตย์เห็นเอกสารที่วิทวัสกำลังดูอยู่ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดเขาก็พอจะรู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องนั้น ที่หอมหวนซึ่งเตชินท์ให้เขาจับตาดูอยู่
“ ไปสูบบุหรี่มาน่ะกลับกันเลยไหมล่ะ”เตชินท์เอามือดึงเนกไทและหันไปมองหน้าลูกพี่ลูกน้องของตนเอง เขาไม่ได้บอกความจริงกับอาทิตย์ว่าเขาไปดักเจอโชติมนต์มา ไม่ใช่ว่าเตชินท์จะปิดบังแต่เขายังไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้เพราะด้วยว่าโชติมนต์เองก็ไม่ได้มีท่าทียินดีที่ได้เจอกับเขา ถ้าเขาปรับความเข้าใจกับโชติมนต์ได้เขาต้องบอกอาทิตย์อย่างแน่นอน
“ เออ กลับเลยแล้วพรุ่งนี้น่ะขับรถมาเองเลยนะเว้ย ที่จริงวันนี้ฉันจะไปหาน้องเนยที่บ้านสักหน่อย เพราะต้องไปส่งแกนี่แหละอดไปเลยไอ้คุณเต ” อาทิตย์บ่นอย่างไม่จริงจังนักเขาพลาดไปรับเจ้าหญิงริน แล้วยังไม่ได้แวะไปหาแม่ของเด็กหญิงอีกด้วย อาทิตย์เอามือเสยผมอย่างเซ็ง ๆ
“ แกไปหาเขาบ่อยเหรอวะอิทธิ ”เตชินท์เหล่ตามองอาทิตย์เล็กน้อยโดยที่อาทิตย์ไม่ทันได้สังเกตเห็น เขาถามออกไปนิ่ง ๆ และรอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ใคร..” เพราะกำลังคิดถึงเจ้าหญิงรินอยู่เลยทำให้อาทิตย์ไม่แน่ใจว่าเตชินท์หมายถึงใครกัน
“ เด็กแกไง ”เตชินท์ยกมือถือขึ้นมากดนั่นกดนี่เหมือนกับว่าเขาถามไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้อยากจะรู้คำตอบสักเท่าไรแต่ความจริงหาเป็นแบบนั้นไม่
“ อย่าพูดแบบนั้น เนยไม่ใช่เด็กฉัน ฉันชอบเขาจริง ๆ ฉันตามจีบมาเป็นปี ๆ แล้วนะแต่น้องเนยใจแข็งมาก ๆ แต่ฉันไม่ยอมแพ้หรอกนะ นี่ก็ยอมเรียกฉันว่าพี่อิทธิแล้ว ถือว่าคืบหน้าไปเยอะเลยล่ะ”ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นอาทิตย์เฝ้าบอกตนเองทุกวันจะให้ไปจีบคนอื่นก็ทำไม่ได้เพราะใจมันรักไปแล้ว
“ เฮอะ จีบเป็นปีได้แค่พี่อิทธิ ” เตชินท์รู้สึกภูมิใจอย่างบอกไม่ถูกที่ผ่านมาแสดงว่าหญิงสาวไม่ได้มีใคร เพราะตอนอยู่ด้วยกันเธอว่าง่ายกับเขามาก โชติมนต์ตามใจเตชินท์ทุกอย่างไม่ว่าเตชินท์พูดอะไรเธอก็ไม่เคยมีปัญหาเลยสักครั้ง อาจจะเป็นเพราะว่าเขาก็คือผู้ชายคนแรกในชีวิตของเธอด้วย แต่ก็นั่นแหละเพราะเธอว่าง่ายทุกอย่าง ครั้งนั้นเตชินท์จึงไม่คิดว่าการที่เขาขอให้เธออยู่เงียบ ๆ กับเขาไปก่อนแค่รอให้ถึงเวลาอันสมควรเท่านั้น
นอกจากโชติมนต์จะไม่รอแต่เธอยังหนีหายไปจากเขาอีกด้วย เตชินท์เพิ่งจะรู้ว่าการตายทั้งเป็นรู้สึกอย่างไรก็ตอนนั้นนั่นเอง
“ เฮ้ย ก็น้องเนยเธอไม่เหมือนใครนี่หว่า แต่ว่ายาก ๆ แบบนี้แหละเหมาะจะเป็นแม่ของลูก แกไม่ต้องพูดมากเลยไอ้เตพรุ่งนี้ขับรถมาเองเลยนะ”
“ เออ ๆ รู้แล้ว ” สองหนุ่มเดินคุยกันไปยังลานจอดรถด้านล่าง อาทิตย์จำเป็นต้องขับรถมาส่งเตชินท์อย่างเลี่ยงไม่ได้แต่ถึงอย่างนั้นอาทิตย์ก็บ่นเตชินท์ไปตลอดทางเช่นกัน แต่เตชินท์ก็หาได้สนใจเขาก็นั่งฟังบ้างไม่ฟังบ้างปล่อยให้คนพูดมากอย่างอาทิตย์พูดไปตลอดทางนั่นแหละ
.
..
...
“ จุนแม่ขา มีอาไยให้น้อนรินช่วยไหมคะ”เด็กหญิงเดินเข้ามาหามารดาตนเองข้างในครัว โชติมนต์กำลังทำกับข้าวอยู่หันมามองและยิ้มให้ลูกสาวของเธอที่อาสามาขอช่วยงานเธอทำอย่างเด็กที่มีน้ำใจ
“ มีค่ะ น้องรินช่วยคุณแม่หน่อยได้ไหมคะ” โชติมนต์อดจะภูมิใจในตัวเด็กหญิงไม่ได้เลยจริง ๆ ทำไมสวรรค์ถึงได้กลั่นแกล้งให้ลูกเธอต้องไม่สบายเช่นนี้ด้วยนะ เด็กน่ารักขนาดนี้ควรจะมีช่วงเวลาดี ๆ ได้วิ่งเล่นกับเพื่อน ๆ ตามประสาไม่ใช่เข้าออกโรงพยาบาลจนเหมือนบ้านหลังที่สองอย่างนั้น
“ ได้คร้า ช่วยอาไยคะ” รินลดาตาวาวด้วยความดีใจ นาน ๆ คุณแม่ของเธอจะมีอะไรให้เธอช่วยสักครั้งซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากเลยจริง ๆ เพราะเวลาเธอจะทำอะไรคุณแม่ของเธอก็จะต้องเข้ามาทำให้เองตลอด ถ้าไม่ใช่คุณแม่ก็จะเป็นคุณน้าอย่างจันทร์วาดทุกครั้งไป ซึ่งบางครั้งรินลดาก็อยากจะเรียนรู้ตามวัยอยากรู้อยากเห็นของเด็กรุ่นนี้บ้าง
“ ช่วยหอมแก้มแม่สักที แล้วก็ไปนั่งดูการ์ตูนรอนะคะ แม่ขอแค่กำลังใจก็พอค่ะ”
“ ก่าได้ค่ะ มาจิน้อนรินจาหอมจุนแม่เอง ”โชติมนต์เดินไปย่อตัวให้ลูกสาวเธอได้หอมอย่างถนัด ๆ เมื่อหอมกันเป็นที่พอใจแล้วเด็กหญิงก็เดินกลับไปดูการ์ตูนตามที่คุณแม่บอก โชติมนต์มองดูลูกสาวของเธอที่เหมือนจะซีดเซียวลงไปอีกสงสัยจะรอให้ถึงเวลานัดไม่ได้แล้ว เธอคงต้องพาไปหาหมอก่อนเวลาซะแล้วหญิงสาวหันมาทำกับข้าวต่อเธอใช้เวลาไม่นานเท่าไรอาหารร้อน ๆ ก็ส่งกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอไปยังหน้าทีวีที่เด็กหญิงนั่งอยู่ ส่งผลให้เด็กน้อยเดินกลับเข้ามาในครัวอีกรอบ
“ จุนแม่ขา ท้องน้อนรินย้องแย้วค่ะจุนแม่มาฟังจิคะ”เด็กหญิงเอามือลูบท้องตัวเองอย่างเขิน ๆ เธอไม่ได้โกหกแต่ท้องเธอส่งเสียงประท้วงออกมาจริง ๆ เพราะทนกับกลิ่นอาหารหอม ๆ ของคุณแม่ของเธอไม่ได้เลย
“ ไหนคะ มาฟังหน่อย ” โชติมนต์ยกกับข้าวไปตั้งบนโต๊ะอาหารแล้วจึงเดินมาอุ้มเด็กหญิงไปนั่งที่เก้าอี้ เธอเอาหูแนบกับท้องของเด็กหญิง แล้วจึงเงยหน้ามาทำตาโตเหมือนคนตกใจเสียเต็มประดา
“ อูยย ร้องจริง ๆ ด้วยหิวแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ตักข้าวให้นะคะน้องรินต้องทานเยอะ ๆ นะคะคุณแม่ตั้งใจทำอย่างสุดฝีมือเลยล่ะ ”โชติมนต์ลุกขึ้นเดินไปตักข้าวให้รินลดาและตักให้เธอเองด้วย
“ น้าจอยไปหาลุงเชนอีกแย้วเหยอคะ” รินลดารู้ว่าถ้าน้าสาวของเธอไม่อยู่บ้านก็ต้องไปหาลุงเชนอย่างแน่นอน หรือบางครั้งลุงเชนของเธอก็จะมาหาเธอที่บ้านบ่อย ๆ เช่นกัน รินลดารักจันทร์วาดแล้วก็ราเชนทร์เป็นอย่างมากเพราะทั้งคู่ก็เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ
“ ค่ะ ไปหาลุงเชนอ้อ!!แม่ลืมบอก ลุงเชนฝากเค้กคุณกระต่ายมาให้น้องรินด้วยนะคะ แต่น้องรินต้องทานข้าวก่อนแม่ถึงจะให้ทานนะคะ โอเคไหม ”
“ โอเชคร้า น้อนรินจะทานข้าวเดี๋ยวนี้เยย ” เมื่อถูกล่อลวงด้วยเค้กกระต่ายของลุงเชน รินลดาก็ตาวาวด้วยความอยากทาน เด็กหญิงรีบตักข้าวเข้าปากคำโต ๆ เพราะจิตใจของเธอล่องลอยไปอยู่เค้กกระต่ายเป็นที่เรียบร้อย
“ ไม่ทานคำใหญ่ ๆ แบบนั้นนะคะ ค่อย ๆ ทานค่ะ เค้กคุณกระต่ายไม่หนีน้องรินไปไหนหรอกค่ะ ” โชติมนต์เห็นลูกสาวเธอตักคำใหญ่ก็รีบห้าม แต่ก็พูดยังไม่ทันขาดดีคำรินลดาก็สำลักคำโตเสียแล้ว
“ ขอน้ำหน่อยค่ะจุนแม่ ”
“ นี่ค่ะ เห็นไหมคะ คุณแม่บอกแล้วคราวนี้ทานช้า ๆ นะคะ” โชติมนต์ส่งน้ำให้กับลูกสาวและเดินไปลูบหลังให้อย่างเป็นห่วง ไอทีไรลูกเธอก็หอบตัวโยนทุกที โชติมนต์มองริดลดาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเธอกลัวว่าเดี๋ยวไอมาก ๆ เด็กหญิงจะหอบเอาอีกจนได้
“ ค่ะ น้อนรินขอโทษนะคะ จุนแม่อย่าโกรธนะคะ” รินลดาเหลือบตาขึ้นไปมองสีหน้าของมารดา เธอก็กลัวว่าจะโดนมารดาของเธอโกรธ เด็กหญิงรีบยกมือน้อย ๆ ไปกอดมารดาเธอเอาไว้อย่างออดอ้อน
“ คุณแม่ไม่โกรธหรอกค่ะ แม่ขอโทษที่ทำหน้าดุใส่หนูนะคะ มาค่ะทานข้าวต่อนะคุณแม่ป้อนดีกว่าเนอะ” เมื่อรู้ว่าตนเองเผลอแสดงสีหน้าไม่ดีออกไป เธอจึงรีบยิ้มออกมา
“ ก็ได้ค่ะ” เด็กหญิงอ้าปากกว้างให้มารดาของเธอป้อนให้อย่างเต็มอกเต็มใจ