ตอนที่ 4
“แต่สิ่งที่คุณทำ มันไม่ใช่พฤติกรรมของผู้ชายที่จะทำกับผู้หญิงไม่มีทางสู้นะ” ปัณฑารีย์ต่อว่าเสียงสั่น ด้วยหวังว่าคำพูดที่ออกไปจะทำให้ชายหนุ่มเปลี่ยนใจปล่อยเธอกลับบ้าน กลับไปอยู่ตามลำพังประสาคนถูกทอดทิ้ง
“แล้วไง ผู้ชายต้องทำยังไงกับผู้หญิงละ ต้องทำแบบนี้หรือไง” ฮัมดีนโน้มใบหน้าลงไปจนปากหนาแนบบนเรียวปากนุ่มอย่างแม่นยำ เขากดย้ำลงไปอย่างหนักหน่วงและรุนแรงด้วยต้องการโทสะที่มีและอารมณ์บางอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ในใจ
ปัณฑารีย์ทั้งกลัวและตกใจแต่เพราะยังไม่เคยได้ใกล้ชิดชายใดเช่นนี้มาก่อน เลยทำให้เกิดอารมณ์บางอย่างที่ไม่อาจจะฝืนได้ สัมผัสที่ทำให้เธอถึงกับเข่าถึงกับอ่อนยวบ แต่ดีว่าได้อ้อมแขนแข็งแรงรัดเอวไว้ เธอยกมือยันอกกว้างสลับกับดันใบหน้าคมให้ถอยห่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องถอยไปทางไหนดี ด้านหลังก็ติดกับกำแพงหนา แล้วตัวเธอยังตกอยู่ในอ้อมกอดของชายที่นิสัยไม่ดี หยามเกียรติวนเวียนมอบจุมพิตเร่าร้อนและดูดดื่ม ดูดกลืนเอาลมหายใจของเธอออกจากปอด
จนตอนนี้ปัณฑารีย์รู้สึกเหมือนกับว่า เธอกำลังจมลงไปในน้ำ หายใจไม่ออกเพราะขาดออกซิเจน ปากเล็กอ้าออกเพื่อสูดเอาลมหายใจเข้าปอด แต่กลับเป็นการเปิดทางให้ชายนิสัยไม่ดีที่เฝ้ารออยู่ก่อนแล้ว ส่งลิ้นสากร้อนล่วงล้ำเข้ามาภายใน
แม้จะหวั่นไหวไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้าน อีกทั้งยังคิดอะไรไม่ออก แต่ปัณฑารีย์ก็ยังพยายามที่จะพาตัวเองให้หลุดจากอ้อมกอดและสัมผัสของฮัมดีน แต่เธอกลับไม่รู้เลยว่า ยิ่งต่อต้าน กลับยิ่งก่อเกิดความปรารถนามากยิ่งขึ้น
คิดไม่ถึงว่าสัมผัสที่ได้รับจากปัณฑารีย์จะหวานขนาดนี้ ยิ่งทำให้อยากใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ปากเขาขบเม้มดื่มด่ำกับจุมพิต ขณะมือก็นวดคลึงไปทั่วกายอรชรอย่างย่ามใจ
สัมผัสที่มีทั้งเราร้อนและอ่อนหวาน อีกทั้งยังเรียกร้องให้ตอบสนองทำให้ปัณฑารีย์เริ่มไม่เป็นตัวของตัวเอง ยิ่งเธอพยายามผลักไสมากเท่าไหร่ กลับยิ่งทำให้ตัวเองตกลงในห้วงสัมผัสที่ฮัมดีนมอบให้มากเท่านั้นและเธอก็เผลอตอบสนองไป
มือที่เคยวางเฉยเริ่มเคลื่อนไหวไปอย่างเชื่องช้า กล้าๆ กลัวๆ สองแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง นิ้วเรียวยาวสอดแทรกไปตามเส้นผมหนานุ่ม
ใบหน้าคมเคลื่อนไปทั่วใบหน้านวลและหยุดที่ใบ ขบเม้มพลางหยอกล้อกับช่องหูเล็ก
“ก็เธอมันเร่าร้อนและง่ายแบบนี้นี่เองปั้นหยา ผู้ชายถึงอยากได้มานอนด้วย”
เพี๊ยะ!! เพี๊ยะ!!
ใบหน้าคมคร้ามหันไปตามแรงฝ่ามือเล็กที่แม้จะไม่เจ็บมาก แต่ก็ร้าวไปไม่น้อยเหมือนกัน ปลายลิ้นสากร้อนกระทุ้งแก้มข้างที่ถูกตบ ก่อนจะแสยะยิ้ม
ปัณฑารีย์ก้มมองมือตัวเอง แล้วเงยกลับไปมองหน้าคนถูกตบด้วยความงุนงงและตกใจ ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัด เมื่อได้สบกับสายตาคมดุราวกับจะฉีกเนื้อเธอออกเป็นชิ้นๆ ร่างเล็กบางสั่นเทา รีบย่อตัวลงหวังว่าจะหนีจากอ้อมกอดฮัมดีนให้เร็วที่สุด
“กล้ามากนะปั้นหยา ไม่เคยมีใครกล้าทำอย่างนี้กับฉันมาก่อน แล้วเธอก็เป็นคนแรก”
ฮัมดีนจับแขนเรียวและดึงเข้าหาตัว “ถ้าเป็นผู้ชาย ป่านนี้คงจะลงไปนอนดิ้นกระแด่วๆ อยู่บนพื้น แต่เป็นเธอก็คงต้องโดนอย่างนี้”
ฮัมดีนกระแทกปากลงไปบนปากนุ่มอิ่มเต็มอีกครั้ง แขนใหญ่รัดรอบเอวเล็กคอดแล้วลากเอาตัวปัณฑารีย์เข้าไปในห้องพักด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว
“อื้อ...อื้อ....” ปัณฑารีย์พยายามส่ายศีรษะหนี มือก็ทั้งผลักทั้งดันและทุบตี ใช้เท้าช่วยก็แล้ว แต่ยังไม่สามารถหลุดรอดออกจากแขนแกร่งได้
ขาเรียวยาวแตะขอบเตียง ก่อนร่างเล็กบางจะเอนลงไปด้วยแรงจากร่างใหญ่ที่ยังคงตามติด มอบจุมพิตหวาน เร่าร้อนและดุเดือดราว ราวกับถ่านไฟร้อนๆ ที่นาบไปตามลำตัวเล็ก
ริมฝีปากหนาร้อนบดคลึงเรียวปาก ลิ้นสากร้อนล่วงล้ำเข้าไปควานหาความหวานจากโพรงปากเล็ก ฮัมดีนจับแขนเล็กที่พยายามทำร้ายเขาตรึงไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างลากไล้ไปบนกายเนียนนุ่ม เขาหยุดวางมือบนปทุมถันอวบอิ่ม กดคลึงฟอนเฟ้นตามอารมณ์โกรธที่มี
แต่เมื่อได้ลิ้มรสความหวานนุ่มดุจน้ำผึ้งเดือนห้า โทสะที่มีก็เริ่มเจือจาง จุมพิตที่เคยรุนแรงดุเดือดก็ลดความรุนแรงกลายเป็นจุมพิตหวานเชื่อม เร่าร้อนและเรียกร้องให้คนที่ส่ายหนีอยู่ตอบสนอง
“ปะ...ปล่อยฉันนะ คะ...คุณฮัมดีน”
ปัณฑารีย์ร้อนผ่าวเหมือนอยู่บนเปลวเพลิง กายบางสั่นสะท้าน ลมหายใจหอบกระเส่าราวกับคนที่วิ่งวนอยู่ในเขาวงกตหาทางออกไม่เจอ ปทุมถันอวบอิ่มสะท้อนขึ้นลงตามแรงลมหายใจเสียดสีกับอกกว้างที่กดทับลงมา ไรหนวดและเคราแข็งๆ บนใบหน้าคมตำลงไปบนผิวเนื้อขาวนวล ที่แม้จะเจ็บอยู่บ้าง แต่ก็เสียวซ่านและรัญจวนใจไม่น้อย
ฮัมดีนบดจูบปากอิ่มนุ่มอย่างหนักหน่วงก่อนจะเคลื่อนริมฝีปากร้อนไปบนลำคอระหง แอ่งชีพจร ก่อนจะหยุดที่ดอกบัวตูมเต่งตึง เขากดฝังใบหน้าลงไป แนบจมูกเพื่อสูดดมกลิ่นสาบเนื้อสาวและกลิ่นหอมของเครื่องประทินผิวที่หาซื้อได้ตามท้องตลาด
ฮัมดีนไม่สนใจคำพูดของปัณฑารีย์เลย ตอนนี้เขาหูอื้อ เพราะหลงในความหวานหอมของหญิงสาวเสียจนไม่ได้ยินสิ่งใด
“ปล่อยให้เธอไปยั่วยวนพ่อฉันอย่างนั้นเหรอปั้นหยา ให้เธอไปเกิดใหม่ก็อย่าหวังจะได้อยู่ใกล้ชิดกับพ่อฉัน อย่างเธอต้องเจอกับฉัน ถึงจะสมน้ำสมเนื้อกัน”
ปากหนาขบเม้มผิวเนื้อเนียนหอมผ่านเนื้อผ้าหนาๆ ที่หญิงสาวใส่อย่างอารมณ์ไม่ดี เมื่อไม่ได้ลิ้มรสความหวานตามที่ต้องการ เขารีบกำจัดเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมอยู่ออกทีละชิ้นอย่างรวดเร็ว จนเหลือสองชิ้นสุดท้ายปกปิดเนินเนื้อสาวอวบอิ่มหอมจรุงใจ
“มะ...ไม่ใช่นะคะ คะ...คุณเข้าใจผิด...แล้ว” ปัณฑารีย์พยายามชี้แจงความจริง เธอไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เธอไม่ได้อยากจะเป็นอย่างที่เขาว่าด้วย แต่ความร้อนผ่าวที่ลามเลียอยู่กลับดึงสติของเธอที่มีให้ค่อยๆ จางหายไป
มือเล็กที่ไม่รู้ว่าถูกปล่อยเมื่อไหร่วางบนบ่ากว้าง แล้วเคลื่อนไล่ไปตามแผ่นหลังกว้าง แม้จะมีเสื้อปกคลุมอยู่ แต่มันก็ปกปิดความร้อนที่แผ่ซ่านออกมาไม่ได้ ใบหน้านวลแหงนไปด้านหลัง เพื่อให้บัวตูมเต่งตึงแนบชิดกับสัมผัสปากร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่
ฮัมดีขบเม้มผิวเนื้อเนียนผ่านชั้นในลายลูกไม้สีหวาน จนสองปทุมถันอวบอิ่มเปียกชื้น ในขณะที่มือก็ลากไล้วนเวียนทิ้งความร้อนผ่าวไปทั่วลำตัวบอบบาง
“อื้อ...คะ...คุณ...ฮัมดีน ไม่นะคะ” ปัณฑารีย์สะดุ้งเฮือก ใบหน้าส่ายไปมาเมื่อถ่านไฟร้อนผ่าวทาบไปบนหน้าท้องแบนราบ บ้างก็ป่ายปัดไปยังเนินดอกไม้ขาวสะอาด สติที่เคยเลือนหายไปเริ่มกลับมา พร้อมกับความกลัวในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
มือข้างหนึ่งพยายามผลักใบหน้าคมคร้าม อีกข้างก็รีบจับมือที่ลูบไล้ไปทั่วกายให้ออกไป
“เธอจะสะบัดสะบิ้งไปทำไมปั้นหยา เธอต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไง ฉันเห็นเธอแอบส่งสายตาให้ พยายามใช้มารยายั่วยวนฉันอยู่ตลอดเวลา แต่พอฉันเอาจริงขึ้นมา เธอกลับไม่กล้า ฮึ”
ฮัมดีนสบถและรำคาญกับมือเล็กที่พยายามจะดันกายเขาออกห่าง เขาเลยจับมือเรียวตรึงไว้เหนือศีรษะอีกครั้ง ก่อนปากหนาจะขบเม้มกลืนกินทับทิมผลหวานนุ่มผ่านผ้าลูกไม้ ปลายลิ้นหยอกเย้าดุนดันมันเข้าปาก ฟันขาวสะอาดขบเม้มดึงแล้วปล่อย
“หวาน...หวานมากเลย...ปั้นหยา...”