ตอนที่ 5
ใบหน้าคมวนเวียนขมเม้มกลืนกินความหวานนุ่มของเนินดอกบัวอวบอิ่ม วนไปเวียนมาซ้ายขวาสลับกัน มือใหญ่ช้อนเอาร่างบางที่ตัวอ่อนระทวย แต่ก็ยังพยายามเรียกสติขึ้นมาขัดขืนเขาขึ้น ปลดเอาตะขอเสื้อชั้นในออกและโยนทิ้งไป ขณะเขากดฝังใบหน้าแนบชิดปทุมถันสล้าง
สติของปัณฑารีย์ที่ยังหลงเหลืออยู่น้อยน้อยนิด หายไปพร้อมริมฝีปากที่ประทับบนผลทับทิมข้างหนึ่ง มือเล็กเรียวดึงออกจากมือแกร่งวางบนศีรษะทุย นิ้วเล็กซอกซอนเข้าไปลูบไล้เส้นผมหนานุ่มสลวย
“ขอฉันนะปั้นหยา”
ปัณฑารีย์ไม่รู้ว่าฮัมดีนขอสิ่งใดจากเธอ เธอรู้เพียงแค่ว่าตอนนี้ความร้อนผ่าวราวกับเปลวเพลิงกำลังเผาไหม้ ร้อนไปหมดทั้งกายและเธอต้องการที่จะปลดปล่อยมันออกไป
“ค่ะ”
ฮัมดีนดูดกลืนขบเม้ม ปลายลิ้นสากร้อนตวัดลากไล้ไปทั่วปทุมถันอวบอิ่มทั้งสองข้างอย่างหลงใหล เท่าที่ได้เคยสัมผัสกับหญิงสาวมาก็ไม่น้อย แต่ไม่เคยมีใครทำให้เขากระหายและเร่าร้อนได้เท่าที่ปัณฑารีย์เลย กายใหญ่ปวดร้าวจนแทบจะทานทนไม่ไหว แต่ก็จำต้องยุติทุกอย่างลงก่อนที่มันจะสายเกินไป
ฮัมดีนพยายามคิดว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่จะมาเป็นแม่เลี้ยง เป็นเมียของพ่อ แต่ความหวานหอมที่ได้รับ ก็ทำให้เขาถึงกับเตลิดไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มือใหญ่ฟอนเฟ้นบีบนวดกายนุ่มนิ่ม สัมผัสจุดอ่อนไหวของหญิงสาวอย่างไม่สามารถที่จะหักห้ามใจได้
ริมฝีปากหนาเคลื่อนขึ้นไปจูบปากนุ่มอิ่มเต็ม ปล่อยให้มือใหญ่นำทางไปหาความอบอุ่นฉ่ำร้อน ซอกซอนเข้าไปจนสุดปลายทาง
“อึก...คะ...คุณฮัมดีน...ปะ...ปล่อยฉันนะ”
ปัณฑารีย์ร้องห้าม เมื่อสัมผัสกับความเจ็บและจุกแน่น เธอพยายามถอยหนีแต่ก็ถูกชายหนุ่มกักตัวไว้ เธอจิกเล็บลงไปบนบ่ากว้างเต็มแรง ความเจ็บปวดแทรกซึมเปลี่ยนเป็นเสียวซ่านและรัญจวนใจ เมื่อฮัมดีนรุกเร้านำทางให้หญิงสาวเตลิดกลับเข้าไปในเพลิงพิศวาสใหม่อีกครั้ง
แรกเริ่มถอยหนีก็เปลี่ยนเป็นการรุกเร้าและเรียกร้อง พร้อมกับตอบสนองไปอย่างไม่ประสีประสา แขนเรียวโอบรอบกายใหญ่ หายใจหอบกระเส่า ปทุมงามอวบอิ่มบดเบียดเสียดสีกับกายใหญ่แนบชิดไปทั่วสรรพางค์
“ปั้นหยา ยายแม่มด ยายตัวร้าย”
ปัณฑารีย์ตอบสนองเสียจนฮัมดีนหัวหมุนเหมือนกับลูกข่าง เขาขบเม้มดูดกลืนความหวานฉ่ำจากโพรงปากนุ่ม พลางบดเบียดกายนำพาให้หญิงสาวไปพานพบเส้นทางสีรุ้งภายในเวลาเพียงไม่นาน
ฮัมดีนลุกขึ้นยืนเพื่อถอดเสื้อผ้าออก ด้วยหวังมอบความสุขให้กับตัวเอง ทว่า...
ก๊อก ก๊อก
“นายครับ” ยูซาร็อบเคาะประตูเรียก เมื่อเห็นว่านายหนุ่มหายเข้าไปอยู่ในห้องของปัณฑารีย์นานจนเกินเหตุ ด้วยความกลัวว่านายจะบันดาลโทสะทำอะไรหญิงสาวเสียก่อนที่จะนำส่งถึงมือ ฮัมดาน อิลลา ซยานีนผู้เป็นบิดา ให้สองพ่อลูกต้องมีเรื่องขัดแย้งกันมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม
ฮัมดีนถึงกับร้องครางความเจ็บปวด ดวงตาแข็งกร้าวมองคนที่นอนตัวอ่อนระทวย เนื้อตัวแดงก่ำ ดวงตาหวานเชื่อมและเชิญชวนอย่างที่หญิงสาวเองก็ไม่รู้ตัวอย่างมีโทสะ เขารีบเดินอย่างเร็วไปในห้องน้ำระบายความเจ็บปวด อย่างกับสัตว์ที่บาดเจ็บอย่างหนัก
ปัณฑารีย์มองตามร่างใหญ่อย่างงุนงง หากเมื่อสายลมพัดแผ่วพลิ้วมาถูกกายทำให้เธอรู้สึกตัว รีบคว้าผ้าห่มนวมมาปกคลุมกาย ใบหน้านวลเอ่อแดงและร้อนผ่าว น้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความเจ็บปวดและอับอาย
ปัณฑารีย์ยื่นมือไปเก็บเสื้อผ้าที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา แต่ก็สวมใส่ได้เพียงแค่สองชิ้นเล็กประตูห้องน้ำก็เปิดออกมาดังปังจนเธอถึงกับสะดุ้งเฮือกจนปล่อยเสื้อหล่นจากมือ ขาเรียวถอยไปด้านหลัง มือก็รีบคว้าเอาผ้านวมบนเตียงมาคลุมกาย แต่ก็ไม่ทันร่างใหญ่ที่เดินปราดเข้ามาหา
ฮัมดีนคว้ามือเรียวและบีบเสียจนปัณฑารีย์คิดว่าแขนอาจจะหัก เจ็บจนชาและร้าวไปหมดทั้งแขน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน ไม่อยากร้องแต่น้ำตาที่หยุดไหลแล้วเริ่มเอ่อล้นและไหลอาบแก้มอีกครั้ง เพราะเจ็บปวดและอับอายกับสายตาคมที่มองอย่างดูถูกและเหยียดหยาม
ฮัมดีนกระตุกร่างบางเขามาหา จับแขนเรียวไพล่ไปหลัง พลางก้มหน้าลงไปแนบปากลำคอระหง อีกมือก็วางบนดอกบัวตูมเต่งตึง ปลายนิ้วไล้วนเวียนรอบทับทิมผลนุ่ม
ใบหน้าคมเคลื่อนไปจนถึงใบหูนุ่ม กระซิบเสียงแข็งกร้าวและดุร้าย “นี่เป็นเพียงแค่บทเรียนเล็กน้อยสำหรับเธอที่กล้าทำร้ายฉัน ปั้นหยา” ฮัมดีนกดจูบปากอิ่มกดคลึงซอกซอนหาความหวานจนพอใจ แล้วจึงยอมปล่อยร่างบางเป็นอิสระ
“แต่งตัวให้เรียบร้อยภายในห้านาทีนะปั้นหยา ฉันจะพาเธอไปทานอาหารแล้วจะได้กลับมาพักผ่อน พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า” ฮัมดีนผลักร่างบางออกไป เพราะต้องการสะกดอารมณ์ที่มันยังคงมีอยู่
ชายหนุ่มหันหลังเดินไปที่ประตูห้องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะทนกับความต้องการไม่ได้ แล้วเผลอทำลายผู้หญิงที่จะกลายเป็นนางบำเรอคนใหม่ของพ่อไป แต่เขาก็ไม่รับประกันนะ การเดินทางรอนแรมในทะเลทรายนานนับเดือน เขาจะทนกับการยั่วยวนและยั่วยุของหญิงสาวได้หรือเปล่า ถ้าทนไม่ไหว มีอะไรกับปัณฑารีย์ขึ้นมา จะโทษเขาไม่ได้ ต้องโทษแม่สาวน้อยที่ยืนยั่วยุอารมณ์เขาอยู่นั่นแหละ
เพราะเพียงแค่สองสามคืนที่เขาต้องนอนเฝ้าหญิงสาวในห้องนี้ ก็สร้างความเจ็บปวดและทรมานจนแทบจะนอนไม่หลับอยู่แล้ว ถ้าต้องอยู่ต้องนอนห้องเดียวกัน ได้เห็นได้สัมผัสรูปร่างของอีกฝ่าย เชื่อว่าความอดทนอดกลั้นที่มีจะแตกออกมา เมื่อถึงวันนั้นเขาก็ไม่รับรองว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นยังไง
ปัณฑารีย์ทรุดตัวลงกองกับพื้นห้อง พร้อมกับร้องไห้โฮ ร่างบางสั่นไหวอย่างรุนแรง น้ำตาไหลอาบแก้ม จนไม่ได้มองว่าตอนนี้ฮัมดีนที่เดินเกือบจะถึงประตูห้องอยู่แล้วเดินย้อนกลับมาหาอีกครั้ง
“ถะ...ถอยออกไปนะ อย่าเข้ามา....”
แต่ฮัมดีกลับไม่สนใจ เขาเดินไปหาปัณฑารีย์ด้วยรอยยิ้มดุร้าย
มือใหญ่เชยคางมลขึ้น “หือ...เธอร้องไห้กับเรื่องแบบนี้เป็นด้วยหรือปั้นหยา ฉันนึกว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อย ก็แค่นอนกับใครสักคนเท่านั้นเอง” ฮัมดีนพูด ทั้งที่ก็รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เป็นเพราะตัวเขานั่นแหละที่เตลิดเพราะความหอมหวานของปัณฑารีย์ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร
ปัณฑารีรย์บริสุทธิ์ผุดผ่องและไม่ประสีประสากับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเลยสักนิด นิ้วยาวไล้ไปบนเรียวปากนุ่ม ใจเขาหวั่นไหวและสงสารหญิงสาวที่ต้องกลายไปเป็นของบรรณาการแก่บิดาของเขาไม่น้อยเหมือนกัน
“ทำไมยังไม่แต่งตัวละปั้นหยา หรือยังอยากจะยั่วฉันอีก ก็ได้นะ คราวนี้ฉันรับรองได้เลย ถึงจะมีใครมาขัดขวาง ฉันก็จะไม่สนใจด้วย”
ปัณฑารีย์ปัดมือใหญ่ออกจากใบหน้า กายเล็กที่ยังคงสะอื้นฮักถอยกรูด ขณะเดียวกันก็พยายามยื่นมือไปคว้าผ้านวมมาปกปิดร่างกาย แต่กลับถูกฮัมดีนแย่งชิงและโยนทิ้งไปอีกแห่ง
“ถะ...ถอยไปน่ะคนใจร้าย” ปัณฑารีย์ไล่ด้วยเสียงสะอึกสะอื้น ใบหน้านวลแดงจากทั้งฝีมือฮัมดีนและจากการร้องไห้เป็นเผาเต่า
“หือ...นี่เธอยังกล้าสั่งฉันหรือปั้นหยา ไม่กลัวโดนแบบเมื่อกี้อีกหรือไง” รอยยิ้มแต้มที่มุมปากหนา มองไปปัณฑารีย์ก็งดงามราวกับกุหลาบที่เพิ่งแรกแย้ม กลิ่นกายก็หอมหวานเย้ายวน ทำให้หลงใหลและอยากจะอยู่ใกล้ชิด
“ปะ...เปล่า” ปัณฑารีย์ส่ายศีรษะ