เพชรกล้ารีบเดินฝ่าวงล้อมของเหล่าประชาชนเข้ามาหาร่างของมะลิ สีหน้าของเขาเรียบนิ่งไร้อารมณ์แววตาพยายามตรวจดูไปตามร่างกายเพื่อสังเกตอาการของเธอ
"ผมเป็นหมอ ขอให้ทุกคนช่วยหลีกทางให้คนป่วยมีอากาศหายใจได้สะดวกด้วยครับ"เหล่าประชากรทุกคนต่างทยอยขับออกมาจากตรงนั้น แต่ทุกคนก็ยังคงจับจ้องสถานการณ์ไม่ไปไหน ทุกคนในที่นี้มักจะเห็นมะลิออกมาซื้อของคนเดียวเพียงลำพังอยู่บ่อยครั้งในช่วงเช้า ความสนิทสนมและเป็นกันเองทำให้พวกเขารู้จักและเป็นห่วงหญิงสาวกับเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ไหนตอนนี้
"มะลิ มะลิ เธอเป็นอย่างไรบ้าง"เพชรกล้าเขย่าตัวเรียกชื่อของหญิงสาว เขาใช้นิ้ววางนาบลงบนข้อมือเรียวเล็กเพื่อต้องการวัดชีพจร คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเมื่อชีพจรการเต้นของหัวใจนั้นมันช่างผิดปกติและสีหน้าซีดเผือดของเธอและไหนกำปั้นเล็ก ๆ ที่ทุบลงบนหน้าอกซ้ำ ๆ เบา ๆ ราวกับว่าเธอเจ็บปวดตรงบริเวณนั้นอีก อาการเบื้องต้นผ่านที่เขาสังเกตการณ์มันยิ่งทำให้เพชรกล้าขมวดคิ้วเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีก
"ขอทางหน่อยครับ"เพชรกล้าพยุงร่างของมะลิขึ้นมาอุ้มอยู่ในท่าเจ้าสาวซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่คนขับรถของตนเองวิ่งกลับมาจากการซื้อของตรงหัวมุมตลาด
"เกิดอะไรขึ้นครับคุณเพชร"
"เธอไม่สบาย เดี๋ยวนายนำของพวกนี้ไปส่งให้ที่บ้านคุณหญิงแสงมณีด้วยนะ ฉันจะพามะลิไปหาหมอ"เพชรกล้าไม่รอช้าอุ้มร่างของมะลิไปที่รถก่อนจะรีบขับมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลด้วยความเร็ว
ระหว่างที่อยู่ภายในรถเพชรกล้าเหลือบหันหน้ามามองคนนั่งข้างอยู่บ่อยครั้ง สีหน้าของมะลิแสดงถึงความเจ็บปวดและทรมานจนเพชรกล้าต้องกดเหยียบคันเร่งให้เพิ่มเร็วขึ้นไปอีก
"ขอบคุณมากเลยนะคะ"แจ๋วเอ่ยขอบคุณคนที่อาสามาส่งอาหารให้แทนมะลิ หัวใจของคนที่รับรู้ข่าวสารอย่างเธอตกหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ร่างของแจ๋วหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในมือของเธอถือของที่มะลิเป็นคนไปซื้อมาทั้งหมดไว้ สมองของเธอกำลังขบคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับเด็กสาวด้วยความเป็นห่วงจนไม่ได้มองว่ามีใครบางคนกำลังยืนดักทางอยู่ด้านหน้า
"นางแจ๋ว"
"ว้าย พี่โฉมฉันตกใจหมด"เสียงเรียกชื่อของเธอดังสนั่นจนทำให้แจ๋วถึงกับตกใจจนแทบจะปล่อยของตกลงกับพื้น แต่ยังดีที่เธอเรียกสติกลับมาได้ทัน
"ตกใจอะไรกัน ฉันเป็นคนไม่ใช่ผี แล้วนี่นางมะลิยังไม่กลับมาจากจ่ายตลาดอีกหรือไง แล้วเมื่อกี้แกยืนคุยกับใครนางแจ๋ว"คำถามของโฉมมันยิ่งทำให้แจ๋วไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตามอง และโฉมเองก็จ้องมองด้วยสายตาจับพิรุธจนแจ๋วถึงกับยืนตัวสั่น
"ฉันถามว่านางมะลิกลับมาจากจ่ายตลาดแล้วหรือยังฮะ
"มะลิยังไม่กลับมาทีจ้ะ แต่ว่าของที่พี่สั่ง มีคนเอามาส่งให้แล้วนะจ๊ะ"แจ๋วยื่นถุงใส่ของทั้งหมดไปตรงหน้าให้โฉมได้ดู แต่ตอนนี้โฉมเองไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเธอสนใจเรื่องการหายตัวไปของมะลิมากกว่า
"แล้วนางมะลิมันหายหัวไปไหน ทำไมไม่กลับมาแกได้ถามคนที่มาส่งของหรือเปล่า"
"ผู้ชายคนนั้นเขาบอกว่ามะลิเป็นลมอยู่ที่ตลาด มีพลเมืองดีพาไปหาหมออีกเดี๋ยวก็คงจะกลับแล้วล่ะจ้ะ"แจ๋วพูดจบก่อนจะก้มมองพื้นหลบสายตาต่ำเช่นดังเดิม
"แกเอาของพวกนี้ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วให้เร็วด้วยล่ะ เดี๋ยวคุณราชากับคุณดอกฟ้าก็จะมาถึงแล้ว"โฉมออกคำสั่งก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในตัวคฤหาสน์มุ่งหน้าไปยังห้องรับแขกที่ตอนนี้มีร่างของสองสามีภรรยาซึ่งเป็นเจ้าของบ้านกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าอยู่
"จริงเหรอนางโฉม นางมะลิมันเป็นลมอยู่ที่ตลาดจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ"
"จริงค่ะคุณนาย นางแจ๋วมันเป็นคนบอกโฉมเองว่านางมะลิมันเป็นลมอยู่ที่ตลาด แล้วมีคนพามันไปส่งโรงพยาบาลแถมตอนนี้มันยังไม่ได้กลับมาบ้านถึงบ้านเลยนะคะ"โฉมเล่าตามจากที่ได้ไปสอบถามจากแจ๋วมาอีกที สองคนสามีภรรยาหันมามองหน้ากันอย่างไม่ได้นัดหมาย
"แกออกไปดูในครัวก่อนนางโฉม เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะจัดการมะลิเองทันทีที่มันกลับมาถึงบ้าน"
"ค่ะ คุณผู้หญิง"โฉมลุกออกไปทำตามหน้าที่ของตัวเองโดยทันทีหลังจากรายงานเรื่องของมะลิให้ผู้เป็นเจ้านายได้ฟังโดยเสร็จ
คุณหญิงแสงมณีขยับตัวเข้ามาใกล้สามีที่กำลังนั่งดูหุ่นอยู่ในแท็บเล็ตพร้อมกับหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาจิบด้วยความสบายใจและไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับเรื่องราวของมะลิที่ได้ยินมา
"ทำไมวันนี้คุณพี่ดูอารมณ์ดีแปลก ๆ จังเลยคะ ทำไมดูไม่สนใจเรื่องของเด็กมะลิเลย"ผู้เป็นภรรยาถามพร้อมกับจ้องมองผู้เป็นสามีด้วยแววตาจับผิด
"นางเด็กมะลิมันจะเป็นจะตายก็ปล่อยมันไปสิคุณหญิง เราสองคนไม่เห็นจะต้องไปสนใจอะไรกับเด็กไร้ค่าอย่างมันเลย ดีเสียอีกถ้ามันตายไปลูกของเราจะได้ไม่ต้องไปยุ่งวุ่นวายอะไรเกี่ยวกับมันอีก"คุณธำรงเอ่ยออกมาราวกับว่าเขาเองนั้นไม่มีหัวใจ ใช่ ผู้ชายอย่างเขาไม่ได้มีหัวใจไว้สนใจใครนอกจากคนในครอบครัวและคนที่เป็นดั่งญาติสนิทมิตรสหายเท่านั้นเอง
"ถ้านางมะลิมันตายตามที่คุณพี่คิดไว้ก็ดีสิคะ"แต่คุณหญิงแสงมณีกลับคิดไปในอีกทาง เพียงแค่เป็นลมจะตายกันได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเชียวหรือ เมื่อไหร่กันนะที่ราชาลูกชายของเธอจะเลิกวุ่นวายเกี่ยวกับนางเด็กคนรับใช้นั่นเสียที หรือว่าต้องให้นางเด็กมะลินั่นตายเสียก่อน ลูกชายของเธอถึงจะเลิกอาลัยอาวรณ์นางเด็กมะลินั่นเสียที
ประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกพร้อมกับร่างของผู้เป็นหมอเดินออกมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เพชรกล้ารีบเดินเข้าไปหาหมอคนนั้นทันที
"มะลิเธอเป็นอย่างไรบ้างครับหมอ"
"เชิญคุณเพชรกล้าไปคุยเรื่องนี้ที่ห้องพักของหมอดีกว่านะครับ"ดูจากสีหน้าและฟังด้วยน้ำเสียงแล้ว อาการของมะลิคงจะไม่ใช่เรื่องดี ๆ แล้วแน่ ๆ และอาการของมะลิที่แสดงออกมาในตอนนั้นมันเริ่มทำให้เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย
"ก่อนอื่นหมอต้องขอถามตรงก่อนเลยนะครับว่า คนไข้รายนี้มีอาการแบบนี้มานานแล้วหรือยังครับคุณเพชรกล้า"
"ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เธอเป็นคนรักของเพื่อนสนิทน้องชาย ที่ตลาดเมื่อเช้าเห็นเธอเป็นลมล้มลงนอนกับพื้น ว่าแต่คุณหมอถามแบบนี้หมายความว่าอย่างไรครับ"สีหน้าของคนเป็นหมอดูเคร่งเครียดจนทำให้เพชรกล้าแทบจะนั่งไม่ติดเก้าอี้
"คนไข้เธอเป็นโรคหัวใจครับ"ไม่ผิดไปมากจากความคิดของเขาตอนที่เห็นอาการของเธอในครั้งแรก
"อย่างที่คนเป็นหมอรู้ โรคหัวใจมันมีหลายภาวะ ซึ่งคนไข้รายนี้เป็นโรคหัวใจในภาวะหัวใจล้มเหลวหรือหัวใจอ่อนกำลังครับ"
"แล้วมันพอจะมีวิธีรักษาให้หายขาดไหมครับ ผมอยากทราบว่าเราควรรักษามะลิเธอต่ออย่างไรดี อย่างเช่น การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ"
"เราคงยังผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจให้คนไข้ไม่ได้ครับถ้าหากว่าคนไข้ไม่ได้รับการยินยอม "
"ไม่เป็นอะไรเอาไว้เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง"
"และอีกอย่างตอนนี้ยังไม่มีคนใจบุญมาบริจาคหัวใจให้กับทางโรงพยาบาล และอาการของคนไข้ในตอนนี้ก็น่าเป็นห่วง หมอกลัวว่าคนไข้อาจจะอยู่กับเราได้อีกไม่นานครับ"
"มันไม่มีวิธีอื่นเลยเหรอครับที่จะรักษาให้มะลิหายจากโรคนี้ได้"
"ไม่มีเลยครับ และอีกอย่างถ้าจะดำเนินการผ่าตัดตอนนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้เพราะคนไข้กำลังตั้งครรภ์อ่อน ๆ อยู่ด้วยครับ ซึ่งมันเสี่ยงมากหากเราทำการผ่าตัดในตอนนี้"สีหน้าของเพชรกล้าเคร่งเครียดจนเห็นได้ชัดเจน คนมีอาการเป็นโรคหัวใจ ไม่ควรทำตัวเองให้เหนื่อย และต้องพักผ่อนให้มาก ๆ ห้ามมีเรื่องให้กระทบต่อจิตใจ เพราะมันจะส่งผลต่อการเต้นของหัวใจและเป็นผลอันตรายต่อร่างกายของตัวเธอเอง และสิ่งที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้น คนเป็นโรคหัวใจในภาวะอ่อนแรงไม่สมควรที่จะตั้งครรภ์ถ้าไม่อยากให้ชีวิตของผู้เป็นแม่ต้องถึงอันตราย คนไข้ก็ต้องตัดสินใจเอาเองว่าจะให้รักษาใครคนหนึ่งคนใดเอาไว้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้นโรคหัวใจอ่อนแรกอาจจะคร่าชีวิตของทั้งแม่และลูกไปก็เป็นได้