บทที่8

1310 Words
ปึง ปึง ปึง เสียงทุบประตูหนัก ๆ ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้งในเวลาช่วงเช้าตรู่ เสียงรบกวนดังติดกันหลายครั้งทำให้สติของมะลิฟื้นตื่นขึ้นมา สายตากวาดมองไปทั่วบริเวณห้องพักเป็นอันดับแรกก็พบว่าตัวเองนั้นกำลังนอนฟุบอยู่กับพื้นปูแสนจะเย็นเฉียบ ปึง ปึง เสียงทุบประตูหนัก ๆ ดังขึ้นติดต่อกันอีกหลายครั้งจนทำให้ร่างไร้เรี่ยวแรงของมะลิต้องค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบาก เนื่องจากอาการหน้ามือเล่นงานเธอเข้าอย่างกะทันหัน สองเท้าเดินก้าวไปยังประตูห้องพักด้วยความเชื่องช้าอย่างคนอ่อนแรงล้า แกรก ประตูห้องพักถูกเปิดออกด้วยน้ำมือเจ้าของห้องทำให้ผู้มายืนเคาะประตูอยู่แสนนานอย่างโฉมตวาดใส่ใบหน้าซีดเผือดด้วยความไม่พอใจ "มัวแต่นอนกินบ้านกินเมืองไม่ได้ยินหรืออย่างไรว่าฉันมาเคาะประตูอยู่ตั้งนานแล้ว" "ได้ยินค่ะพี่โฉม ว่าแต่พี่โฉมมีอะไรจะใช้มะลิเหรอจ๊ะ" "เอาเงินนี่ไปซื้อของที่ตลาด อย่ามัวชักช้าล่ะวันนี้คุณราชาจะต้องไปรับคุณหนูดอกฟ้ามาทานข้าวเช้าที่บ้าน"โฉมยัดเงินจำนวนหนึ่งใส่มือของมะลิก่อนจะเดินออกไป แต่ก็ไม่วายทิ้งท้ายคำพูดบาดหัวใจให้มะลิได้เจ็บเล่น "คุณราชาไปรับคุณดอกฟ้ามาทานข้าวที่บ้านอย่างนั้นเหรอ"นัยน์ตาเศร้าน้ำเสียงแผ่วเอ่ยพูดพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ตัวเธอจะหมุนตัวเดินกลับเข้าไปภายในห้องพักของตัวเองเพื่อรีบจัดการอาบน้ำเตรียมตัวไปจ่ายตลาดตามหน้าที่ของตัวเอง ประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องปรับอากาศภายในรถซูเปอร์คาร์คันหรูไม่ได้ช่วยดับความร้อนรุ่มภายในใจของราชาให้ดับลงได้เลย และทุกวินาทีมันยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นเมื่อเขาถูกผู้เป็นพ่อบังคับให้มารับลูกสาวของเพื่อนตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่าง แถมตอนนี้ต้องมานั่งพยายามสงบสติอารมณ์เมื่อต้องมาเจอกับสถานการณ์รถติดเป็นทางยาว แววตาของเขาเหลือบมองตัวเองบนหน้าปัดนาฬิกาเรือนแพงสีทองอยู่บ่อยครั้งอย่างหงุดหงิด "โถ่เว้ย มาติดบ้าอะไรเอาตอนนี้วะ"น้ำเสียงหงุดหงิดสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อรถไม่สามารถขยับขับเคลื่อนไปไหนได้ จนทำให้คนที่นั่งอยู่ด้านข้างถึงกับต้องพลอยตกใจกับน้ำเสียงเข้มของชายหนุ่มไปด้วย "พี่ราชามีธุระต่ออย่างนั้นเหรอคะ"ดอกฟ้ารวบรวมความกล้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อารมณ์ร้อนดั่งไฟเผาของชายหนุ่มในตอนนี้มันทำให้เธอรู้สึกหวั่นจนต้องขยับร่างให้นั่งแนบชิดติดกับประตู คำตามของดอกฟ้าไร้ซึ่งคำตอบออกจากปากของราชา เขาเพียงแค่หันไปมองใบหน้าของเธอเพียงไม่ถึงเสี้ยววินาทีก่อนจะหันมาจอดจ้องมองถนนเช่นดั้งเดิม "พี่ราชาเรียนใกล้จะจบแล้วใช่ไหมคะ ดอกฟ้าก็ใกล้จะเรียนจบแล้วเหมือนกัน อีกไม่นานเราสองคน" "ฉันไม่มีพี่น้อง ฉันเป็นลูกคนเดียว เธอไม่มานับญาติกับฉัน เพราะนั่นมันเป็นสิ่งที่ฉันไม่ต้องการ"น้ำเสียงเจื้อยแจ้วของดอกฟ้าเงียบลงก่อนจะเอ่ยพูดจบ นัยน์ตาสีดำสนิทฉายแววเกรี้ยวกราดหันมาจ้องมองหน้าเธอ น้ำเสียงเยือกเย็นทำเขาขนกายของดอกฟ้าลุกชัน "แต่คุณลุงกับคุณป้า ท่าน" "คุณพ่อกับคุณแม่จะบอกหรือจะสั่งให้เธอทำอะไรฉันไม่สน และฉันอยากจะให้เธอจำเอาไว้ด้วยว่าฉันจะไม่มีทางไปดูแลกิจการกับเธอที่อังกฤษตามคำจุดประสงค์ของคุณพ่อเด็ดขาด" "..." "และอีกอย่างฉันจะไม่มีทางแต่งงานกับเธอหรือว่าผู้หญิงคนไหนทั้งนั้นนอกจากมะลิเพียงคนเดียว"น้ำเสียงและแววตาของราชาสื่อถึงความรักอันแสนหนักแน่นต่อแฟนสาว ความรักที่เขามอบให้ผู้หญิงคนนั้นมันกำลังก่อเกิดความอิจฉาอยู่ภายในใจของดอกฟ้า ราชาหันกลับไปจนใจกับการจราจรบนท้องถนนต่อเมื่อรถทุกคันในตอนนี้สามารถขับเคลื่อนไปทางข้างหน้าได้ถึงแม้ว่ามันจะไปได้ทีละน้อยก็ตาม ความเงียบก่อเกิดหลังจากเขาพูดประโยคนั้นออกไป แต่มันก็เงียบได้เพียงไม่กี่นาที "พี่ราชาคงจะรักเธอมากสินะคะ ผู้หญิงที่ชื่อมะลิอะไรนั่นน่ะ" "รักสิ รักมาก เพราะมะลิเธอคือผู้หญิงคนเดียวที่ฉันอยู่ด้วยแล้วมีความสุข มีอิสระไม่ต้องมาคอยนั่งทำตามคำสั่ง และสิ่งที่ทำให้ฉันอยากจะอยู่กับมะลิต่อไปก็คือความรัก ฉันรักมะลิ"เป็นคำบอกรักที่ทำให้คนฟังรู้สึกจุกแปลก ๆ แต่คนพูดกลับยิ้มหน้าบาน ดอกฟ้าหันหน้าไปมองด้านข้างกระจกอย่างไม่ต้องการเห็นสีหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุขของราชายามเมื่อเขาเอ่ยพูดถึงผู้หญิงคนนั้น เกิดคำถามขึ้นภายในใจของดอกฟ้า ทำไมราชาถึงได้ตัดสินใจทุ่มเทรักให้ผู้หญิงคนนั้นจนหมดหัวใจ ทั้งที่ชาติตระกูลของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ได้มีดี เป็นเพียงแค่แม่บ้านธรรมดา ไม่ได้ร่ำรวยหรือมั่งมีทรัพย์สินเงินทองมากมายอะไร ไม่ได้มียศถาบรรดาศักดิ์ให้ใครเทิดทูน แต่ทำไมผู้ชายที่นั่งขับรถอยู่ข้างเธอถึงได้ทุ่มเทรักให้กับผู้หญิงธรรมดาอย่างมะลิจนหมดหัวใจ ทำไมกัน "วันนี้ซื้อของเยอะจังเลยนะแม่หนู ถือของคนเดียวไหวเหรอ ให้ไอ้แดงหลานป้าไปส่งที่บ้านคุณนายให้เอาไหม"แม่ค้าในตลาดที่มะลิมักจะมาซื้อของร้านนี้เป็นประจำเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงและยังไม่อดที่จะแบ่งปันน้ำใจให้ด้วยการให้หลานชายวัยมัธยมต้นไปส่งเพราะดูแล้ววันนี้ในมือของหญิงสาวมีข้าวของมากมายจนผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แทบจะถืออยู่ไม่ไหว "ขอบคุณมากนะคะคุณป้า แต่ไม่รบกวนดีกว่าค่ะอีกเดี๋ยวมะลิต้องไปซื้อของที่อื่นต่อ" "แต่แม่หนูแน่ใจนะลูก ถือของก็หนักแถมใบหน้าของแม่หนูยังซีดอีก ป้ากลัวว่าจะเป็นลมเป็นแล้งกลางทางเอา"มะลิส่งยิ้มหวานให้ศีรษะน้อยส่ายไปมาเบา ๆ อย่างต้องการบอกอีกฝ่ายว่าตนไม่เป็นอะไร "หนูไหวค่ะป้า ขอตัวก่อนนะคะ" "ถ้ากลับไม่ไหวเดินมาหาป้าที่ร้านได้นะแม่หนู ป้าจะได้ให้หลานชายไปส่ง"แม่ค้าคนดังกล่าวตะโกนบอกไล่หลังตาม แววตาของแม่ค้าคนนี้มองแผ่นหลังบอบบางของมะลิด้วยความเป็นห่วง "ยังเหลืออะไรอีกนะที่จะต้องซื้อ"น้ำเสียงแผ่วเบาพึมพำก่อนจะก้มมองแผ่นกระดาษจดสิ่งของที่เธอจำเป็นจะต้องซื้อในวันนี้ ดวงตาพร่ามัวโดยทันทีเมื่อเธอก้มมองแผ่นกระดาษด้วยความเร็ว แถมเรี่ยวแรงก็มาหายเอาเสียดื้อ ๆ อาการเจ็บตรงบริเวณหน้าอกเริ่มรุนแรงขึ้นจนร่างของมะลิทรุดตัวลงนั่งกับพื้นจนข้าวของที่ซื้อมาหล่นกระจัดกระจาย ผู้คนในบริเวณนั้นต่างพากันร้องส่งเสียงขอความช่วยเหลือ "ช่วยด้วย ช่วยด้วย มีคนเป็นลม"เสียงโหวกเหวกโวยวายขอความช่วยเหลือของแม่ค้าดังกันสั่นจนทำให้ เพชรกล้า คุณหมอหนุ่มวัยใกล้จะสามสิบปีพ่วงด้วยผู้อำนวยการโรงพยาบาลชื่อดังและยังเป็นพี่ชายของเพื่อนสนิทราชารีบเดินเข้ามายังที่ได้ยินเสียง จนเขาได้เห็นร่างคุ้นเคยของผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนสาวของเพื่อนน้องชายกำลังนั่งกุมหน้าอกฟุบตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนทรมาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD