“เปล่า”
“ฮันแน่ คิดถึงพี่หมออยู่เหรอ” เพลงพิณโดนลอ
“ก็คิดแหละ พี่ชายแกน่ารักนี่หว่า” เพลงพิณพูดตามจริง แต่อีกเสี้ยวหนึ่งก็อดคิดถึงคนหน้าโหดแสนป่าเถื่อนที่ประกาศกลางงานเลี้ยงว่าจะจีบเธอเสียไม่ได้
“ฉันก็อยากได้แกเป็นพี่สะใภ้”
“พวกแกสองคนน้อยๆ หน่อย ฉันนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน”
“แกต้องช่วยฉันกับยายเพลง ไม่อยากให้พี่หมอได้ผู้หญิงไม่ดี”
“บางทีผู้หญิงคนอื่นอาจจะดีกว่ายายเพลง”
“นั่นปากแกรึยายเฌอร์ เดี๋ยวเหอะ” เพลงพิณยื่นมือไปหยิกเพื่อน แต่อีกฝ่ายพาตัวเองหนีได้ทัน
“โอ๊ย! เจ็บนะเพลง”
“สมน้ำหน้าอยากปากปีจอนะแก”
“โหย... แรงอะแก”
“ทำอะไรกันอยู่ครับสาวๆ”
“กำลังคิดแผนจะจีบพี่หมออยู่ค่ะ อุ๊ย! แหะๆ” ตรีชฎาเกาหัวไปมา
“จีบพี่” เอกวัฒน์ชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
“เปล่าค่ะตรีล้อเล่น”
“กินอะไรกันหรือยังล่ะ” เอกวัฒน์ยิ้มอบอุ่นให้กับน้องสาวและเพื่อนๆ ของเธอ
“อิ่มแปล้เลยค่ะ ทุกคนในงานก็ดูมีความสุขนะคะพี่หมอ โดยเฉพาะคนงาน”
“ใช่ครับ ป๊าคงอยากตอบแทนน้ำใจพวกเขาน่ะ”
“เพลง แกเมาจนหน้าแดงแล้ว” เฌอร์รินเอ่ยขึ้น ปกติเพื่อนไม่เคยดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
“ไม่เมาสักหน่อย” คนเมาไม่ยอมรับความจริง
“นี่ไม่เมาอีกเหรอ แกดูสิยายตรี เดี๋ยวพอเดินไม่รู้จะเดินตรงทางหรือเปล่า”
“ตรงสิ เดี๋ยวเดินให้ดู” เพลงพิณลุกขึ้น ก่อนจะเซนิดๆ เอกวัฒน์ที่อยู่ใกล้ๆ รีบเข้าประคอง เพลงพิณยิ้มหวานก่อนกล่าวขอบคุณ แล้วเดินไปข้างหน้า เดินไปสามก้าว ถอยหลังหนึ่งก้าว แถมยังเซ คนรอบข้างถึงกับส่ายหัวไปมา
“พี่ว่าเพลงควรจะไปนอนได้แล้วนะ” เอกวัฒน์ส่ายหน้าไปมาอย่างเอ็นดู
“ฉันก็เห็นด้วยกับพี่หมอว่ะแก” เฌอร์รินพยักหน้ากับตรีชฎา ก่อนจะแยกย้ายกันไป
เพลงพิณปรือตาตื่นด้วยความมึนงงง่วงงุน เธอรู้สึกมึนและหนักศีรษะเหลือเกิน อยากจะทิ้งตัวลงกลับไปนอนอีกครั้ง เมื่อคืนไม่น่าดื่มเข้าไปเยอะเลย
แต่เอ๊ะ! พอทิ้งตัวลงนอน แล้วทำไมรู้สึกว่าใครอีกคนนอนอยู่ด้วยกันเล่า เธอรีบหันขวับไปมอง อาการมึนงงแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง ทำท่าจะกรีดร้องแต่มือหนาตะปบริมฝีปากของเธอเอาไว้ เหมือนเขาจะตื่นนานแล้ว และกำลังมองการกระทำเป๋อๆ ของเธออยู่
“ถ้าเธอกรี๊ดฉันจะปาดคอเธอซะ” เสียงคุกคามของเขาทำให้เธอรีบส่ายหน้าไปมา บอกว่าจะไม่ร้องเด็ดขาด เขาเลยยอมปล่อย
“ฉันมานอนกับคุณได้ยังไง มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“เมื่อคืนเธอเมา เดินเป๋อออกมาจากห้องมาขอนอนกับฉัน”
“ห๊ะ! ไม่จริงมั้งคะ” เธอถึงกับเอ๋อไปเลยทีเดียว
“จริง เธอเมาพูดจาไม่รู้เรื่อง จะนอนท่าเดียว” ถึงเขาจะดื่มหนักแต่คอแข็งเอาการ จู่ๆ ยายเป๋อนี่ก็มาจากไหนไม่รู้ ก่อนจะมานอนแหมะบนเตียงของเขา เขาดึงมือก็ไม่ยอมลุกเลยต้องนอนลงไปด้วยเพราะง่วงเต็มที
“งั้นฉันขอโทษนะคะ” เธอรีบคลานลงจากเตียงใบหน้าเหลอหลา แต่เขารีบดึงมือเอาไว้
“คะคุณมีอะไรเหรอคะ” เธอรีบถาม พยายามดึงมือออกจากมือแกร่งของเขา
“เธอชอบพี่ชายฉันจริงเหรอ” เขาเอ่ยถาม ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ เธอเบี่ยงหน้าหลบ ตกใจกับสัมผัสใกล้ชิดนั้น แม้จะเขียนนิยายมาเยอะ แต่ไอ้อาการหัวใจเต้นตูมตามแบบนี้เธอไม่เคยเข้าใจจนตอนนี้ แถมยังแอบคิดไปถึงรสจูบของเขาเมื่อคืน หน้าเลยยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
“ถะ... ถามทำไมคะ”
“ฉันจะจีบเธอจริงๆ นะไม่ใช่แค่พูดเล่น”
“ห๊ะ! จีบทำไม”
“ก็เห็นเธอน่ารักดีฉันก็จะจีบ”
“ฉันไม่ให้คุณจีบค่ะ” เธอสำลักเมื่อได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“ทำไมล่ะ”
“ฉันกลัวคุณ คุณทำตัวไม่ดี แล้วเราไม่ชอบหน้ากันไม่ใช่เหรอ คุณจะมาจีบฉันทำไมกัน” เธอคิดว่าเขาแค่อยากเอาชนะ
“เถียงกันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ชอบกันนี่นา” โทธวิทยักไหล่ เพลงพิณได้แต่อ้าปากค้าง นิสัยผู้ชายคนนี้แปลก คนอื่นเถียงกันเพราะไม่ชอบกัน แต่ผู้ชายคนนี้แค่เถียงสนุกๆ นะเหรอ
“เถียงกันมันออก แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติ ไม่เห็นต้องผูกใจเจ็บให้ปวดสมอง” เขาหาวฟอดๆ เมื่อคืนก็คงนอนดึกเหมือนกัน
“ถึงฉันไม่ดีนัก แต่ถ้ายอมเป็นแฟนกับฉัน ฉันจะทำให้มันดีขึ้น ฉันอาจไม่รวยเท่าป๊านะ แต่ไม่งอมืองอเท้าแน่นอน รับรองว่าจะเลี้ยงเธอไม่ให้อดอยาก”
เพลงพิณอ้าปากค้าง เคยเจอแต่ผู้ชายพูดว่าผมเป็นแบบนี้แหละ ผมจนคุณรับได้ไหม เธอไม่ชอบผู้ชายที่พูดแบบนี้เลยจริงๆ เพราะเหมือนพวกเห็นแก่ตัวฟังแล้วมีแต่หดหู่ เธออยากได้ยินผู้ชายที่พูดกับเธอว่า ฉันไม่ใช่คนดีอะไร แต่ถ้ารักเธอแล้วจะดีให้มากขึ้นและทำให้ได้ และจะสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อครอบครัว แบบนั้นฟังแล้วรู้สึกถึงความพยายามที่มีอยู่อย่างเปี่ยมล้น
“ฉันไม่ชอบแบมือขอเงินใคร เงินป๊าก็คือเงินป๊า ถ้าฉันจะมีเมียก็จะเลี้ยงเมียด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองไม่รบกวนใคร”
“เอ่อ...” เพลงพิณถึงกับใบ้กิน
“รับได้ไหม ฉันไม่ได้รวยนะ ไม่ได้อยากได้มรดกของป๊าด้วย เธออาจจะผิดหวังถ้าฉันไม่ใช่เจ้าของไร่องุ่นใหญ่โตแห่งนี้”
“...” เธอได้แต่มองเขาตาปริบๆ ผู้ชายอะไรแปลกคน เพิ่งเคยพบเคยเจอ
“ว่าไง ฉันจีบเธอได้ไหม”
“ทำไมคุณถึงจีบฉันล่ะคะ” เพลงพิณถาม มองตาปริบๆ
“ฉันชอบและถูกใจเธอพอไหม” เขายักไหล่
“เอ่อ...” เธอถึงกับเอ๋อไปเลยทีเดียว
“คงไม่ต้องบอกว่ารักหรอกนะ มันยังไม่รัก แค่สนใจเฉยๆ” เธอค้อนเขา ก็ไม่ได้บอกว่าจะให้เขาบอกรักเสียหน่อย ความรักมันเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนแล้วก็ค่อยๆ ซึมซับไปเรื่อยๆ ไม่ใช่จู่ๆ ถึงจะรักเลย ตอนนี้หัวใจของเธอก็ยังเป็นศูนย์อยู่ ถึงเขาจะบอกรักก็เหมือนพวกบอกรักพร่ำเพรื่อไร้ความหมาย
“ฉันจะจีบเธอจริงๆ นะ”
“คุณโอเคไหมคะ”
“เรียกเสียห่างเหิน เรียกเฮียโทสิ เธอเป็นเพื่อนยายตรี”
“ค่ะ”
“อะไรที่ว่าโอเคไหม”
“คุณ เอ๊ย! เฮียโดนป๊าด่าโอเคไหม”
“โอเคเฮียโดนด่าตั้งแต่เด็กแล้ว” เขายักไหล่เหมือนไม่แคร์ ยอมปล่อยแขนเธอแต่โดยดี เธอเลยค่อยๆ ขยับหนี รู้สึกใกล้ชิดเขาเกินไปแล้ว
“ป๊าด่าแรงเหมือนกันนะคะ”
“ไม่หรอก เป็นเรื่องธรรมดา”เขาพูดเหมือนไม่ใส่ใจ
“เฮียเรียนไม่จบจริงๆ นะเหรอ” เธอแกล้งถาม อยากรู้ว่าเขาจะบอกความจริงกับเธอไหมว่าเรียนจบ แต่อีกสาขาที่ไม่ใช่บิดาคาดหวังเอาไว้
“เรียนไปทำไมปวดหัว” เขาหันมาตอบ เอามือล้วงเข้าไปในกางเกงผ้าเนื้อนิ่ม
“มันก็ดีหลายอย่างนะคะ” เธอลองแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้บ้าง ในเมื่อเขาไม่ได้ปริปากโอ้อวดว่าเรียนจบนี่นา
“มีเธอสินะ กล้าต่อปากต่อคำกับเฮีย คนอื่นไม่กล้า”
“ทำไมเหรอคะ”
“คนอื่นเขาชอบพี่ชายฉันกันทั้งนั้น”
“อ้อ... เหรอคะ”
“ทำงานอะไรน่ะ”
“ฟรีแลนซ์ค่ะ”
“หือ... ทำอะไรฟรีแลนซ์มีหลายอย่าง”
“รู้จักด้วยเหรอคะ”
“คิดว่าพวกศิลปินน่ะ รับจ๊อบทั่วไป”
“ทำงานกับสนพ.ค่ะ”
“เขียนหนังสือหรือไง ทำงานกับสนพ.”
“พิสูจน์อักษรก็ได้นี่คะ กราฟฟิกก็มี”
“ก็รู้ว่ามี แล้วเธอทำอะไรล่ะ”
“พิสูจน์อักษรค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบ จริงๆ แล้วเคยพูดว่าเขียนนิยายพอพูดไปพูดมารู้ว่าเขียนอีโรติก คนที่คุยกับเธอเปลี่ยนท่าทีมองเธออีกแง่ทันที เคยมีรุ่นน้องคนหนึ่งพูดจาเคารพเธอดี แต่พอรู้ว่าเขียนนิยายอีโรติกเรื่องอย่างว่า หรือภาษาวัยรุ่นเรียกว่านิยายเอากัน เขามองเธอแบบติดลบทันที แถมยังไม่เคารพเหมือนก่อน หลังจากนั้นเธอเข็ดไม่กล้าบอกใครว่าเขียนนิยายแนวไหน แค่บอกทำฟรีแลนซ์ ใครซักมากเข้าก็บอกทำงานกับสำนักพิมพ์พิสูจน์อักษร ทำปกนิยายอะไรไป ก็เป็นอันจบปัญหา
“ชื่ออะไรนะ”
“เพลงพิณค่ะ ชื่อเล่นว่าเพลง” ไม่รู้ทำไมเธอถึงตอบคำถามเขาทุกคำ
“เรียกชื่อเล่นนะ”