“เซ่อซ่าจริงแก มัวแต่มองอะไรอยู่ ดูสิคุณติเปียกหมดแล้ว”
คำว่า ‘คุณติเปียกหมดแล้ว’ ทำให้พิรวดีเงยหน้าขึ้นสบตากับชายหนุ่มที่เธอโดนชน เหมือนสายฟ้าฟาดลงกลางใจ สายตาคมเข้มสีกาแฟกำลังจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว สายตาสองคู่อย่างตะลึงงัน พิรวดีรู้สึกว่าพวงแก้มเห่อแดงเมื่อสายตาของเขากวาดไล้มองเธออย่างไม่เกรงใจ
เขากลับมาแล้ว
เธอมัวแต่เช็ดเสื้อของเขาโดยไม่ได้มองหน้าเขาเลยว่าคนที่เธอชนเป็นใคร
“พะ... พี่ติ” เธอถามเสียงเบาหวิวแทบไม่หลุดออกมาจากริมฝีปาก
“พาพี่ไปล้างน้ำหวาน”
เสียงเย็นชาบอกก่อนจะลากมือพิรวดีก้าวตามไปแทบไม่ทัน อนงค์ได้แต่อ้าปากค้างพูดไม่ออก
“คุณแม่ ใครกันคะ หล่อจังเลย เหมือนเจ้าชายในฝันของอ้อเลยค่ะ” อารียาเดินมาสมทบกับมารดา มือกุมเข้าหากันทำสีหน้าชวนฝัน
“แกอย่าไปยุ่งกับมันเลย” อนงค์หันมาปรามเสียงดุ
“ทำไมล่ะคะ” อารียาทำหน้างุนงง
“มันเป็นลูกอีกคนของคุณคินยังไงเล่า”
คำเฉลยของมารดาทำให้อารียาตาโต “พี่ติน่ะเหรอคะ”
อารียาลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างหวาดๆ รติภัทรเมื่อวัยเด็กไม่ชอบเธออย่างเปิดเผย เธอย้ายตามมารดาและพี่สาวเข้ามาอยู่ในบ้านเมื่อยี่สิบปีก่อน ตอนนั้นเธออายุได้สี่ขวบและพี่สาวอายุได้ห้าขวบ รติภัทรดูจะเอ็นดูและรักพิรวดีมากกว่าเธอ แถมยังคอยปกป้องพิรวดียังกะไข่ในหินจนเธอหาทางกลั่นแกล้งพี่สาวไม่ได้ดั่งใจเหมือนก่อน
“รู้แบบนี้แล้ว แกก็คงเลิกคิดว่ามันเป็นเจ้าชายในฝันละสิ” อนงค์หันไปมองหน้าบุตรสาว
“อ้ออยากจะปั่นหัวพี่ติเล่นจังเลยค่ะแม่” อารียามองตามร่างสูงที่ลากพี่สาวของเธอไปอีกด้านด้วยสายตาอยากเอาชนะ
“แกยังไม่เจอกับมันจะๆ สายตามันน่ากลัว”
อนงค์ลูบแขนไปมา รู้สึกขนลุกที่ได้สบตากับรติภัทรเพียงวูบ อารียาเลิกคิ้วมองหน้ามารดาเหมือนไม่เชื่อ ท่านจึงคร้านที่จะอธิบาย
รติภัทรยังจับจ้องมองหญิงสาวที่ขะมักเขม้นกับการเช็ดคราบน้ำหวานบนเสื้อของเขาไม่วางตา
ภาพหญิงสาวที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเตียงเมื่อไม่กี่วันมานี้ ทำให้กายเขาร้อนระอุอย่างหักห้ามไม่อยู่
พิรวดีเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเช็ดคราบน้ำหวานบนเสื้อเขาเรียบร้อย สายตาคมสีกาแฟที่แข็งกร้าวก่อนหน้า ดูอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด ความคิดถึงทำให้เธอก้มหน้าเขินอาย
“บอกว่าอย่าเข้าใกล้ผู้ชายคนไหนอีก เธอเป็นของพี่ พิรวดี”
พิรวดีเงยหน้ามองคนที่พูดเสียงนิ่งอยู่ตรงหน้า “วดีไม่ได้ อื้อ...”
คำพูดที่จะอธิบายชี้แจงถูกกลืนหายทันทีที่ริมฝีปากร้อนทาบทับลงมา
“ดื้อ” เสียงดุเข้มพูดหลังจากจุมพิตกลีบปากหวานจนสาแก่ใจ
“พี่ติ” พิรวดียิ้มค้างเมื่อเห็นสายตาวาววับเหมือนจะกลืนกินเธอ
รติภัทรนิ่งเงียบไม่โต้ตอบกับหญิงสาว แต่ใช้สายตาคมดุมองเธอไม่วาง เธอคิดว่าเขาโกรธอะไรเธออีกแล้ว
อาการนิ่งเฉยของชายหนุ่มทำให้พิรวดีไม่กล้าเอื้อนเอ่ยอันใด ได้แต่ยืนนิ่งมองสบตากับเขาเหมือนต้องมนต์สะกด แม้จะรู้ดีว่าเขาเกลียดชังมารดามากแค่ไหน แต่เธอก็ยังรักและเคารพเขาไม่เคยแปรเปลี่ยน
“ทำไมขัดคำสั่ง” หลังจากความเงียบชวนอึดอัด เสียงขรึมจึงเอ่ยขึ้น กระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นขึ้น
“วดีไม่ได้”
“เถียง เลิกยุ่งกับพวกนั้นซะ ไม่ว่ามันเป็นใคร”
พิรวดีอ้าปากค้าง ใบหน้าเย็นชาแสนกระด้างที่ห่างแค่คืบทำให้เธอหายใจแทบไม่ออก หญิงสาวก้มหน้างุด รติภัทรมองไม่วางเหมือนไม่อยากละสายตาจากหญิงสาวไปไหน เขาเห็นตั้งแต่ชายหนุ่มหลายคนเข้าไปพูดคุยกับเธอ ก็แทบอยากจะเข้าไปฉุดหญิงสาวออกมาในตอนนั้น พิรวดีแก้มนวลแดงเรื่อ เขาคงหมายถึงพี่ฉัตร พี่ตะวัน หรือไม่ก็พี่ธนัช
รติภัทรเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบตา ดวงตาหม่นด้วยไฟเสน่าหาชัดเจนจนหญิงสาวร้อนวูบในกาย พวงแก้มเรื่อแผ่ซ่านไปด้วยจุดสีแดงปลั่ง
“คิดถึง” รติภัทรกระซิบบอก เพียงแค่อาทิตย์เดียวสำหรับเขาเหมือนนานแสนนาน ที่ต้องกลับไปเคลียร์งานที่เชียงใหม่
“พี่ติ” พิรวดีครางเสียงแผ่ว อยากบอกเขาเหลือเกินว่าเธอรอคอยเขาเรื่อยมา รอคอยเหมือนกันที่บิดาของเขารอคอยให้เขากลับมาให้อภัยในสิ่งที่เกิดขึ้น
“คิดถึง” เขาพูดอีกครั้ง
“พี่ติ ฮึกๆ ๆ ฮือๆ ๆ” พิรวดีโผเข้ากอดเขาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล รติภัทรโอบกอดน้องน้อยในอ้อมแขนอย่างแสนรัก
“ร้องไห้เหมือนเด็กขี้แย โตจนเป็นสาวแล้ว”
รติภัทรใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาของสาวน้อย เขาเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยนทะนุถนอม น่าแปลกที่เขารู้สึกผ่อนคลายไม่หนักอึ้งเหมือนตอนที่ทำหน้าเย็นชาดุดัน สาวน้อยตรงหน้าทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเขาเปลี่ยนไป
“พี่ติทำหน้าดุ เหมือนเกลียดวดี”
เธอยังร้องไห้สะอึกสะอื้นกับอกเขา รติภัทรถอนใจหนักหน่วง ทำไมหนอ เขาถึงเกลียดพิรวดีไม่เคยได้เลยสักครั้ง ทั้งๆ ที่เธอเป็นลูกสาวของคนที่ทำลายครอบครัวเขา เขากลับรักเธออย่างไม่มีข้อแม้
“พะ อื้อ...” ริมฝีปากหนาปิดทับลงมาอีกครั้งเมื่อเธอทำท่าจะพูด
พิรวดีโอบกอดรอบคอหนา จุมพิตตอบอย่างไร้เดียงสา
“ห้ามให้ใครทับรอย จำเอาไว้” รติภัทรสั่งกำชับ
“พี่ติ”
พิรวดีริมฝีปากบวมเจ่อ ใบหน้าแดงเรื่อถึงใบหู หน้าร้อนจนลามไปทั่วตัว ร่างสาวสั่นสะท้านในอ้อมแขนแกร่ง
“ตัวสั่น” รติภัทรลูบแก้มนวลไปมา มองสบตาที่ไหววูบนั้นด้วยความเอ็นดู
“พี่วดีอยู่นี่เอง แม่ให้มาตาม มัวแต่คุยอะไรกันคะ แขกเหรื่อมากมาย ไปช่วยกันต้อนรับหน่อยสิ”
อารียายืนมองเหตุการณ์ที่รติภัทรจูบพี่สาวอยู่ด้วยความริษยา ก่อนจะเดินเข้ามาขัดคอ ตวัดสายตามองพี่สาวอย่างหงุดหงิดใจ
“จ้ะ พี่รู้แล้ว” พิรวดีตอบรับเสียงยังสั่นๆ ลนลานจัดเสื้อให้ตัวเองอย่างร้อนรน นึกกลัวว่าน้องสาวจะเห็นสิ่งที่รติภัทรทำเมื่อครู่
“รู้แล้วก็ไปสิคะ จะยืนอยู่อีกทำไม”
อารียาถามพี่สาวแต่สายตามองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ห่าง แม้ตอนเด็กๆ เธอจะเกลียดเด็กชายรติภัทรมากมายนัก แต่ตอนนี้ เขากลับหล่อเหล่ามีเสน่ห์หาตัวจับยาก ใครไม่สนผู้ชายเช่นรติภัทรคงโง่เต็มที พี่สาวของเธอก็คงไม่ต่างกัน
พิรวดีมองรติภัทรอีกครั้ง ทำท่าจะเดินจากไป แต่ชายหนุ่มรั้งแขนเอาไว้เสียก่อน
“ไปพร้อมกัน”
รติภัทรบอกหญิงสาวข้างกาย พิรวดีพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ก็ไม่สำเร็จ แถมเขายังจับแน่นขึ้น
“ไปเถอะ ทุกคนกำลังรอ เรา... อยู่”
รติภัทรเน้นคำว่า ‘เรา’ มองใบหน้าโกรธจัดของอารียา ก่อนลากพิรวดีเดินเข้าไปในงานอีกครั้ง
“นังพี่บ้า เจ็บใจนัก เห็นหงิมๆ ที่แท้ก็หยิบชิ้นปลามันไปกิน”
อารียาอยากจะกรีดร้องให้ก้องงานแต่เพราะต้องรักษาหน้าตาทางสังคม เธอทำได้แค่ตีอกชกลมด้วยความริษยาพี่สาวจับใจ
ภาพที่รติภัทรเดินมาพร้อมกับพิรวดีทำให้หลายๆ คนในงานต่างหันไปซุบซิบและพูดกันไปต่างๆ นานา รวมถึงคิดกันไปคนละทาง โดยเฉพาะอนงค์ที่มองอย่างโมโห กลับบ้านไปเธอจะจัดการบุตรสาวให้เข็ด
แกกล้าไปทำตัวสนิทกับไอ้บ้านั่นได้ยังไง!!!
รติภัทรกักหญิงสาวเอาไว้ใกล้ๆ ตัวตลอดงาน ตามติดเหมือนเงาตามตัว ไม่ว่าใครจะมองอย่างสงสัย เขาก็ไม่สน สินธรกับธนาหันไปสบตากันยิ้มๆ
กลับถึงบ้านในคืนนั้น พิรวดีโดนมารดากับน้องสาวเล่นงานด้วยเรื่องของรติภัทร แม้หญิงสาวจะปฏิเสธเท่าไรก็ดูจะไร้ผล
“แกนี่แผนสูงจริงนะนังวดี” อนงค์จิ้มหน้าผากบุตรสาวจนหน้าหงาย
“คุณแม่” พิรวดีแสดงสีหน้างุนงงไม่เข้าใจในสิ่งที่มารดาพูด