3 ปีต่อมา ทั้งเมฆาและเมฆินทร์ก็พร้อมแล้วที่จะขึ้นรับตำแหน่งที่บิดาของเขาส่งต่อให้ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่เข้ามาทำงานทั้งสองถูกฝึกและยัดข้อมูลต่างๆเข้าไปในหัวอย่างหนักหน่วงและมากมายแต่ก็ไม่เกินความสามารถของพวกเขาเลยเมื่อต่างก็เก่งและฉลาดในแบบของตัวเอง
“นั่นมัน...”
ขณะที่กำลังขับรถไปส่งเจ้านายหนุ่มที่คอนโด ตงฉินก็มองไปเห็นการฉุดกระชากหญิงสาวคนหนึ่งขึ้นไปบนรถ เขาถึงกับเหยียบเบรกอย่างกะทันหัน
“มีอะไร”
เมฆินทร์ที่กำลังอ่านรายงานในโทรศัพท์ถึงกับเงยหน้ามองอย่างแปลกใจ
“ฉันว่าพวกนั้นกำลังทำเรื่องไม่ดีกับผู้หญิงคนนั้น”
เมฆินทร์มองตามที่ตงฉินบอก ก่อนจะเห็นการดิ้นรนของเธอแล้วถูกลากขึ้นรถไป
“รออะไร ขับตามไปสิ”
พอเห็นว่าเจ้านายพูดแบบนั้น ตงฉินก็ขับตามไปทันที
“หึหึ ได้ลองวิชาสักหน่อย”
เมฆินทร์พูดขึ้นอย่างนึกสนุก ส่วนตงฉินได้แต่มองไปที่กระจกหลังอย่างรู้สึกว่าเขาคงทำเรื่องผิดพลาดเข้าให้แล้ว
เอี๊ยด!!!
ตงฉินรีบขับแซงขึ้นไปเมื่อเห็นว่าเป็นถนนโล่งและค่อนข้างเปลี่ยวก่อนจะขับดักหน้ารถคันเจ้าปัญหานั้นอย่างไม่สนใจเลยว่าอาจถูกชนเอาได้
“เฮ้ย!!! ลงมาเดี๋ยวนี้!!!”
สองหนุ่มที่ไม่กลัวตายเดินลงจากรถพร้อมตะโกนสั่งให้คนบนรถลงมา
“พวกแกสองคนอยากตายรึไงวะ!!!”
หนุ่มชุดดำหน้าตาถมึงทึงดูโหดเหี้ยมเดินลงมาพร้อมปืนในมือ เขามองจ้องสองหนุ่มหน้าตาละอ่อนอย่างเอาเรื่อง
“มีกี่คนบอกให้ลงมาให้หมดเลยทีเดียว จะได้จัดการให้หมดๆ”
เมฆินทร์บอกออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
“ไอ้เวรนี่วอนตายซะแล้ว!”
พูดจบชายร่างใหญ่ก็ยกปืนขึ้นเล็งใส่เมฆินทร์ทันที
ปึก! ปัก! ปึก! ปึก!!
“อ๊อก! อึก! อุก! อ๊าก!”
ยังไม่ทันได้เหนี่ยวไกหรือตอบโต้ใดใดร่างใหญ่ก็ล้มลงไปนอนหมดสติแน่นิ่งอยู่บนพื้น ทำเอาพวกที่เหลือบนรถถึงกับอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็น
“ลงมาๆ”
เมฆินทร์สะบัดมือที่รู้สึกเจ็บพร้อมกวักเรียกพวกที่เหลือให้ลงมาให้หมดโดยมีตงฉินยืนมองอย่างไม่คิดช่วยหรือห้ามอะไรเลย
“พวกผมยอมแล้วๆๆๆ”
สามคนที่เหลือรีบเดินลงมาพร้อมยกมือขึ้นสูงอย่างยอมแพ้
“ไหนผู้หญิงที่พวกแกฉุดมาล่ะ เอาตัวคืนมา”
ตงฉินรีบถามพร้อมเดินไปเปิดประตูตรวจดู
“เอ่อ ไม่ เอ่อ ไม่มีครับ”
หนึ่งในนั้นรีบพูดขึ้น
“จะไม่มีได้ไง พวกฉันเห็นกับตา! หรือพวกแกทำอะไรเธอแล้วห๊ะ!?”
“เปล่าๆๆๆๆ พวกผม...”
“นี่มัน...ลูกน้องคุณพ่อนี่...”
“...............”
และเมฆินทร์ที่ยืนมองอยู่ก็นึกแปลกใจ เพราะเขาจำหนึ่งในคนที่นั่งอยู่นั้นเป็นลูกน้องของคุณฮาเดส บิดาของเขาอย่างแน่นอน
“นายน้อยครับ ผม...ผมแค่ทำตามคำสั่งของนายใหญ่...”
พอได้ยินแบบนั้นเมฆินทร์ก็เข้าใจทันที เขาถึงกับปล่อยลมหายใจแห่งความไม่พอใจออกมา หน้าตาที่เคยเจ้าเล่ห์กลับดูดุดันน่ากลัวขึ้นมา
“คุณพ่อส่งพวกนายมาสังเวยฉันอย่างนั้นเหรอ หึหึ ไม่รู้สินะว่าจะเจอกับอะไร”
“เอ่อ...ผมแค่ทำตามคำสั่ง...”
“ตอนนี้ใครเป็นเจ้านายของพวกแกห๊ะ!!”
เมฆินทร์ตวาดขึ้นเสียงดังอย่างโมโหที่ถูกบิดาลองวิชาอย่างนี้
“อย่าให้ฉันเจอหน้าแกอีก ไม่งั้นแกได้ตายคามือฉันแน่”
ขู่เสร็จเมฆินทร์ก็เดินกลับไปที่รถ ส่วนตงฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองเพราะถ้าพวกนี้บอกช้ากว่านี้รับรองได้ไร้ลมหายใจกันอย่างแน่นอน
“ไปท่าเรือ วันนี้ของเข้าใช่ไหม?”
“เราค่อยเข้าไปดูพรุ่งนี้ก็ได้นี่”
“ฉันคิดว่ามันมีอะไรแปลกๆ แวะไปดูสักนิดก่อนดีกว่า”
และตงฉินก็กลับรถเพื่อตรงไปที่ท่าเรือตามที่เจ้านายหนุ่มสั่ง เพราะตั้งแต่รู้จักและทำงานด้วยกันมานั้น ลางสังหรณ์ของเมฆินทร์มักจะเป็นจริงเสมอ
“เร็วเข้าๆ รีบขนของเข้าไปในโกดังให้เสร็จก่อนเที่ยงคืน”
เสียงตะโกนสั่งดังขึ้นพร้อมกับกวาดตามองลูกน้องที่กำลังช่วยกันขนของที่พึ่งมาถึง ก่อนจะหันไปมองลูกน้องอีกกลุ่มที่ยืนรอทำงานสำคัญอยู่
“เดี๋ยวพอพวกนี้ขนของเสร็จ พวกนายก็จัดการตามที่วางแผนมาได้เลยเข้าใจไหม?”
“ครับ”
วันชัย หัวหน้าคลังสินค้าเดินเข้ามาหาลูกน้องคนสนิทของเขาแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา ก่อนจะรีบเดินจากไปเมื่อวันนี้เขาได้เตรียมคนเอาไว้เพื่อขนของอีกส่วนที่เขายักยอกไปไว้เพื่อปล่อยขายให้กับลูกค้ารายเล็กๆ
“หายไปไหนกันหมด หรือว่าขนของเสร็จแล้ว”
ทางด้านเมฆินทร์และตงฉินที่พึ่งมาถึงได้แต่มองไปรอบๆอย่างนึกแปลกใจเพราะไม่คิดว่าลูกน้องของเขาจะทำงานกันได้ไวขนาดนี้กับสินค้านับร้อยตัน
“งั้นเรากลับกันดีกว่าไหมครับ พรุ่งนี้...”
“เดี๋ยวก่อน...”
ตงฉินยังพูดไม่ทันจบเมฆินทร์ก็สังเกตเห็นความผิดปกติเมื่อเสียงที่เหมือนกำลังกระซิบกระซาบกันดังเข้ามาในโสตประสาทหูของเขา สองหนุ่มเดินตรงไปที่ต้นเสียงทันที
“เร็วเข้า! ฉันง่วงแล้ว”
วันชัยที่อ้าปากหาวบอกขึ้นแต่ก็ไม่ยอมกลับก่อนเพราะเงินก้อนโตที่เขาจะได้รับหลังจากส่งของพวกนี้มันช่างหอมหวานและมีความสุขเหลือเกิน
“ทำอะไรกัน?”
ตงฉินถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาเห็นวันชัยและพวกกำลังขนของขึ้นรถขนส่งขนาดใหญ่อยู่ทั้งๆที่บริษัทนี้นั้นขนส่งทางเรือเท่านั้น
“นะ...นะ...นายน้อย!!!”
วันชัยถึงกับตกใจรีบหันมามอง และพอเห็นว่าคนที่พึ่งเดินเข้ามาเป็นใครเขาถึงกับอ้าปากค้างพร้อมถอยกรูออกห่าง
“พวกนายทำอะไรกัน?”
เมฆินทร์เดินเข้ามากวาดตามองลูกน้องของเขาทุกคนด้วยสายตามีคำถามทั้งๆที่เขาพอจะรู้ความจริงอยู่แล้ว
“เอ่อ...เอ่อ พวกเรา เอ่อ พวกเราแค่...ยกของเก็บเอาไว้ในรถบรรทุกเฉยๆครับ พอดีคลังสินค้ามันเต็มครับ”
วันชัยรีบแก้ตัวออกมาก่อน เมื่อเขาคิดว่าเมฆินทร์จะเข้ามาตรวจงานพรุ่งนี้ แต่ทำไมถึงโผล่มาวันนี้ได้
“งั้นเหรอ...ไปเอากุญแจมาหน่อย ฉันอยากเข้าไปดูสินค้าข้างใน”
“ครับ? เอ่อ...”
‘ไอ้เวรเอ้ย! จะเข้ามาทำไมตอนนี้วะ!!’
วันชัยได้แต่สบถในใจเพราะถ้าเปิดโกดังออกมามีหวังได้ถูกเล่นงานแถมไล่ออกอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“ผมว่าพรุ่งนี้นายน้อยค่อยมา...”
“ฉันเป็นลูกน้องหรือเจ้านายกันแน่?”
“.................”
ไม่พูดเปล่าเมฆินทร์ยังเดินตรงไปยังสินค้าที่กำลังถูกขนขึ้นรถบรรทุก โดยมีตงฉินคอยมองพวกที่ยืนอยู่รอบๆอย่างระวังภัยให้เจ้านายหนุ่ม
‘จัดการมัน! ต้องจัดการมัน!’
วันชัยที่คิดหาทางออกไม่ได้คิดขึ้นก่อนจะหันไปส่งสัญญาณให้พวกลูกน้อง 6 คนที่ยืนอยู่ไม่ไกลทันที
“เฮ้ย! จะทำอะไรวะ!!”
ตงฉินที่สังเกตเห็นตะโกนถามเสียงดังพร้อมเดินเข้าไปหาเมฆินทร์ทันที
“ผมบอกให้มาใหม่พรุ่งนี้แต่ดูเหมือนนายน้อยจะไม่ยอมฟัง งั้นผมคงต้องขออนุญาตลากตัวออกไปแล้วล่ะครับ”
ท่าทีของวันชัยเปลี่ยนไปทันที รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“หึหึ ของพวกนี้นายคิดจะยักยอกไว้ขายเองสินะ...ทำมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ”
เมฆินทร์หันกลับมามองพร้อมถามขึ้นทั้งๆที่เขานั้นตรวจสอบเจอความผิดปกตินี้มาพักใหญ่ๆแล้ว
“อะไรกันครับ ผมก็แค่ขอเศษนิดๆหน่อยๆเอง อีกอย่างบริษัทออกจะใหญ่โต ของแค่นี้ไม่ทำให้เจ๊งหรอกมั้ง”
“ไม่เจ๊งหรอก แต่ทำให้คนตายได้ไม่รู้เหรอ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า นายน้อยครับ เก็บคำพูดไปพูดกับบรรพบุรุษในนรกดีกว่านะครับ เฮ้ย! จัดการ!!”
พูดจบ วันชัยก็สั่งให้ลูกน้องจัดการเมฆินทร์และตงฉินทันที
“ไอ้พวกเวรเอ้ย!!”
ตงฉินตะโกนออกมาอย่างโมโหก่อนพวกของวันชัยจะกรูกันเข้ามาหาเขาสองคน
ผลั๊วะ! ผลั๊ก! ปึก! ปึก! ปัก!! ปัก!! ผลั๊ก! ผลั๊ก! ผลั๊ก! ผลั๊ก!
“อ๊อก! อั๊ก! อุ๊ก! อั๊ก! อ๊อก! อ๊อก! อึก! อั๊ก! อั๊ก!”
เสียงการต่อสู้ดังขึ้นรัวเร็วโดยที่ตงฉินได้แต่ตั้งการ์ดเก้อ เมื่อเมฆินทร์เป็นคนจัดการคนของวันชัยเองทั้งหมดด้วยความรวดเร็วจนทั้งตงฉิน ทั้งวันชัยได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ก่อนที่คนของวันชัยจะลงไปนอนร้องโอดโอยต่างจากเมฆินทร์ที่มีเพียงความหอบเหนื่อยเท่านั้นที่เขาได้รับ
พรึ่บ!
“นะ...นายน้อยครับ! ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะครับ! ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำอีกแล้ว...ปล่อยผมไปเถอะครับ!”
พอเห็นว่าเมฆินทร์สามารถจัดการคนของเขาได้เพียงเวลาแค่ไม่กี่วินาที วันชัยถึงกับคุกเข่าร้องขอชีวิต เขาไม่เคยคิดว่านายน้อยหน้าหล่อแถมดูอ่อนประสบการณ์แบบเมฆินทร์จะมีฝีมือและดูน่ากลัวได้ถึงขนาดนี้
“ไว้ชีวิตงั้นเหรอ...คงไม่ได้ เพราะเหงื่อของฉันมันต้องแลกมาด้วยชีวิต”
ผลั๊วะ!!
“อ๊อก!!”
พูดจบเมฆินทร์ก็เดินเข้ามาเตะเข้าที่คางของวันชัยจนอีกฝ่ายสลบเหมือดไปทันที
“จับพวกมันไปมัดไว้แล้วปลุกขึ้นมา เราต้องได้เงินที่พวกนี้โกงไปคืน”
“ครับ”
‘เฮ้อ รนหาที่แท้ๆพวกโง่ บอกลาครอบครัวแกได้เลย’
ตงฉินที่จับวันชัยและพวกมัดเข้าด้วยกันคิดขึ้นอย่างสังเวช เพราะนอกจากเขาคงไม่มีใครรู้เลยว่าเมฆินทร์นั้นทั้งโหดร้ายและโหดเหี้ยมขนาดไหน ใบหน้าอันหล่อเหลาภายใต้รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยียวนนั้นก็เป็นแค่เปลือกนอก เพราะเมฆินทร์นั้นเกิดมาเพื่อเป็นมาเฟียโดยแท้จริง