Intro…มรดก
“ครับ? คุณพ่อจะวางมือ...”
เสียงถามขึ้นอย่างเป็นกังวลของ เมฆินทร์ ลูกชายฝาแฝดคนเล็กของบ้านดังขึ้นเมื่อวันนี้ คุณฮาเดส มาเฟียในคราบนักธุรกิจ ซึ่งเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของเขาเรียกให้เขาและ เมฆา พี่ชายฝาแฝดเข้ามาหาที่บ้าน
“อืม พ่อคิดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว แม่ของลูกอยากให้พ่อวางมือ แล้วนี่เมฆายังไม่มาอีกเหรอ”
คุณฮาเดสถามขึ้นเมื่อยังไม่เห็นลูกชายคนโตเดินเข้ามา
“ครับ เห็นว่ากำลังจะถึง...”
เมฆินทร์มองสังเกตบิดาพร้อมกับเดินไปนั่งลงไม่ไกล เมื่อตอนนี้บิดาของเขาก็ยังดูไม่แก่แถมแข็งแรงกว่าเขาที่เป็นลูกเสียอีกแต่ทำไมคิดวางมือจากธุรกิจนี่สิที่ทำให้เขาสงสัย
“คุณพ่อก็รู้ว่าผมยังไม่พร้อม ถ้าเป็นไปได้ผมไม่อยากทำธุรกิจพวกนี้ต่อจากคุณพ่อเลยจริงๆนะครับ”
เมฆินทร์รีบบอกเมื่อเขานั้นมีเส้นทางที่เขาวาดฝันเอาไว้แล้ว นั่นคือการเป็นเพลย์บอยผู้ร่ำรวยจากมรดกมหาศาลที่เขามีอยู่
“แกก็รู้ว่าแกสองคนไม่ได้มีทางเลือกมากนัก”
คุณฮาเดสมองลูกชายคนเล็กที่ถอดแบบเขามาอย่างไม่ผิดเพี้ยนทั้งหน้าตา ท่าทางและนิสัย ลูกสองคนถึงจะเป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่นิสัยแตกต่างกันลิบลับ
“แต่ผม...”
“อ่าว นายมาแล้วเหรอ...สวัสดีครับคุณพ่อ...”
ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไร ประตูห้องทำงานของคุณฮาเดสก็เปิดขึ้นพร้อมเมฆาแฝดผู้พี่เดินเข้ามา
“อืม นั่งลงสิ”
คุณฮาเดสบอกพร้อมกับดึงเอกสารที่อยู่ในแฟ้มออกมาวางเอาไว้ตรงหน้าลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนของเขา
“นี่ของลูก ส่วนนี่ก็ของลูก”
คุณฮาเดสยื่นเอกสารไปให้ลูกๆคนละแผ่น ก่อนที่ทั้งสองจะยกมันขึ้นมาอ่านดู
“นั่นคือส่วนแบ่งที่พ่อจัดสรรให้เรียบร้อยแล้ว พ่อจะวางมือตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป”
“ครับ?? / ห๊ะ??”
สองหนุ่มถึงกับร้องขึ้นพร้อมกันอย่างตกใจกับสิ่งที่บิดาพึ่งพูดออกมา
“แกสองคนมีเวลาก่อนฉันจะบินไปอังกฤษอีกเดือนเดียว เดี๋ยวเปรมจะอยู่เป็นผู้ช่วยให้จนกว่าจะเข้าที่”
“แต่คุณพ่อ...”
เมฆินทร์ที่อยากคัดค้านรีบพูดขึ้น ต่างจากเมฆาที่เอาแต่นั่งเงียบมองกระดาษในมือที่เขาถืออยู่อย่างไร้คำถาม
“ฉันต้องไปแล้ว มีอะไรก็ถามเปรมได้เลย”
พูดจบ คุณฮาเดสก็ลุกเดินออกจากห้องทำงานไปทันที เมื่อนัด คุณเวฬา ภรรยาสุดรักสุดหวงเอาไว้ที่ร้านอาหาร ปล่อยให้ลูกๆของเขาได้แต่มองกระดาษที่มีชื่อบริษัทและกิจการต่างๆที่พวกเขาต้องรับผิดชอบอยู่
“พี่ชาย ไหนดูซิว่าของนายได้อะไรบ้าง”
เมฆินทร์รีบดึงกระดาษของพี่ชายมาดู ส่วนเมฆาก็ดึงของน้องชายมาดูเช่นกัน
“อะไรกัน? ทำไมนายได้แต่ธุรกิจสีขาวสะอาดพวกนี้ล่ะ โธ่ เห็นฉันเป็นอะไร ซาตานรึไงถึงให้แต่ธุรกิจสีดำๆพวกนี้มา”
เมฆินทร์อดที่จะบ่นโอดโอยไม่ได้ เมื่อพี่ชายอย่างเมฆากลับได้รับช่วงต่อธุรกิจสีขาวสะอาดหมดจด ซึ่งส่วนมากจะมาจากธุรกิจของคุณตาผู้ล่วงลับของเขา
“งั้นนายก็เอานั่นไป เดี๋ยวฉันจัดการพวกนี้เองก็ได้”
เมฆาที่เห็นว่าน้องชายดูจะไม่เต็มใจกับสิ่งที่ได้เลยบอกขึ้น เมื่อเขานั้นไม่เคยคิดโต้แย้งหรือคัดค้านอะไรกับใครอยู่แล้ว ยิ่งเป็นกับครอบครัวแล้วด้วยเขายิ่งไม่เคยทำ
“อะไรกัน...แบบนายเนี่ยนะจะดูแลธุรกิจพวกนี้ได้ มีหวังถูกลูกน้องตัวเองฆ่าตายพอดี เอามานี่! นายน่ะเอานี่ไปอ่ะดีแล้ว”
พูดจบเมฆินทร์ก็ลุกเดินหนีออกจากห้องทำงานของบิดาไปอีกคน ปล่อยให้เมฆาได้แต่มองกระดาษในมือของเขาอย่างเป็นกังวล เมื่อการทำงานภายใต้ปีกของบิดานั้นทั้งอบอุ่น สบายใจแถมไม่มีปัญหาอะไรมากมายจนต้องเก็บมาเครียดด้วย แต่ถ้าเกิดไม่มีบิดา เขาคิดไม่ออกเลยจริงๆว่าเขาจะเดินไปทางไหนต่อดี
ครืดดดด
“ออกรถ”
ส่วนทางด้านเมฆินทร์ที่เดินมาขึ้นรถที่มี ตงฉิน คนสนิทพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทของเขาเปิดรออยู่ ก่อนจะสั่งขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียดจนตงฉินสังเกตเห็นได้
“ถ้าฉันต้องกลายเป็นมาเฟีย นายคิดว่ามันจะเข้าท่ารึเปล่า?”
เมฆินทร์ถามขึ้น เมื่อเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมารับช่วงธุรกิจด้านมืดต่อจากบิดาเร็วขนาดนี้
“หึหึ ถ้านายไม่เหมาะ แล้วใครจะเหมาะล่ะ”
ตงฉินพูดขึ้นพร้อมกับมองเมฆินทร์ผ่านกระจกรถ เมื่อเมฆินทร์นั้นอาจไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นเหมาะกับตำแหน่งมาเฟียมากกว่าใครแล้ว
“ถ้าเป็นมาเฟีย ฉันก็เป็นเพลย์บอยไม่ได้สิ ต้องเคร่งขรึม ไว้ท่า น่าเกรงขาม ฉันน่ะ เกิดมาเพื่อเป็นเพลย์บอยเจ้าสำราญนะ”
เมฆินทร์ยังคงคิดขัดแย้งกับตัวเอง โดยที่ตงฉินได้แต่ยิ้มอย่างนึกขำเมื่อเพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งเจ้านายคนนี้ของเขานั้นถึงแม้จะดูเป็นหนุ่มมากรักเจ้าสำราญแต่ใครเลยจะรู้ว่าพอเวลาเข้าโหมดโหดนั้น เมฆินทร์ถือว่าโหดร้ายจนเกินจะคาดคิดเลยก็ว่าได้