ปีนั้นเมืองชายแดนที่ค่อนข้างสงบสุขกลับค่อยๆลุกเป็นไฟ เมื่อสัญญาสงบศึกที่มีมายาวนานระหว่าง’แคว้นหนาน และแคว้นผ่อ’เกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องมาจากที่แคว้นผ่อเริ่มไม่พอใจกับจำนวนข้าวของบรรณาการจากแคว้นหนานที่แพ้สงคราม ซึ่งทางแคว้นผ่ออ้างว่าทางใต้สุดของแคว้นของตนกำลังประสบกับภาวะแห้งแล้ง จึงเรียกร้องบรรณาการช่วยเหลือเพิ่มเติมเกือบเท่าตัวจากแคว้นพันธมิตร
ทั้งที่แคว้นหนานเองก็ประสบกับความแห้งแล้งเช่นเดียวกัน แต่ในเมื่อแคว้นที่แข็งแกร่งกว่าอย่างแคว้นผ่อเริ่มเรียกร้องมากขึ้นจึงเกิดการต่อต้าน เมื่อไม่ยินยอมจึงหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้ จึงเป็นเหตุให้เกิดการสู้รบปะทุขึ้นตามแนวชายแดนระหว่างแคว้นทั้งสอง และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ก็ย่อมหนีไม่พ้นชาวบ้านตาดำๆที่อยู่เขตชายแดน
ชายแดนสองฝั่งจากที่เคยอยู่กันอย่างฉันท์มิตรก็กลับกลายเป็นศัตรูต่างแคว้นไม่อาจค้าขาย หน้าด่านทั้งสองก็ปิดกั้นห้ามเข้าออก โจรผู้ร้ายเริ่มออกอาละวาดปล้นชิงเนื่องจากภาวะขาดแคลน ความเป็นอยู่เริ่มย่ำแย่ ตระกูลฝางที่เคยทำมาค้าขายอยู่ได้อย่างไม่ขัดสนกลับกลายเป็นต้องปิดกิจการ เตรียมโยกย้ายถิ่นฐานหากเมืองอี้ป้อถูกตีแตก
ยังไม่ทันหายอกสั่นขวัญแขวนกับข่าวการศึกที่ปะทะเดือดขึ้นเรื่อยๆ บ่ายของวันกลับมีคนของทางการมาประกาศเกณฑ์ชายหนุ่มตามหมู่บ้านต่างๆเพื่อเป็นกองกำลังให้แก่แคว้น ผู้เฒ่าฝางรอดพ้นแต่ไม่ใช่กับฝางหยวนไช้ที่อยู่ในวัยหนุ่ม ไร้ซึ่งหนทางหลีกหนีชายหนุ่มจึงต้องจากครอบครัวไปสู้ศึกโดยที่ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเห็นหน้ากันอีกหรือไม่
หม่าเหลียนเฟยได้แต่ภาวนาให้เหตุการณ์ผ่านไปด้วยดีแม้หญิงสาวจะทุกข์ใจยิ่งนักเพราะนางพึ่งจะรับรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง นางเลือกที่จะปิดบังผู้เป็นสามีเพราะไม่อยากให้เขาต้องห่วงพะวง แม้จะเศร้าเสียใจเพียงใดแต่นางก็พยายามทำจิตใจให้เข้มแข็งเพราะกลัวจะกระเทือนถึงลูกน้อยในท้อง นางตั้งใจไว้ว่าจะถนอมลูกน้อยรอวันสามีกลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง แม้สิ่งที่หวังนั้นแสนจะริบหรี่ เพราะหากสงครามยังไม่จบก็ยากนักที่จะได้อยู่กันอย่างสงบดั่งเช่นในการณ์ก่อน
หลังจากที่ฝางหยวนไช้จากไปไม่กี่วัน เหตุการณ์ก็เริ่มเลวร้ายมากขึ้น เกิดการปล้นชิงในหมู่บ้านกลางวันแสกๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นเองที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้มาอยู่ในร่างของหม่าเหลียนเฟยเนื่องจากนางและสาวใช้ได้พากันออกมาหาซื้อเสบียงเพิ่ม ความโกลาหลของการไล่จับผู้ร้ายที่วิ่งมาชน จนนางที่ยืนเลือกข้าวของอยู่ล้มกระแทกกับต้นเสาทำให้นางถึงกับแท้งลูก เลือดไหลท่วมกระโปรงสีอ่อนทำให้หม่าเหลียนเฟยเกิดอาการช็อคจนสิ้นลม วิญญานของนางหลุดออกจากร่างแต่กลับไม่สามารถจากไปอย่างสงบ เป็นเวลาเดียวกันกับที่เธอเกิดอาการช็อคจากการดื่มเกินขนาด จึงทำให้วิญญานของเธอหลุดออกจากร่างและถูกวิญญาณของหม่าเหลียนเฟยดึงให้มาเข้าร่างของตนพร้อมทั้งฝากฝังให้ช่วยดูแลครอบครัวของสามีแทนตน
เวลาผ่านผันข้าศึกก็ยิ่งรุกหนักจนคาดว่าอีกไม่นานเมืองหน้าด่านนี้คงต้องถูกยึด คนที่เหลือในหมู่บ้านเริ่มพากันโยกย้าย หลายครัวเรือนเริ่มเดินทางออกจากถิ่นฐานเดิม บ้างก็หนีไปพึ่งญาติในหมู่บ้านอื่นบ้างก็คิดไปตายเอาดาบหน้ายังแคว้นใกล้เคียง ครอบครัวตระกูลฝางพยายามถามข่าวถึงผู้ไปศึกเผื่อจะได้ส่งข่าวกลับไปว่าจะพากันไปอยู่ที่ใดแต่ก็ไร้ซึ่งข่าวคราว
จนสถานะการย่ำแย่ถึงที่สุด ผู้เฒ่าฝางจึงจัดการแจกจ่ายเงินทองและข้าวของส่วนหนึ่งให้กับพวกบ่าวไพร่ และพาคนที่เหลือเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวง แต่ระหว่างทางกลับเจอโจรร้ายที่คอยดักปล้นชิงทรัพย์ผู้คนที่หลบหนีจากสงคราม ทำให้เกิดการต่อสู้กัน เพราะโจรร้ายหาได้ต้องการเพียงแค่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ยังพยายามฉุดคร่าสตรีและบ่าวไพร่ที่เป็นหญิงไปย่ำยี
พวกนางรอดพ้นจากเหตุการณ์นี้มาได้แต่บ่าวที่เหลือกับผู้เฒ่าฝางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนถึงแก่ชีวิต ทำให้เหลือแค่นางกับฝางฮูหยินและทรัพย์สินบางส่วนเพียงเล็กน้อย สองคนจึงพากันหลบหนีดั้นด้นขึ้นทางเหนือแทนเมืองหลวง เดินทางรอนแรมมาจนมาถึงหน้าด่าน แต่เนื่องจากพวกนางมาถึงเป็นเวลาบ่ายคล้อยอีกทั้งมีผู้คนมากมายรอคอยลงชื่อเข้าเมือง จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการตรวจสอบ ทั้งสองจึงพากันไปพักยังกระท่อมร้างข้างทางรอลงชื่อเข้าเมืองในวันรุ่งขึ้น