”เหลียนเอ๋อร์!เหลียนเอ๋อร์ๆๆ นั่งเหม่อถึงสิ่งใดเล่า ใยข้าเรียกจึงไม่ตอบรับ”เสียงหญิงชราเรียกหาจากในกระท่อม ทำให้จูจูหรือในตอนนี้ก็คือฮูหยินรองตระกูลฝาง’หม่าเหลียนเฟย’ที่กำลังนั่งใจลอยอยู่สะดุ้งและหันไปขานรับ
“ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านแม่ ข้าเพียงแต่กำลังคิดว่าพรุ่งนี้เช้าเราควรออกเดินทางกันตั้งแต่ยังไม่รุ่งสางน่าจะดีกว่าออกตอนสายนะเจ้าคะ”
นางตอบพลางคลี่ยิ้มน้อยๆให้’ฝางฮูหยิน’แม่สามีที่ตอนนี้เดินออกมาทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ
เกือบครึ่งปีแล้วสินะ ที่นางได้หลุดเข้ามาอยู่ในยุคโบราณ แต่โชคยังดีที่ได้ผู้เป็นแม่สามีของร่างนี้คอยอบรมสั่งสอนดูแลเสมือนดั่งนางเป็นลูกสาวแท้ๆของตน
แรกที่รู้ตัวว่านางอาจจะตายและวิญญานหลุดมาสิงร่างผู้อื่นก็ให้รู้สึกเสียใจทั้งนึกเป็นห่วงสิ่งที่อยู่ข้างหลัง ไหนจะร้านสปาที่หากเธอตายหรือหายสาบสูญจะเป็นเช่นไร ไหนจะต้นอ้อเพื่อนรักที่ยังไม่ได้เอ่ยแม้แต่คำลา แล้วไหนจะผู้ชายหลายใจคนนั้น เขาจะรู้สึกอะไรบ้างมั้ยกับการจากไปของเธอ
แต่หลังจากที่ได้รับรู้ถึงความทรงจำของหญิงที่วิญญานของเธอเข้ามาสวมร่างแล้ว มันทำให้เธอรู้ว่าความทุกข์ของตัวเองนั้นช่างเล็กน้อยเสียเหลือเกินหากเปรียบกับชีวิตของหม่าเหลียนเฟยผู้นี้
”เช่นนั้นก็ดี สายเกินคนก็คงจะเยอะ ไหนจะต้องรอต่อคิวเข้าเมืองอีก ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปหาเตรียมเสบียงเพิ่มขึ้นอีกเผื่อต้องรอที่หน้าด่านนานสักหน่อย” ฝางฮูหยินว่าพลางขยับกายลุกขึ้น
”เดี๋ยวข้าไปเองเจ้าค่ะ ท่านแม่ไปนอนพักต่ออีกซักหน่อยเถิด ข้าจะรีบไปรีบกลับเจ้าค่ะ”
”ขอบใจเจ้านะเหลียนเอ๋อร์ ลำบากเจ้าจริงๆ หาก’ท่านพี่’กับ’อาหยวน’ยังอยู่เราก็คงจะไม่ลำบากกันมากขนาดนี้ เจ้าเลยต้องมาลำบากดูแลคนแก่ๆไม่มีประโยชน์เช่นข้า“ นางว่าพลางก้มหน้าเช็ดน้ำตาพร้อมสะอื้นไห้
”ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านแม่อย่าคิดมากเลยนะเจ้าคะ หากท่านพ่อกับพี่หยวนที่อยู่ในปรโลกได้รับรู้ว่า ท่านเอาแต่ร้องไห้โศรกเศร้าเพราะพวกเขา พาลจะทำให้วิญญานไม่สงบสุขเอานะเจ้าคะ มาเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปนอนพักเอง”ว่าพลางจูงแขนแม่สามีเดินเข้าไปในกระท่อม
“นอนพักนะเจ้าคะ เดี๋ยวข้ากลับมา”
ขยับกายออกจากประตูแว่วเสียงฝางฮูหยินร้องบอกให้ระวังตัว นางอมยิ้มพลางเดินไปหยิบมีดผ่าฟืนเก่าๆมุ่งหน้าตรงเข้าป่าที่อยู่ไม่ห่างจากกระท่อมมากนัก เดินมองซ้ายมองขวาก็เหลียวเห็นยอดมันที่ขึ้นอยู่ตามชายป่าจึงเร่งฝีเท้าเข้าหา เมื่อเริ่มลงมือขุดเรื่องราวของหญิงสาวเจ้าของร่างนี้ก็ผุดขึ้นมาในความคิด
หม่าเหลียนเฟยจากตระกูลหม่าหญิงสาวชาวบ้านจาก’เเคว้นหนาน เมืองอีป้อ’เกิดและเติบโตมาจากหมู่บ้านที่อยู่ติดแนวชายแดน รู้จักและเติบโตมาพร้อมกับคุณชายรองตระกูลฝาง ซึ่งเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ตระกูลหม่ายากจนเนื่องจากหัวหน้าครอบครัวจากไปด้วยโรคภัยตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก จะเหลือก็เพียงมารดาฮูหยินหม่าที่เคยเป็นเพียงแม่บ้าน แต่เมื่อไร้สามีก็ต้องรับภาระเลี้ยงดูบุตรสาวที่ยังอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอน จึงได้ความเมตตาสงสารจากฮูหยินฝางจ้างมาช่วยทำงานที่เรือนบ้าง รับจ้างทั่วไปบ้างให้พอได้มีเงินทองไว้ใช้สอย
ส่วนตระกูลฝางนั้นเป็นตระกูลพ่อค้าเล็กๆ ฝางฮูหยินไม่มีบุตรสาวมีเพียงบุตรชายอันเป็นที่รักอยู่สองคน แต่โชคร้ายคุณชายใหญ่อายุสั้นนัก ปีนั้นเกิดโรคระบาดร้ายแรง หมู่บ้านแถวชายแดนหากเกิดป่วยไข้ขึ้นมา กว่าจะมีหมอมาถึงซักคนก็ยากที่จะพยุงอาการป่วยคอยได้ จึงเหลือเพียงคุณชายรอง ดังนั้นฝางฮูหยินจึงรักใคร่เอ็นดูหม่าเหลียนเฟยและให้มาคอยอยู่เป็นเพื่อนเล่นกับ’ฝางหยวนไช้’บุตรชายของตนอยู่เป็นประจำ
เคราะห์หามยามร้ายของเหลียนเฟยน้อยยังไม่หมด เมื่อมารดาผู้เป็นที่พึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ต้องประสบเคราะห์กรรมถูกโจรใจบาปทำร้ายถึงแก่ชีวิตเมื่อยามเข้าป่าไปหาเก็บสมุนไพร ฝางฮูหยินรู้ข่าวก็ให้เวทนาเด็กสาวยิ่งนักจึงขอร้องให้ผู้เป็นสามีรับอุปการะเด็กสาวมาอยู่เป็นคนในตระกูล ดังนั้นนางจึงได้เติบใหญ่อยู่ใต้ชายคาบ้านตระกูลฝางตั้งแต่นั้นมา
เมื่อเริ่มเติบใหญ่จากเพื่อนเล่นก็กลายเป็นเพื่อนใจ หลังนางเข้าสู่วัยปักปิ่น ฝางหยวนไช้จึงขอให้ฮูหยินฝางตบแต่งนางเข้ามาเป็นสะใภ้ของตระกูล ซึ่งทุกคนก็ไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์เนื่องจากเห็นกันมาตั้งแต่ยังเยาว์ นางจึงใช้ชีวิตคู่อยู่อย่างผาสุขในตระกูลฝาง ทุกวันนางมีหน้าที่ดูแลบ้านเรือนและบ่าวไพร่ใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่วันเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ!!