บทที่ 7 ลืมโทรศัพท์

2246 Words
ฉันได้แต่คิดวนเวียนว่าฉันโตแล้ว การมีอะไรกับผู้ชายคนหนึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดา ฉันจะลืมมันไป ฉันนอนอยู่บนเตียงได้ไม่นานเสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันเพิ่งนึกได้ว่าทั้งแว่นตาทั้งโทรศัพท์ก็คงเป็นเขาที่เก็บเอาไว้ให้ คนที่โทรมาคือคุณนายบุหงาแม่ของเจ้านายนั่นเอง ฉันได้รับคำสั่งให้กลับบ้านตอนนี้เพราะคุณนายมีธุระจะใช้ฉัน ฉันตอบรับอย่างสุภาพถึงจะปวดหัวแค่ไหนก็ตามที ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างทุลักทุเลเพื่อไปอาบน้ำให้สดชื่น รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ฉันเป็นเด็กดีมาตลอดเหล้าไม่เคยดื่มเมื่อคืนดื่มไปไม่กี่แก้วก็เมาปลิ้นและยังเมาค้างอยู่ ฉันอ้วกไปหลายครั้งกว่าจะลุกออกจากโถได้ "ฉันสาบานว่าฉันจะไม่กินเหล้าอีกแล้วให้ตายเถอะ" ฉันเปิดน้ำลงอ่างจนล้นออกมา กว่าจะม้วนตัวลงอ่างไปอาบน้ำและดึงแปรงสีฟันในซองของโรงแรมออกมาอย่างยากลำบาก ในที่สุดฉันก็วางมันลงเพราะรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ที่แย่ก็คือฉันรู้สึกแสบที่แผลตรงช่องคลอดของฉัน "โอ๊ย เจ็บกว่าที่คิด" เพราะแสบแผลฉันจึงนอนนิ่ง ๆ สักพัก คิดว่าบนผ้าปูที่นอนอาจจะมีเลือดบริสุทธิ์ของฉันติดอยู่ ได้แต่โบกมือลามันด้วยน้ำตา ถึงเมื่อคืนจะมันส์มากจนฉันลืมไม่ลงแต่เมื่อกลับเข้าสู่ความเป็นจริงฉันก็รู้สึกแย่ นั่นเพราะเจ้านายผู้ได้ฉันเป็นคนแรกกลับไม่สนใจและยังเข้าใจว่าฉันอ่อยเขาอีก เรื่องบ้า ๆ นี่เกิดขึ้นกับฉันที่วางแผนมาเป็นอย่างดีได้ยังไง ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ ฉันนอนในอ่างนิ่ง ๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าเริ่มชินและไม่ค่อยแสบเท่าไหร่แล้ว จึงขยับตัวคว้าแปรงสีฟันในซองมาฉีกและแปรงฟันไปหลายรอบ เพื่อล้างคราบของผู้ชายบ้าคนนั้นออกจากปากให้หมด ฉันยังรู้สึกปวดหัวจึงนอนนิ่ง ๆ สักพักให้อาการปวดหัวคลายลง การแช่น้ำอุ่นช่วยได้จริงๆ แฮะ เมื่อรู้สึกดีขึ้นมาบ้างฉันจึงเริ่มสระผมจนมั่นใจว่าสะอาดเรียบร้อย คุณท่านไม่ได้เร่งฉันมากฉันจึงยังพอมีเวลาจัดการกับตัวเองให้รู้สึกดีขึ้น ไม่นานนักก็ต้องรีบออกมา หลังจากจัดการตัวเองเสร็จก็หาเสื้อผ้ามาสวม ฉันมองดูชุดเซ็กซี่ที่กองอยู่บนพื้นแล้วตกใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อหยิบขึ้นมาดู มันทั้งสั้นทั้งโชว์เนื้อนมจนฉันไม่กล้าที่จะใส่มันอีก ถ้าฉันใส่ลงไปข้างล่างคงมีสายตาเป็นล้านคอยมองฉันแน่นอน ถึงฉันจะเป็นคนมั่นใจในตัวเองแต่ก็ไม่คิดว่าจะมั่นใจอะไรได้ขนาดนั้น ฉันยังไม่เคยชินกับการเปิดเผยเนื้อตัวขนาดนี้ถึงแม้ว่าฉันจะตั้งใจเปลี่ยนแปลงตัวเองก็เถอะ ในขณะที่ฉันกำลังตัดสินใจอยู่นั้น เสียงประตูห้องก็เปิดออก ฉันตกใจเล็กน้อยเพราะยังไม่ได้บอกพนักงานว่าจะเช็กเอาท์แล้วใครกันที่เปิดประตูเข้ามา ฉันยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ผ้าโพกศีรษะอยู่เลย และเมื่อเห็นหน้าคนที่เข้ามาก็ทำให้ฉันถอนหายใจ "ทำไม เห็นฉันแล้วทำหน้าเหมือนเห็นผี" เสียงห้าวทุ้มห้วน ๆ ของเขาทำให้ฉันไม่ค่อยอยากคุยกับเขาเท่าไหร่ เขายังคงมองฉันเหมือนว่าเมื่อคืนเราสองคนยกมีดมาฟันกันเหมือนศัตรูไม่ใช่มีอะไรกันจนเตียงแทบหักอย่างที่เกิดขึ้น "ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าเป็นเจ้านายค่ะ แล้วเจ้านายมาทำไมคะ กลับมารับฉันเหรอคะ" เขามองฉันยังทำสายตาดุ ๆ จ้องมาอีก ฉันถอยหลังโดยอัตโนมัติหนึ่งก้าว เขายกมุมปากเยาะเหมือนที่ชอบทำ "ฉันลืมมือถือเลยกลับมาเอาก็เท่านั้น อย่าคิดเข้าข้างตัวเอง" คราวนี้ฉันยิ้ม "พอดีเลยค่ะ ขอกลับบ้านด้วยนะคะคุณท่านเรียกหาค่ะ ไหน ๆ ก็ทางเดียวกันแล้ว คงไม่รบกวนเจ้านายนะคะ" "โทรศัพท์ฉันล่ะ" เขาไม่ตอบรับฉันแต่กลับถามหาโทรศัพท์ของตัวเอง ฉันอยากจะตอบเขาว่า ฉันจะตรัสรู้มั้ย แต่ด้วยสปิริตเลขาฉันจึงได้แต่ยิ้มหวานแล้วบอกให้เขาไปนั่งรอ "เจ้านายรอสักครู่นะคะ นั่งรอตรงนั้นก่อนนะคะ ฉันแต่งตัวเสร็จจะหาให้ เดี๋ยวฉันสั่งกาแฟให้เจ้านายสักแก้วนะคะ" ฉันจับแขนเขาแล้วพามานั่งที่เก้าอี้ เอาอกเอาใจเขาเล็กน้อยเพราะต้องการใช้ประโยชน์ เขากลับไม่โวยวายอย่างที่ฉันคิด "เร็ว ๆ ผมไม่มีเวลามาก" ฉันรู้ว่าเขาว่าง ฉันรู้ดีที่สุดเลยละแต่ก็ไม่ได้ตอบโต้เขา "ฉันโทรบอกแม่บ้านให้นำกาแฟมาให้เจ้านายแล้วจะรีบจัดการตัวเองเลยค่ะ" ฉันบอกเขาก่อนที่จะยกโทรศัพท์เขาก็พูดขึ้น "สายแล้วให้เขายกอาหารเช้ามาเลยแล้วกัน ผมหิวแล้ว" ฉันยิ้มหวานให้เขา เจ้านายมองหน้าฉันเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนี ฉันถอนหายใจเขาคงไม่อยากเห็นหน้าฉันแล้วสิ "จัดการให้เลยค่ะ" "ของเธอด้วยละ" "เอ๋" ฉันมองเขาด้วยความแปลกใจ ฉันอยู่กับเขามาตั้งแต่เด็ก คุณชายน้อยธันวาไม่ชอบให้คนอื่นนั่งร่วมโต๊ะถ้าไม่จำเป็น เป็นกฎที่เขาตั้งเอาไว้ตั้งแต่เด็กแล้ว ในขณะที่ฉันสถานะต่ำกว่า ไม่ใช่ทั้งเมียน้อยพ่อเขาและเป็นเพียงคนใช้ยิ่งเป็นไปไม่ได้ "รีบสั่งสิ มองหน้าหาอะไรละ อยากอีกเหรอไม่มีโอกาสแล้วมันจบแล้ว เข้าใจนะ" แน่ะ เขายังเสียงสูงใส่ฉันทั้งยังปรักปรำว่าฉันต้องการเขา คนบ้านี่ คิดอะไรพิลึก แต่ฉันก็ยังลังเลที่จะนั่งลงตรงข้ามเขา "เจ้านายไม่ชอบให้ใครร่วมโต๊ะนี่คะ นอกจากคุณท่าน" "แม่ไม่อยู่จะให้กินคนเดียวหรือไง อีกอย่างเธอเป็นเลขาจะมาเรื่องมากกับเจ้านายทำไมสั่งอะไรก็ทำตามนั้น" เขาพูดเสียงห้วน ๆ ฉันพยักหน้าเข้าใจแล้ว "ค่ะ" ฉันจึงสั่งอาหารเช้าที่เขาชอบทานคือโจ๊กหมูร้อน ๆ และปาท่องโก๋สำหรับสองที่ พร้อมทั้งน้ำส้มคั้นสดมาเหยือกใหญ่เพราะฉันต้องการวิตามินซีเพื่อให้หายเมาค้าง เจ้านายเป็นคนไม่เรื่องมากเรื่องอาหารเขาชอบอะไรที่เรียบง่ายซึ่งฉันรู้ดี สั่งอาหารเสร็จฉันจึงรีบคว้าเสื้อผ้าน้อยชิ้นเข้าไปในห้องน้ำ แปะซิลิโคนทับนมตัวเองแล้วใส่ชุดที่ทำให้ฉันใจหวิวอย่างรวดเร็ว ฉันดึงผ้าที่โพกหัวออกคว้าไดร์มาเป่าพอให้ผมหมาดชื้น ผมยาวของฉันมันหยิกเป็นลอนสวยตามธรรมชาติ ทั้งหนาทั้งหนักแต่ที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจมันสักเท่าไหร่จึงมักจะรวบตึงเอาไว้จนติดหนังหัวและม้วนเอาไว้ด้านหลังเหมือนป้าเลขาแก่ ๆ ที่ชอบทำกัน ยังมีแว่นหนาเตอะนี่อีกยิ่งทำให้ฉันดูแก่มากกว่าอายุจริงหลายเท่าตัว ถึงหน้าของฉันจะสวยแต่การแต่งตัวของฉันก็กลบความสวยจนไม่เหลือซาก บางทีหลังจากนี้แล้วที่เจ้าสัวกำลังติดใจเมียสาวคนที่สิบและยังมีบ้านหลังใหม่ให้เธออยู่ เจ้าสัวคงไม่หันมามองฉันแล้ว ฉันอาจจะขอคุณท่านปรับปรุงตัวเองก่อนจะสายเกินไป "ฉันให้เธออีกแค่สองนาที" เสียงห้วน ๆ ของเจ้านายดังขึ้นทำให้ฉันต้องวางไดร์เป่าผมลงและหวีผมลวก ๆ แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ฉันดูสวยแปลกตาจากปกติอยู่มาก และเมื่อฉันเดินออกจากห้องน้ำในสภาพที่เรียกน้ำลายผู้ชายก็ทำให้เขาอึ้งเล็กน้อย ฉันแอบยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นเขาตกตะลึง แต่คนอย่างเจ้านายก็ย่อมเคยชินกับคนสวยมาเยอะแยะ เขาปรับสีหน้าเป็นปกติอย่างรวดเร็วแล้วโยนเสื้อสูทของเขาให้ฉัน "ใส่ซะ แต่งแบบนี้มันเหมือนผู้หญิงหากิน คนจะเข้าใจผิดว่าผมพาผู้หญิงหากินขึ้นห้อง" ฉันนี่สตั้นไปหลายวิเลย แต่ฉันไม่ยอมแพ้เขาหรอก "ฉันเห็นเจ้านายมองตาค้าง นึกว่าชอบที่จริงไม่ชอบเหรอคะ เมื่อคืนยังชมฉันตั้งหลายครั้ง" ดวงตาของเขาเบิกกว้างกว่าปกติ เขาคงคิดไม่ถึงว่าฉันจะตอบโต้ แต่เขารู้จักฉันน้อยเกินไปแล้ว ความสัมพันธ์ของเราที่ผ่านมาเพราะคุยกันเฉพาะเรื่องงาน เมื่อกลับมาที่บ้านก็ต่างคนต่างอยู่ ฉันก็ติดกับคุณท่านแจและเขาก็ไม่เคยก้าวก่าย เรียกว่าความสัมพันธ์ของเราตลอดเวลาหลายปีตั้งแต่เล็กจนโต ฉันและเขาคือเจ้านายและคนรับใช้ปลายแถวอย่างแท้จริง "เธอนี่มันกล้ากว่าที่คิด" "วันนี้วันหยุดค่ะ ฉันไม่ใช่เลขาคุณฉันเป็นคนของแม่คุณ" ฉันโต้ทันควันและยังยักไหล่อีกต่างหาก "ฉันไม่น่ารอเธอเลย รีบไปหาโทรศัพท์เร็วเข้า เสียเวลาเกินไปแล้ว" เขาพูดทั้งยังหันหลังให้ฉัน ฉันค้อนเขาหลายครั้งก่อนจะเดินรอบห้องเพื่อหาโทรศัพท์ กระทั่งมองรอบเตียงและหาจนทั่วห้อง หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ กระโปรงของฉันสั้นเมื่อฉันก้ม ๆ เงย ๆ มันก็ย่อมเห็นแก้มก้นจนกระทั่งกางเกงใน เจ้านายชี้มือไปที่ใต้เตียง "หาตรงนั้นหรือยัง เมื่อคืนเธอรุนแรงมากอาจจะเตะโทรศัพท์ฉันตกลงใต้เตียงก็ได้" ฉันมองเขาพร้อมกับขยับแว่นตา ตอบโต้เขาทันทีในตอนนี้ฉันได้โอกาสพูดแล้ว "ฉันจำไม่ได้แล้วค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น ลืมทุกอย่างแล้ว เจ้านายก็เหมือนกันนะคะ ได้โปรดลืมมันไปเถอะ" ฉันทำน้ำเสียงราบเรียบในเมื่อเขายังทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งยังดูหมิ่นว่าฉันตั้งใจอ่อยเขา ฉันก็ไม่คิดจะสนใจเขาอีก ในขณะที่เขาทำท่าโกรธฉันอีกแล้วแต่ฉันไม่สนใจหรอก เขาว่าฉันได้ฉันก็ตอบโต้เขาได้ เสมอกัน เขามองฉันนิ่ง แล้วทำหน้ากวนๆ "เลขาเอพริล ที่คุณพูดหมายความว่ายังไง" ฉันอึกอัก หรือเขาจะคิดจริงจังกับฉัน ไม่นะ "ฉันหมายความว่าเราสองคน" ฉันยกมือขึ้นเหยียดนิ้วชี้สองข้างตรงแล้วเลื่อนมาชิดกัน เจ้านายกลับตัดบทฉันทันที "ผมไม่รู้ว่าเลขาเอพริลคิดอะไรอยู่ แต่ผมจะย้ำให้คุณเข้าใจว่า เรื่องระหว่างเรามันก็แค่เรื่องธรรมชาติของชายหญิง เหมือนลมพัด ผ่านไปแล้วก็ผ่านไปไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น" คราวนี้คนที่สตั้นคือฉัน ฉันรีบตั้งสติแล้วพยักหน้า "แน่นอนค่ะ แค่ลมพัด" เขากอดอก "คุณเลขาเข้าใจอะไรง่ายๆ ก็ดีแล้ว" ฉันมองผ่านใบหน้าเขา ไม่ได้พูดอะไรอีก ฉันรู้จักเขาดีว่าเขามันเสือร้าย ทำไมถีงได้คิดไปไกลว่าเขาจะจริงจังนะ บ้าฉิบหาย ฉันก้มลงไปควานหาโทรศัพท์และสุดท้ายของบางอย่างก็กระแทกมือของฉัน ฉันคว้ามันออกมาและยืนให้เขา เมื่อฉันเห็นหน้าเขาก็พบว่าเขากำลังมองที่ขาของฉันอยู่และยังมองแบบตาไม่กะพริบเสียด้วย ฉันไม่พอใจมากจึงเท้าสะเอวและต่อว่าเขาทันที "เจ้านายแอบมองก้นฉันเหรอคะ" เขายักไหล่ "ไม่ได้แอบ เธอจงใจอ่อยฉัน ฉันก็กลัวจะเสียหน้าเลยมองให้สักหน่อย พูดมากอยู่นั่นแหละจะมากินได้หรือยัง ฉันไม่ชอบกินโจ๊กเย็น ๆ " อาหารคงมาถึงตอนที่ฉันกำลังแต่งตัวอยู่ ฉันจึงไม่รู้ ฉันพยักหน้าเดินตามเขาไปที่โต๊ะอาหาร โจ๊กหมูหอมกรุ่นของโรงแรมลอยเข้ามาแตะจมูก ฉันดื่มน้ำส้มก่อนเป็นอันดับแรก น้ำส้มคั้นสดมีรสชาติเปรี้ยวอมหวานชื่นใจจริง ๆ ฉันวางแก้วลงก่อนที่จะเริ่มตักโจ๊กใส่ปาก เจ้านายก็เชยคางของฉันขึ้น หัวใจของฉันเต้นระรัวอย่างช่วยไม่ได้ เขามองฉันด้วยแววตาที่ฉันคาดเดาว่าเขากำลังต้องการบางอย่าง แววตาของเขาลุกโชนผมของเขาที่ไม่ได้เซตปอยหนึ่งตกลงมาที่หน้าผาก สายตาของเราต่างจับจ้องซึ่งกันและกัน ฉันเองก็ไม่ได้หยุดเขาเพราะอะไรก็ไม่รู้ เมื่อเขาโน้มตัวลงมาแล้วใช้ลิ้นเลียที่ริมฝีปากของฉันเบา ๆ ก่อนจะจูบฉันอย่างร้อนแรงและบ้าคลั่งในขณะที่ฉันเองก็ตอบสนองเขาอย่างเผ็ดร้อน คราวนี้มันไม่ใช่ลมพัด แค่มันคือพายุลูกหนึ่งที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD