พะแพงนอนกระสับกระส่ายตลอดเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็ม เพราะเสียงจากห้องใกล้ๆ เธอไม่แน่ใจว่าเป็นห้องไหนเพราะไม่ได้เปิดประตูออกไปเงี่ยหูฟัง แต่ตอนนี้เงียบไปแล้ว และเงียบไปประมาณครึ่งชั่วโมง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น
คนที่ยังไม่รับรีบกดรับสายเพราะรู้ว่าใครที่โทรมา
“มาถึงแล้วเหรอยา”
“ถึงแล้ว แต่ยังอยู่ในรถ ฉันมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยน่ะ”
“ขึ้นมาคุยบนห้องก็ได้นี่”
“ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องคุยก่อนขึ้นห้อง”
“งั้นพูดมาเลยรอฟังอยู่”
“คือว่าตอนนี้ฉันมากับคุณมิกกี้ เขาอยากขึ้นไปนอนกับฉันที่ห้อง คือ...”
“ไม่ได้นะยา!” รีบห้ามทัพทันที กลัวจริงๆว่ารัญญาจะบ้าบิ่นพาผู้ชายขึ้นมานอนทำอะไรในห้องทั้งที่มีเธอนอนอยู่ในห้องนี้จริงๆ
“ฟังฉันพูดให้จบก่อนสิ มิกกี้เขามีข้อเสนอ เขาบอกว่าถ้าเธออนุญาต เขาจะตอบแทนเธอด้วยเงินจำนวนห้าหมื่นบาท ประมาณว่า จ้างให้เธอแอบอยู่ในห้องตรงไหนก็ได้ เขาจะนอนกับฉันไม่นาน ไม่เกินชั่วโมงก็จะไป”
“แล้วทำไมไม่ไปเช่าโรงแรมดีๆ ถ้ามีเงินจ้างฉันมากขนาดนั้น”
“คือเขาแอบจิตนิดๆน่ะ เขาอยากให้ดูเหมือนว่ามีแกแอบได้ยินเอ่อ... ที่ฉันกับเขาเมคเลิฟกันอยู่”
“แล้วแกไม่อายฉันเหรอ ยัยเพื่อนบ้า”
“ก็นิดหน่อยน่ะ แต่ว่าฉันอยากได้เงินหนึ่งล้านบาทไปให้พ่อกับแม่สร้างบ้าน แต่ฉันก็ไม่คิดฝืนใจแกนะ ที่ฉันปรึกษาแกก่อนก็เพราะฉันอยากให้แกมีเงินใช้ด้วย ไม่ต้องเอาตัวเข้าแลกเหมือนฉัน แค่แอบฟังก็ได้เงินใช้สบายๆ หรือถ้าแกไม่อยากฟังก็หาอะไรอุดหูก็ได้ โอเคมั้ย”
พะแพงนิ่งคิดชั่วครู่ ‘แค่ไปแอบอยู่ที่ระเบียง แล้วปล่อยให้พวกเขานอนด้วยกันแค่ชั่วโมงเดียว คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง แถมรัญญายังได้เงินไปสร้างบ้านเป็นล้านๆอีก ถือว่าช่วยเพื่อนสักครั้ง น่าจะเป็นการกระทำที่ดี ที่เพื่อนควรช่วยเพื่อน’
“อือม ก็ได้ แต่ห้ามเกินชั่วโมงนะ ข้างนอกมันหนาว ยุงก็เยอะ เห็นใจฉันด้วย”
“โอเคจ้ะเพื่อนรัก งั้นฉันพาคุณมิกขึ้นไปล่ะนะ”
“อื้อ”
วางสายได้ไม่กี่นาทีเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น พะแพงไม่ได้ล็อกกลอนประตู เพราะไม่อยากเดินออกไปให้คุณมิกกี้อะไรนั่นเห็นหน้า
“เพื่อนคุณไปหลบอยู่ที่ไหนล่ะ”
“น่าจะที่ระเบียงค่ะ”
แต่รัญญาไม่รู้หรอกว่า พะแพงหลบอยู่ใต้โต๊ะคอมฯ ที่มีเก้าอี้ที่มีเสื้อกันหนาวสีเข้มตัวใหญ่คลุมทับอยู่ ดังนั้นเก้าอี้ตัวใหญ่จึงเป็นตัวปิดบังอำพรางไม่ให้สองหนุ่มสาวเห็นคนที่หลบอยู่ใต้โต๊ะได้เป็นอย่างดี แต่หากคนที่หลบซ่อนตัวอยู่จะแง้มดูก็ง่ายเพียงนิดเดียว
ตอนแรกพะแพงคิดว่าจะไปหลบอยู่ในห้องน้ำก็เกรงว่าพอสองหนุ่มสาวเสร็จกิจอาจอยากเข้าห้องจึงเลี่ยงไม่หลบในห้องนี้ ต่อมาก็คิดว่าจะไปหลบอยู่ที่ราวระเบียงก็กลัวโดนยุงลายกัดกลัวจะเป็นไข้เลือดออกไม่คุ้มแน่ๆ พอหันมาเห็นโต๊ะคอมฯเลยปิ๊งทันที เพราะเธอร่างเล็กจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับพื้นที่แคบๆใต้โต๊ะ
และครั้งหนึ่งในชีวิต เธอก็อยากเห็นการร่วมรักจริงๆบ้าง ว่ามันจะเป็นอย่างไร น่ากลัวหรือไม่
จริงอยู่ที่เธอเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่การแต่งงานครั้งนั้นผู้ใหญ่เป็นคนจับคู่ให้ ไม่รู้โชคร้ายหรือโชคดีที่เธอได้เจ้าบ่าวเป็นพวกเก้งกวาง เขาไม่ได้บอกเธอในชั่วโมงแรกที่เข้าห้องหอ แต่เจ้าบ่าวของเธอได้สอนให้เธอได้ลิ้มรสสวาท ว่าการไปถึงสวรรค์มันเป็นเช่นไร ด้วยปากและนิ้วเรียวของเขา ภัคพงษ์ทำให้เธอสุขสมสุดยอดจนต้องหวีดร้องออกมาหลายครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ รอบแรกด้วยปลายลิ้นของเขาที่ละเลงเลียไปบนความเป็นสาวอวบนูนของเธออย่างเร่าร้อนซ่านเสียว รอบสองเขาส่งเธอขึ้นสวรรค์ด้วยเรียวนิ้วใหญ่ที่สอดใส่เข้าไปภายในความคับแน่นฉ่ำแฉะของเธอแบบถี่รัวจนเธอเสียวสะท้านและหวีดร้องออกมาในที่สุดด้วยความสุขสุดยอดที่เข้มข้นร้อนแรงมากกว่าเรียวลิ้นเสียอีก และยกสุดท้ายก่อนที่เขาจะบอกความจริงอะไรบางอย่างกับเธอ เขาใช้ทั้งปากและมือส่งมอบความหฤหรรษ์แสนซาบซ่านให้กับเธอ จนต้องกรีดร้องเสียงดังลั่นอย่างลืมตัว
“พะแพง เธอรู้ไหมว่า เธอจะสุขลึกเสียวเสียดยิ่งกว่านี้ ถ้าเปลี่ยนจากนิ้วไปเป็นแก่นกายของผู้ชาย แต่นั่นต้องไม่ใช่จากฉัน”
“แพง งงค่ะ”
“ก็ฉันไม่แมน ฉันจึงทำใจใช้ไอ้นั่นกับเธอไม่ได้ แต่ในฐานะเจ้าบ่าวที่อาจจะทำให้เธอเป็นหม้ายในอนาคตอันใกล้นี้ ฉันจึงมอบความสุขให้เป็นการชดเชย เธอจะได้รู้ว่าความสุขสุดยอดน่ะ มันเป็นยังไง เธอจะได้ไม่กลัวการแต่งงานครั้งที่สองกับชายแท้สักคน แต่ขอบอกก่อนนะว่า ครั้งแรกมันจะเจ็บแทบขาดใจเชียวล่ะ แต่หลังจากหายเจ็บแล้วเธอจะสุขกว่าที่ฉันทำกับเธอเมื่อกี้อีก”
แล้วหนึ่งเดือนต่อมา เธอกับภัคพงษ์ก็เลิกราจากกันด้วยดี โดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุว่าพวกเขาสองคนเลิกกันเพราะอะไร
เสียงร้องครางด้วยความเจ็บทำให้ ใจของคนที่แอบอยู่ใต้โต๊ะกระตุกวาบ กำลังนึกภาพว่ารัญญาต้องโดนเสียบแทงแล้วแน่ๆ แล้วก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อมือเล็กๆ ค่อยๆแง้มชายเสื้อกันหนาวตัวใหญ่เปิดดู