บทที่ 6 เข้าอำเภอ

1661 Words
วันต่อมาตู้เซียงเหมยตื่นมาทำอาหารเช้าให้ทุกคน ซึ่งไม่มีอะไรมากมายมีเพียงโจ๊กข้าวโพดกับผัดผักเท่านั้น วันนี้เธอตั้งใจว่าจะหาดูว่าแหล่งที่ซื้ออาหารนั้นสามารถซื้อได้ที่ไหน เพราะจะได้บอกกับครอบครัวได้ถึงสถานที่ที่เธอไปซื้อมา แม้ว่าตอนนี้รัฐจะเปิดให้ขายของเสรีกว่าเมื่อก่อน แต่อาหารนั้นยังหาซื้อยาก และจำพวกเนื้อหมูเท่าที่ความจำของร่างนี้มีคือซื้อได้ที่โรงเชือด และอาจจะมีในตลาดมืดที่ชาวบ้านนำมาขาย จริง ๆ หญิงสาวไม่จำเป็นต้องคิดมากในเรื่องนี้ เพราะในมิติมีห้างสรรพสินค้าให้เลือกสรรอยู่แล้วจะกลัวอะไร เพียงแต่เธอต้องการหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อนว่าจะตอบที่บ้านอย่างไร แม้ว่าครอบครัวนี้จะรักเธอมากแค่ไหน เธอไม่มีทางบอกแน่นอนว่าไม่ใช่ตู้เซียงเหมยตัวจริง แต่เป็นวิญญาณทะลุมิติเข้ามา จะพูดว่าเธอเห็นแก่ตัวคงไม่ผิด เพราะเธอหวงแหนความรักของทุกคนมีให้ ถ้าเกิดรู้ว่าเธอไม่ใช่ตัวจริง หัวใจของแต่ละคนคงแตกสลาย เรื่องมิติเองก็เช่นกัน ทั้งสองเรื่องนี้คงจะต้องตายไปพร้อมกับเธอ “อาเหมยทำอะไร หอมจัง” ตู้เปียวซวนเดินขยี้ตาอ้าปากหาวหวอด ๆ ผ่านห้องครัวจะไปล้างหน้าล้างตาหลังบ้านจึงเอ่ยถาม “โจ๊กข้าวโพดใส่ไข่ลวกกับผัดผัก พี่รองยังไม่ตื่นเหรอ” “ตื่นแล้ว ตื่นแล้ว” ตู้เหรินหนานรีบวิ่งออกมา สภาพไม่ต่างจากพี่ชายตัวเองเท่าไร “รีบไปล้างหน้าล้างตาเถอะ จะได้มากินมื้อเช้ารองท้องก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่ทันเกวียนรอบแรก” ตู้เซียงเหมยไล่พี่ชายทั้งสองคนไปจัดการตัวเองเพราะตอนนี้แทบจะเหมือนเด็กสามขวบไม่ใช่ชายหนุ่มอายุยี่สิบห้ากับอายุสามสิบ ชั่วขณะหนึ่งใบหน้าของหญิงสาวเกิดความเศร้าหมองขึ้นมาเพราะคิดถึงน้องชายเพียงคนเดียวอีกภพหนึ่ง ไม่รู้ว่าน้องชายจะเสียใจแค่ไหน ขอเพียงเขาสามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้เธอก็พอใจแล้ว อีกทั้งพินัยกรรมเธอได้ทำเรียบร้อย วันนั้นเธอรอเพียงทนายเอาพินัยกรรมมาให้เพื่อจะเก็บไว้ในเซฟส่วนตัว แต่ใครจะคิดว่าเพียงแค่พักสายตาเธอจะทะลุมิติมาอยู่ในนิยายแทน “ลี่ลี่อย่าดื้อกับตายายนะ แม่ไปทำธุระในอำเภอแล้วจะรีบกลับมานะคนเก่ง” ตู้เซียงเหมยโน้มตัวไปหอมแก้มลูกสาวฟอดใหญ่ หนูน้อยเช้านี้อารมณ์ดี ตู้เซียงเหมยดูว่าลูกน้อยอายุเจ็ดเดือนแล้วเมื่อคืนจึงลองอ่านหนังสือคู่มือแม่และเด็ก ทำให้รู้ว่านอกจากนมแม่ ลูกน้อยสามารถกินอาหารได้แล้ว แต่ต้องบดอย่างละเอียด เช้านี้จึงแยกต้มโจ๊กข้าวขาวกับฟักทองบดให้ลองชิม หนูน้อยนั้นชอบมาก แต่ไม่กล้าป้อนเยอะ กลัวว่ากระเพาะและลำไส้อาจจะยังปรับไม่ได้กับอาหารที่กินเข้าไป เลยเริ่มแต่น้อย ๆ ลี่ลี่ยิ้มหวานตาหยีให้แม่และยังคงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากตามประสาของเธอเพราะแม่คุยด้วย “ไปกันได้แล้วลูก เดี๋ยวจะสายไม่ทันเกวียน เข้าตลาดระวังตัวด้วยนะ” แม่ตู้เห็นว่าอาเหมยจะมัวแต่เล่นกับลี่ลี่จึงเร่งให้รีบเดินทาง แม้ว่าหมู่บ้านกับอำเภอจะไม่ไกลมาก ถ้าหากเดินใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมง ถ้าหากนั่งเกวียนก็แค่ครึ่งชั่วโมง ชาวบ้านทั่วไปอาจจะเป็นเรื่องปกติ แต่ตู้เซียงเหมยน้ำตาแทบตกใน หากต้องเข็นรถไปขายในอำเภอ ไปกลับต้องใช้เวลาถึงสองชั่วโมง คิดแล้วอยากจะร้องไห้ สามคนพี่น้องบ้านตู้จึงได้มีตะกร้าสะพายหลังจากนั้นจึงเดินออกจากบ้านเพื่อไปยังจุดรอขึ้นเกวียนประจำหมู่บ้าน ชาวบ้านเห็นภาพสามพี่น้องบ้านตู้เดินคุยกันด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะต่างก็สงสัย ยิ่งเมื่อวานตู้เซียงเหมยเพิ่งจะโดนแม่สามีไล่ออกจากบ้านแท้ ๆ ทำไมเช้านี้ดูเธอไม่มีร่องรอยของความเสียใจเลยล่ะกลับพบเพียงแววตาที่มีแต่ความสุขและรอยยิ้ม นี่มันเกิดอะไรขึ้น หรือว่าเสียใจจนบ้าไปแล้ว “สวัสดีจ้ะป้าจาง เข้าอำเภอเหมือนกันเหรอจ๊ะ” ตู้เซียงเหมยทักทายคนรู้จักของแม่อย่างอารมณ์ดี เพราะใครดีมาเธอดีกลับ ใครร้ายมาเธอร้ายกว่าหลายเท่า “ใช่แล้ว แล้วนี่เราทั้งสามคนจะไปไหนกัน เรื่องเมื่อวานป้าเสียใจด้วยนะ บ้านเหวินไม่น่าจะทำกับเราแบบนั้นเลย” นางจางรู้ข่าวหลังจากกลับมาถึงบ้าน ลูกชายเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังและสงสารในชะตาของหญิงสาวเหลือเกิน “ไม่เป็นไรหรอกป้า ทุกอย่างเกิดขึ้นไปแล้ว รอแค่พี่หยวนต้ากลับมา จากนั้นก็ดูว่าเขาจะเอายังไง ถ้าจะหย่าฉันก็ไม่มีปัญหา แค่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ม่ายหย่าสามีไม่มีอะไรน่ากลัว และแม้ว่าฉันจะต้องสูญเสียสามีแต่ฉันยังได้ครอบครัวเดิมที่รักฉันจริงกลับมา แค่นี้ก็ไม่มีอะไรต้องให้เสียใจอีกแล้ว ป้าว่าจริงไหม” หญิงสาวยังคงพูดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้านี้ไม่มีร่องรอยของความเสียใจเลยแม้แต่น้อยนอกจากรอยยิ้มเท่านั้น ตู้เปียวซวนและตู้เหรินหนานใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้ม เมื่อได้ยินน้องสาวที่เป็นสุดที่รักพูด จริงสินะ ขอแค่มีครอบครัวที่รักและอบอุ่นกลับมาเหมือนเดิม แม้ว่าน้องสาวตัวน้อยของพวกเขาจะเป็นหญิงม่ายหย่าสามีพวกเขาก็ไม่สนใจ ไม่นานเกวียนประจำหมู่บ้านจึงมารับทุกคนเพื่อมุ่งหน้าเข้าอำเภอ เมื่อมาถึงตู้เซียงเหมยจึงแยกจากพี่ชายทั้งสองคน เธอให้พี่ชายไปขายนาฬิกาในตลาดมืดโดยย้ำว่าหากมีลูกค้าอยากจะได้พร้อมกันให้พี่ชายเลือกที่จะประมูล ใครให้ราคามากกว่าก็ขายให้คนนั้น ก่อนจะยื่นนาฬิกา อีกเรือนให้เพิ่ม “นาฬิกาเรือนนี้ฉันเก็บเงินซื้อให้พี่หยวนต้าตอนแต่งงาน แต่ยังไม่มีโอกาสที่จะมอบให้ ตอนนี้ฉันคิดว่าไม่จำเป็นอีกแล้ว พี่เอาไปขายด้วยเถอะ จะได้เอาเงินมาทำการค้าและสร้างบ้าน ต่อไปหากการค้าดีขึ้นและอยู่ตัว พี่ทั้งสองคนจะได้แต่งงานเสียที” “ถ้าจะขายเพื่อเอาเงินมาทำธุรกิจและสร้างบ้านพี่ยินดี ส่วนเรื่องแต่งงานพี่ยังไม่คิด อยู่มาได้สามสิบปี พี่ไม่รีบ ฟังนะอาเหมยการแต่งงานของพี่ไม่สำคัญเท่ากับความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัวหรอก และที่สำคัญตอนบ้านเราจนและลำบาก ยังจะมีหญิงสาวคนไหนคิดที่จะแต่งงานด้วย หากมีเงินแล้วพี่ไม่อยากได้ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวมาเป็นภรรยา พี่ไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องมาทุกข์ใจ” ตู้เปียวซวนพูด แม้ว่าใบหน้าจะเปื้อนยิ้มแต่ในใจของเขานั้นยังคงคิดถึงเรื่องเมื่อหลายปีก่อน เขามีหญิงสาวที่หมายปองแต่ครอบครัวเขาจนเธอจึงเลือกที่จะแต่งงานกับคนอื่น ถ้าเขาจะมีคนรักอีกครั้งเขาขอเลือกคนที่รักเขาและรักครอบครัวเขาดีกว่า ตู้เซียงเหมยมองหน้ากับตู้เหรินหนานเพราะเรื่องนี้เป็นปมในใจของบ้านตู้ไม่น้อย “พี่คิดเหมือนพี่ใหญ่นะ วันหนึ่งเมื่อถึงเวลา พี่และพี่ใหญ่คงเจอคนที่รักตัวตนของพวกพี่จริง ๆ เข้าสักวัน” “เอาอย่างนั้นก็ได้ วันหนึ่งบ้านตู้ของเราจะต้องร่ำรวยจนคนอิจฉาเลยล่ะ ฉันสัญญา” เมื่อสามพี่น้องแยกกัน สองคนมุ่งหน้าเข้าตลาดมืดด้วยเส้นทางที่เคยชิน ส่วนตู้เซียงเหมยเดินดูร้านค้าต่าง ๆ ในอำเภอด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะเห็นร้านปักผ้าร้านหนึ่ง ชื่อว่าร้านถงหลินหญิงสาวจึงเดินเข้าไปถาม หากเขารับผ้าปักมาขายเธอจะเอาออกมาจากห้างสรรพสินค้าทันที “สวัสดีค่ะร้านถงหลินยินดีให้บริการ ไม่ทราบว่าต้องการอะไรคะ” หญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบห้าปีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เธอชื่อว่ากว้านซือถงเป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ “คือว่าฉันจะขอสอบถามว่าที่นี่รับผ้าปักมาขายไหม ฉันพอจะปักผ้าเป็นอยู่บ้างจึงอยากจะฝากขายค่ะ” ตู้เซียงเหมยกวาดตามองภายในร้าน ที่นี่นอกจากขายเสื้อผ้าสำเร็จรูปและวัสดุในการตัดเย็บเสื้อผ้า ยังมีผ้าปักหลายชิ้นที่วางขายและยังมีเครื่องสำอางวางอยู่เล็กน้อย “รับสิแต่ต้องดูแบบก่อนนะ พี่จึงจะประเมินราคาให้ได้ เรียกพี่ว่าซือถงเถอะ พี่เป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ และพี่ยังมีสาขาอยู่ที่ปักกิ่งอีกหนึ่งสาขา ยังไม่รวมของพี่สะใภ้ในต่างอำเภอ” กว้านซือถงแนะนำตัวเอง หากมีคนมาเสนอขาย หรือว่าฝากขายเธอยินดีที่จะรับ แต่ต้องขอดูสินค้าชิ้นนั้นก่อนจึงจะบอกราคาได้ ตู้เซียงเหมยเผยรอยยิ้มกว้างมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินในสิ่งที่เจ้าของร้านบอก นี่คือลู่ทางหาเงินอีกอย่างที่เธอจะหาได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD