บทที่ 7 ร่วมทำการค้า

1545 Words
“ฉันชื่อตู้เซียงเหมย พี่เรียกฉันว่าเซียงเหมย หรืออาเหมยก็ได้ ฉันขอถามพี่ซือถงอีกเรื่องหนึ่งได้ไหม ร้านของพี่ขายพวกสบู่ด้วยหรือเปล่า เป็นสบู่ทำเอง ฉันพอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง ฉันอยากให้พี่ลองใช้ดู” ตู้เซียงเหมยทำทีเป็นหยิบของออกมาจากตะกร้าที่มีผ้าปิดไว้หญิงสาวหยิบผ้าปักชิ้นเล็กออกมาสองผืน และหยิบสบู่ออกมาสิบก้อน จากนั้นจึงยื่นให้ “ภาพทั้งสองภาพนี้สวยมากนะ ฝีเข็มละเอียดไม่มีจุดไหนที่ผิดพลาดเลย พี่ให้ผืนละร้อยหยวน ถ้าเกิดมีอีกก็เอามาขายให้พี่นะอาเหมย แม้ว่าในอำเภอนี้อาจจะยังไม่ใช่ในสิ่งที่ชาวบ้านต้องการแต่ในปักกิ่งพวกคุณหญิงคุณนายต่างต้องการกันมาก พี่ส่งไปขายในราคาเท่าตัว หรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย เพราะมันมีค่าเดินทาง เราเข้าใจใช่ไหม” กว้านซือถงไม่ปิดบัง ทำการค้ามันต้องมีกำไรบ้างอยู่แล้ว หากไม่มีกำไรจะทำการค้าเพื่ออะไร “ขอบคุณพี่ซือถงมากนะคะ ที่รับซื้อภาพปักของฉัน” ตู้เซียงเหมยค้อมหัวขอบคุณ “สบู่นี่หอมดีนะ” กว้านซือถงสูดดมสบู่ก่อนจะให้เด็กที่ร้านไปหยิบน้ำสะอาดมาหนึ่งถัง เมื่อได้น้ำมาแล้วหญิงสาวจึงแกะสบู่และลองถูที่มือทั้งสองข้าง สบู่ก่อนนี้ไม่เพียงแค่กลิ่นเท่านั้นที่หอม ยังมีฟองมากมาย มากกว่าสบู่ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปเสียอีก พอล้างน้ำที่มือแล้วความสะอาดและความนุ่มลื่นที่เกิดขึ้นทำให้กว้านซือถงพอใจเป็นอย่างมาก “สองร้อยก้อน อีกสิบวันทันไหม” อยู่ ๆ กว้านซือถงพูดขึ้น “หา! สองร้อยก้อน ทันค่ะพี่ซือถง ยังไงก็ทัน” แม้ไม่ทันแต่เธอมีอีกมากมายในมิติ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับตู้เซียงเหมย “เราขายพี่ก้อนละเท่าไร” กว้านซือถงถามถึงราคา “ฉันขายส่งให้พี่ก้อนละหนึ่งหยวนห้าเหมา พี่พอจะรับไหวไหม” แม้ว่าจะมีความทรงจำของร่างเดิม แต่ปกติร่างนี้ซื้อแค่ในสหกรณ์ของรัฐเท่านั้น ราคาอยู่ที่สองหยวน หอมก็ไม่หอม สั่งสองร้อยก้อนขายหนึ่งหยวนห้าเหมาน่าจะรับไหว อีกทั้งวัสดุทุกอย่างในโรงงานของเธอก็มี จึงไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะบอกกับครอบครัวอย่างไร ช่างเถอะ ค่อยคิดกันอีกที “พี่ให้เราสองหยวนก็แล้วกัน อย่าลืมว่าอาเหมยเองก็มีต้นทุนและค่าแรง ราคานี้แหละ หากพี่ส่งขายในปักกิ่ง ของดีแบบนี้สี่ห้าหยวนพี่ยังขายได้เลย” กว้านซือถงมองว่าขายให้เธอหนึ่งหยวนห้าเหมามันน้อยไป หญิงสาวตรงหน้าคงจะได้กำไรไม่เยอะ และไม่รู้จะคุ้มค่าแรงหรือเปล่า อีกทั้งเธอถูกชะตากับตู้เซียงเหมยคนนี้ หากทำการค้าร่วมกันคงจะไปได้ดี “มันจะดีเหรอพี่ซือถง” “ดีสิ ราคานี้แหละ” กว้านซือถงยังคงยิ้มให้เหมือนเดิมไม่มีท่าทางที่บอกว่าเธอหนักใจกับราคานี้ “ขอบคุณมากนะพี่ซือถง เอานี่ฉันให้ แป้งทาหน้าตลับนี้สหายฉันทำเอง หล่อนทำส่งต่างประเทศ พอมีรุ่นใหม่เลยเอามาให้ฉันลอง และชวนฉันขายโดยใช้ชื่อยี่ห้อ หรือที่ต่างชาติเรียกว่าแบรนด์ของตัวเอง ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อม พี่ลองเอาไปใช้ดูนะ ปกปิดดีเชียวล่ะ กันแดด กันน้ำ กันเหงื่อ” ตู้เซียงเหมยไม่รู้ว่าที่นี่ใช้อย่างไร แต่เครื่องสำอางเธอทุกชิ้นที่อยู่ในมิติของเธอขายในเคาน์เตอร์แบรนด์และส่งขายต่างประเทศ หากไม่ดีจริงไม่กล้าการันตีแน่นอน เธอจึงหยิบให้สามตลับโดยยังไม่มีชื่อยี่ห้อใด ๆ มีมาทั้งโรงงานแบบนี้ช่างสะดวกกับการหยิบออกมาใช้เสียจริง และที่สำคัญมิติของเธอสามารถเอาของออกมาใช้ไม่มีวันหมดนี่สิคือของดีที่แท้ทรู “ขอบใจมากนะอาเหมย และยินดีมากที่ได้ทำการค้าด้วยกัน” “ฉันสิต้องขอบคุณพี่ ที่ยอมรับซื้อสินค้าของฉัน” ตู้เซียงเหมยขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง เธอไม่หวังอะไรมาก ในอนาคตนั้นเธอจะเปิดโรงงานผลิตเครื่องสำอางเป็นของตนเอง แต่กว่าจะถึงวันนั้นตอนนี้ต้องเก็บเงินก่อน อะไรที่ทำเป็นเงินได้ฉันเอาหมด “จริงสิ เราอาศัยอยู่ในอำเภอหรือเปล่า” “เปล่าค่ะพี่ ฉันอาศัยอยู่ในหมู่บ้านไป๋ซานวันนี้มากับพี่ชายตั้งใจจะมาหาที่ขายอาหารเช้า จำพวกโจ๊กและซาลาเปา แต่ยังหาที่ไม่ได้เลย” เธอบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงที่เข้ามาในอำเภอ เผื่อว่าพี่ซือถงจะพอแนะนำที่ขายของได้บ้าง “จริงเหรอ เซียงเหมยเห็นร้านที่ปิดถัดไปจากร้านนี้สามร้านไหม นั่นล่ะเขาเพิ่งจะมาบอกพี่ว่าต้องการหาคนเช่าร้านร้านนั้นชั้นเดียว หากแค่จะขายของและเก็บของพี่ว่าได้เลยล่ะ ในร้านวางโต๊ะได้สามสี่โต๊ะ และด้านหน้าร้านวางของขายได้ ค่าเช่าไม่แพงด้วยเดือนละห้าหยวน เราสนใจหรือเปล่า พี่จะโทรไปคุยให้” กว้านซือถงคิดว่าตู้เซียงเหมยมาได้จังหวะพอดี เมื่อวานเจ้าของร้านเพิ่งจะมาบอกกับเธอว่าต้องการหาคนเช่าร้านอยู่พอดี “สนใจ ฉันสนใจ พี่ติดต่อให้หน่อยได้ไหม” ตู้เซียงเหมยตอบรับแบบไม่ต้องคิด หากมีร้านค้าเป็นของตัวเองแม้ว่าจะต้องเช่า เธอไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างบ้านในหมู่บ้านอีกแล้ว ทนอยู่ไปก่อน หาซื้อบ้านหลังใหญ่ในอำเภอดีกว่า ในเมื่อตัดขาดกับบ้านสามีแล้วจะอยู่มองให้รกสายตาทำไม อีกทั้งจะได้หาสังคมที่ดีให้กับลี่ลี่ของเธอด้วย แต่อย่างไรก็ต้องกลับไปปรึกษากับครอบครัวอีกครั้งเรื่องซื้อบ้านใหม่ ถ้าเก็บเงินไม่ครบจริง ๆ สร้างแบบธรรมดาพออยู่ได้ไปก่อน เวลาย้ายขึ้นมาจะได้ไม่เสียดายเงิน เมื่อตู้เซียงเหมยตกปากรับคำจะเช่าร้าน กว้านซือถงจึงรีบเดินไปโทรศัพท์หาเจ้าของร้านทันที คำตอบที่เธอได้รับมาทางนั้นตกลงและอีกสามวันให้มาทำสัญญาเช่า และยังบอกอีกว่าของในร้านนั้นเขายกให้หมดเลย ถ้าจะซื้อร้านนี้เขายินดีจะขายให้แค่ห้าร้อยหยวน เพราะร้านมันเล็ก “จริงเหรอพี่ ถ้าเกิดฉันเก็บเงินได้ เขาขายแค่ห้าร้อยหยวนจริง ๆ ใช่ไหม” น้ำเสียงของตู้เซียงเหมยนั้นตื่นเต้นสุด ๆ ทำให้กว้านซือถงอดเอ็นดูและยิ้มตามไม่ได้ “ใช่ อีกสามวันเราก็มาทำสัญญา แต่มาหาพี่ก่อนแล้วพี่จะพาไปหาเจ้าของร้าน แล้วนี่เราจะไปไหนต่อหรือเปล่า” “ไปหาพี่ชายที่ตลาดมืด ฉันให้พี่ใหญ่และพี่รองไปขายของให้ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง พี่ซือถงมีชุดผู้ชายขายบ้างไหม” “มีสิ แต่พี่ไม่ค่อยเอาออกมาโชว์ เดี๋ยวพี่เอามาให้ดู” จากนั้นกว้านซือถงหยิบชุดของผู้ชายมาให้ตู้เซียงเหมยเลือก เมื่อได้ของให้พ่อและพี่ชายทั้งสองคนละสองชุดแล้ว หญิงสาวจึงเลือกให้แม่อีกสองชุด เธอจึงจ่ายเงินให้กับซือถง เสื้อผ้าทั้งหมดเป็นแบบชาวบ้านธรรมดาไม่ได้หรูหรามาก และราคาไม่แพง ดังนั้นเธอจ่ายเงินค่าชุดไปเพียงแค่สิบห้าหยวน เพราะซือถงลดให้ กลายเป็นว่าแทนที่จะได้ไปตลาดมืดคนเดียวกว้านซือถงจึงขอตามมาด้วยเมื่อรู้ว่าพี่ชายทั้งสองคนของสหายคนใหม่ไปขายนาฬิกา ยิ่งไม่รู้ราคาเธอกลัวว่าพี่ชายของตู้เซียงเหมยโดนหลอกซื้อในราคาถูก กลับมาที่สองพี่น้องบ้านตู้หลังจากที่เข้ามาในตลาดมืดแล้ว ทั้งสองจึงมองหาลูกค้าที่คิดว่าน่าจะพอมีกำลังซื้ออยู่พักใหญ่ พอเห็นเป้าหมายจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่ “ไม่ทราบว่าต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” ตู้เปียวซวนเดินเข้าไปถาม “ฉันต้องการหาซื้อของขวัญให้กับเจ้านาย แต่สภาพของพวกแกคงไม่มีของดีหรอก” ชายคนนั้นพูดอย่างดูถูกก่อนจะมองสองพี่น้องตั้งแต่หัวจดเท้า “คุณยังไม่รู้เลยว่าพวกเราสองพี่น้องมีหรือเปล่า แม้ว่าเราจะหาให้ได้แต่ไม่ขายให้คุณหรอก เพราะสินค้าพวกเรานั้นดีเกินไปสำหรับคุณ” ตู้เหรินหนานไม่ชอบใจที่ชายตรงหน้าทำกิริยาแบบนี้ แม้ว่าพวกเขาสองพี่น้องจะแต่งตัวแบบไหนไม่ควรที่จะดูถูก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD